ใครที่เป็นสาวกซีรี่ย์ Game of Throne ต้องไม่พลาดกับเมืองนี้ เพราะเมืองสวย ๆ ในเรื่องนั้นส่วนหนึ่งมาถ่ายทำที่เมืองแห่งนี้ เมืองดูบรอฟนิก ประเทศโครเอเชีย ขอเล่าแบบสั้น ๆ พอดีเราเป็นนักเรียนไทยที่เรียนอยู่ในประเทศโรมาเนีย ( ทุนรัฐบาล ) ได้มาแลกเปลี่ยนในประเทศฮังการีเป็นเวลา 1 ปี มีเวลาว่างเลยออกท่องเที่ยวหลาย ๆ ประเทศเริ่มจากประเทศบอสเนียเฮเซอโกวินา และนั่งรถบัสต่อมายังประเทศโครเอเชียค่ะ เราไม่ได้เป็นสาวกซีรี่ย์ Game of Throne แต่อยากมายังเมืองนี้เพราะว่าเป็นเมืองท่าที่สวยงาม และเก่าแก่ทั้งวัฒนธรรม สิ่งก่อสร้างพวกกำแพงเมือง บ้านเมืองเก่า ๆ ทำให้ได้การรับรองจากยูเนสโก ( UNESCO ) องค์กรด้านศิลปะวัฒนธรรม ประกาศเป็นเมืองมรดกโลกที่โดดเด่นจนดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมเยือนในทุก ๆ ปี มากเป็นล้าน ๆ คนเชียวค่ะ เราเดินทางต่อจากเมือง Mostar ประเทศบอสเนียเฮเซอโกวินา ไปยังเมืองดูบรอฟนิกด้วยรถบัสข้ามประเทศ วิวข้างทางสวยมาก ๆ จนอดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายมาให้ชมกัน เรื่องตลก ๆ ของประเทศโครเอเชียคือ ประเทศโครเอเชียนั้น มีแผ่นดินส่วนที่ไม่ได้ติดกับตัวประเทศด้วย เป็นพื้นที่ ๆ โดนตัดให้กับประเทศบอสเนียเป็นทางออกสู่ทะเลชื่อว่า Neum ทำให้การเดินทางนั้นจะแปลกประหลาด เพราะเราต้องเดินทาง โดยมากจาก ประเทศบอสเนีย > ออกไปโครเอเชีย > เข้าบอสเนียส่วนหนึ่งที่ติดทะเล > ออกบอสเนีย > เข้าโครเอเชีย ทำให้การเดินทางค่อนข้างยาวนานใช้เวลาทั้งวัน แม้จะห่างกันแค่ 4-5 ชั่วโมง แต่ต้องผ่านตม. ถึง 3 ครั้งเชียวค่ะ เพียงเพราะพื้นที่ติดทะเล Nuem ของบอสเนียที่คั้นประเทศไว้นั่นเอง เดินทางมาถึงก็เย็นแล้วค่ะ พอถึงก็เดินเข้าเมืองไปยังโฮสเทลที่จองไว้ Hostel Euroadria ใกล้กับท่ารถ คืนละ 17 Euro ( ประมาณ 579 บาท ) ต่อคืน ราคาแพงมหาโหดมากเพราะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะในช่วงหน้าร้อน พักห้องละ 10 คนค่ะ เตียงที่เรานอนตื่นมาเห็นทะเลที่ปลายเท้าเลย ฟินมาก ยิ่งพระอาทิตย์ขึ้น หูย สวยมาก ๆ ค่ะ ความสะอาดและบริการดีมาก ๆ แนะนำค่ะ ตื่นเช้ามา วางแผนจะไปเที่ยว Old Town ของเมืองดูบรอฟนิกซึ่งห่างออกไปประมาณ 2 กม. คนส่วนใหญ่จะเดินค่ะ และเราก็สายเดิน ที่จองโรงแรมห่างออกมาไม่ใช่เพราะอะไรนะคะ ค่าโรงแรมในตัวเมืองเก่านั้นแพงมหาโหด สายแบกแพคอย่างเราต้องจำกัดงบนิดนึง ข้อดีคือ เราได้เห็นวิถีชีวิตของคนข้างนอกเมือง ขนาดคนโครเอเชียเองนั้นยังบ่นว่าการท่องเที่ยวทำให้วิถีชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไป อะไร ๆ ก็แพง ค่าเช่าห้อง อพาร์ทเมนท์ที่เปลี่ยนไปเป็นเกสเฮ้าส์ให้นักท่องเที่ยว ทำให้ค่าครองชีพพวกเขาแพงจนไม่สามารถที่จะใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่ายได้ค่ะ จะเห็นว่าตลอดทางเดินริมทะเลมีนักท่องเที่ยวเดินกันเยอะแยะ เพราะอากาศดีในช่วงซัมเมอร์ วิวสองข้างทางเป็นเรียบทะเล สวยมาก ๆ ตลอดทางเลยค่ะ ประเทศโครเอเชียนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย สามสิบปีที่แล้วหลังจากล่มสลายทำให้เกิดสงครามระหว่างบอสเนีย โครเอเชีย และเซอร์เบีย ทำให้เมืองดูบรอฟนิกโดนโจมตี ก่อนจะได้รับการบูรณะขึ้นในภายหลัง คนโครเอเชียพูดภาษาโครเอเชียนที่มีความคล้ายคลึงกันกับภาษาเซอร์เบียน อยู่ในกลุ่มภาษาสลาวิก ( Slavic languages ) ประเทศโครเอเชียมีพื้นที่ติดทะเลเยอะมาก และเกาะเล็กเกาะน้อยสวยงาม ปัจจุบันโครเอเชียอยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรป หรือ อียู ( EU ) แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเชงเก้น ( Schengen Area ) แต่ใครวางแผนจะไปโครเอเชีย สามารถใช้วีซ่าเชงเก้นเข้าได้ค่ะ แต่ต้องเป็นแบบ multiple entries เข้าออกได้หลายครั้งเท่านั้น ไม่อยากนั้นก็ต้องขอวีซ่าโครเอเชียแทน พอไปถึงเมืองเก่านั้นตกตกใจกับจำนวนนักท่องเที่ยวมหาศาลจริง ๆ แม้ว่าระบบจัดการจะโอเคอยู่ มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือ แต่ไม่คิดว่านักท่องเที่ยวจะเยอะขนาดนี้ เรื่องสำคัญเลย ให้ระวังกระเป๋าเงินให้ดี ๆ ค่ะ นักท่องเที่ยวเยอะก็หมายถึงโจรมิจฉาชีพเยอะตามมาด้วย หากพร้อมแล้วก็เดินเข้าไปยังตัวเมืองเก่าข้างในกำแพงเมืองเลยค่ะ เดินไหลไปตามคน คนเยอะจนไม่อาจจะยืนถ่ายรูปตรง ๆ ได้สักนาทีเดียวค่ะ เข้าไปใน Fort Dubrovnik ผ่าน Pile Gate ข้างนอกที่ว่าสวยแล้วข้างในนี้เหมือนคนละโลก อย่าหาว่าโม้เชียว เหมือนย้อนยุคกลับไปในสมัยยุคกลาง อัศวิน กษัตริย์ นักรบ ช่วงเวลานั้น ตรงถนนเส้นตรงกลางนี้เรียกว่า Stradun ค่ะ เป็นถนนเส้นหลักที่ปูด้วยหินอ่อน สองข้างทางเป็นร้านรวงต่าง ๆ เข้าฟรีนะคะ ยกเว้นจะขึ้นไปบนกำแพงเมืองต้องจ่ายเพิ่ม 15 ยูโรค่ะ พอเดินไปเรื่อย ๆ ซอกแซกเข้าไปยังซอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะเป็นตึกราบ้านช่อง มีบ้านคน ยึ่งเดินลึกเข้าไปก็ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่แล้วค่ะ เท่าที่สังเกตเค้าพยายามคงลักษณะเดิม ๆ การต่อเติมสร้างอะไรนั้นต้องให้สามารถเข้ากับบริเวณรอบ ๆ ได้ดี เมืองนั้นจึงออกมาสวยมาก ๆ ค่ะ สามารถเดินออกไปตรงริมท่าที่คนขึ้นเรือเพื่อจะชมเมืองผ่านทางทะเล สวยมาก ๆ ค่ะ ได้อารมณ์เหมือนอยู่อิตาลีเลย เมื่อมองลงไปจากกำแพงเมืองจะเห็นว่าน้ำทะเลของที่นี้จะออกเขียว ๆ และก้อนหินเยอะค่ะ ไม่มีหาดทรายเป็นกิจจะลักษณะทำ มีกิจกรรมทางน้ำให้เล่น เช่น เรือคายัค ค่ะ เป็นสถานที่พักผ่อนของชาวยุโรปจากฝั่งตะวันตก เพราะนอกจากจะใกล้อิตาลีแล้วราคายังถูกกว่าอิตาลีค่ะ อากาศร้อนมากจนต้องหวังพึ่งจีลาโต้ ( Gelato ) ร้านนี้จะอยู่เข้าไปในซอยเล็ก ๆ หน่อยแต่จะเห็นคนเยอะมากอยู่หน้าร้านค่ะ ร้านชื่อ Peppino แถมฟรีวาฟเฟิลกรอบ ราคาอยู่ราว ๆ 2-3 Euro ค่ะ ค่าเงินของทีนี้คือ Croatia Kuna ( HRK ) โดยเรทเราจะอิงกับยูโรค่ะ เพราะถือยูโรไปสะส่วนใหญ่ 1 Euro = 7 kuna หรือ 33 บาท เท่ากับ 7 คูน่าโครเอเชีย นั่นแหละค่ะ เดินอยู่สามสี่ชั่วโมง ก็เริ่มหิว เดินชมเมืองจนเหนื่อยค่ะแถมอากาศก็ร้อน คนก็เยอะ เข้าใจเลยค่ะว่าทำไมคนโครเอเชียส่วนใหญ่แทบจะไม่อยู่ในแถบเมืองเก่าเท่าไหร่นัก เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก พอบ่ายแก่ ๆ เราก็เดินกลับไปยังโฮสเทล เดินผ่านร้านอาหารใกล้ ๆ โฮสเทล ดูมีเมนูเป็นเซตราคาไม่แพงมาก แถมเป็นอาหารทะเล เลยลองจัดเสียหน่อย จานนี้เป็นอาหารประจำชาติเลยค่ะ เป็น Seafood Risotto ประกอบไปด้วยกุ้ง หอยแมลงภู่และปลาหมึก จานใหญ่มาก ๆ กับเซ็ตนี้ เราสั่งแฮมเบอเกอร์และเบียร์ Karlovacko ราคารวมทั้งหมด 20 euro ราว ๆ 600 บาท ท่องไว้ในใจว่า เราอยู่ยุโรปค่ะ ให้คิดเป็นยูโร เราจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เยอะ นาน ๆ กินทีค่ะ อย่าคิดมาก 555 ทานข้าวเสร็จ เดินเล่นชิว ๆ ริมทะเล พระอาทิตย์ตกดินพอดี สวยงามจับใจ แม้ว่าจะมีเวลาน้อยนิดในเมืองดูบรอฟนิก เพราะดึก ๆ เราจะนั่งรถบัสต่อไปยังเมือง Kotor ประเทศมอนเตเนโกแล้วค่ะ ใครที่มีเวลามากกว่านี้ก็สามารถปีนเขาขึ้นไปชมกำแพงเมืองที่อยู่บนเขาหรือนั่ง Cable Car ขึ้นไปค่ะ วันนี้เราได้เห็นวิถีชีวิต ได้เห็นเมืองเก่าสวย ๆ กินอาหารโครเอเชียนอร่อย ๆ คุยกับชาวโครเอเชียนิดหน่อยเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวที่กระทบการใช้ชีวิตของเขา ค่าครองชีพแพงขึ้น จนเข้าต้องออกไปทำงานต่างประเทศแทน คิดว่าคนส่วนใหญ่คงจะต้องพยายามปรับตัว จะทำอย่างไรให้สามารถจัดการกับวิถีชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไป มาตรการควมคุมนักท่องเที่ยวไม่ให้ล้นเมือง ราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ มิเช่นนั้นเสน่ห์ของเมืองดูบรอฟนิกก็คงจะหายไปค่ะ กลายเป็นทุนนิยมไปเสียหมด จุดหมายต่อไปเราจะไปยังเมือง Kotor ( โคตอร์ ) ประเทศมอนเตเนโกร ( Montenegro ) ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าคนขี้เกียจที่สุดในยุโรป จะสนุกขนาดไหน ติดตามใน EP. 4 ค่ะ ( ภาพทั้งหมดถ่ายโดยนักเขียนใช้ในนามปากกา whynottravel ) เพิ่มเติม : แชร์ประสบการณ์ นักเรียนทุนประเทศ “โรมาเนีย” มีดีมากกว่าปราสาทแดรกคูล่า ไปแลกเปลี่ยนกับทุน CEEPUS ที่บูดาเปสต์ ฮังการี 🇭🇺🇪🇺 One Semester in Budapest , HU Free Walking Tour Dubrovnik - https://www.freetour.com/dubrovnik