อยู่เมืองหลวงซาราเยโว ( Sarajevo ) ประเทศบอสเนีย เฮอเซโกวินาได้ 2 วัน ก็ได้เวลาเดินทางต่อค่ะ ... เมืองต่อไปนั้น เราจะลงใต้ค่ะ สู่เมืองมรดกโลก UNESCO Heritage ... เมือง Mostarโด่งดังในเรื่องสะพานโค้งสไตล์อิสลามสร้างตั้งแต่สมัยยุคกลาง จะสวยขนาดไหนตามมาเลยค่ะ เนื่องจากเราอยากจะได้อารมณ์โลคอลที่จริง เลยจะเดินทางด้วยรถไฟค่ะ ค่ารถไฟก็ไม่แพงมากประมาณ 4 Euro ( 130 บาท ) ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงกว่าก็มาถึงเมือง Mostar รถไฟค่อนข้างดีเลย วิวสองข้างทางสวย แต่ว่าฝนตกค่ะ เลยมองไม่เห็นอะไรเลย ระหว่างทางก็จะมีหน้าจอระหว่างทางเดิน เปิดหนังให้ดูด้วย โห ประทับใจ ไม่คิดว่าประเทศที่พึ่งผ่านสงครามมา รถไฟจะพัฒนาได้ดีกว่า(ประเทศเราอีกแน่ะ) วันนี้เงียบมากค่ะ แทบจะไม่มีคนเพราะว่าเป็นวัน Eid Mubarak ที่ชาวมุสลิมเฉลิมฉลอง ร้านต่าง ๆ ก็จะปิด คนอยู่บ้านค่ะ เงียบเหงา โฮสเทลที่เราพักอยู่บนเขาขึ้นไปอีกค่ะ ราคาคืนล่ะ 200 กว่าบาทไทย เป็นเหมือนเกสต์เฮ้าอบอุ่น ๆ เรื่องน่ารักคือ เราเดินหลงอยู่แถวนั้น มีเด็กหนุ่มบอสเนียแก้มแดง เดินผ่านมา ถาม Hello, may I help you? มีอะไรให้ช่วยมั้ย ก่อนจะพาเราเดินไปยังโฮสเทลค่ะ น้องน่ารักมาก ๆ ภาษาอังกฤษไม่ได้แข็งแรงแต่น้องบอกว่าอยากจะฝึกภาษาอังกฤษค่ะ แถมยังขอเช็คแฮนด์ด้วย ความประทับใจแรกของเมืองเราให้เต็มสิบเลยค่ะ เมืองจะแบ่งเป็นสองฝั่ง อีกฝั่งจะค่อนข้างคึกคัก มีนักท่องเที่ยวมากกว่า แค่ข้ามแม่น้ำสีเขียว ๆ ชื่อ Neretva River ไปค่ะ มีเห็นสะพานโบราณโค้ง ๆ ที่ใคร ๆ รู้จักกันในชื่อ Stari Most หรือ Mostar Bridge สะพานมอสตาร์นั้นสร้างขึ้นในศคตวรรษที่ 16 โดยสมัยออตโตมัน และในช่วงสงครามบอสเนียนก็ได้โดนพังลงโดยชาวโครแอทเพื่อตัดการลำเลียงขนส่งเสบียง และได้สร้างขึ้นมาใหม่ งบสูงถึง 15 ล้าน US ดอลล่าส์เลยค่ะ ปัจจุบันก็กลายมาเป็นเมืองท่องเที่ยว นอกจากสะพานที่สวยแล้ว แม่น้ำสีเขียวก็สวยไม่แพ้กัน จะมีการกระโดดจากสะพานเป็นธรรมเนียมในทุก ๆ วันค่ะ แล้วเราก็ไม่พลาดกาแฟสไตล์บอสเนียนอีกเช่นเคย มุมใต้สะพานพอดี ราคาแค่ 1 ยูโร ( 33 บาท เท่านั้นค่ะ ) อ้อ บางร้านที่เป็นร้านนักท่องเที่ยวรับเงินยูโรด้วยค่ะ สะดวกดี เนื่องจากมีประชากรมุสลิมเยอะ จึงมีศูนย์วัฒนธรรมอิสลามอยู่ในเมืองด้วยค่ะ เดินเที่ยวในเมืองแล้ว พอกลับไปยังโฮสเทล คุณป้าเจ้าของก็ชวนเราเฉลิมฉลอง Eid Mubarak ตามความเชื่อศาสนาอิสลามด้วยกัน ไม่ว่าจะนับถืออะไรก็เชิญมาดื่มและทานอาหารฟรี น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างนะคะ เราก็หยิบ ๆ ชิมไปทุกอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อย่าง ขนมคล้าย ๆ พายของบอสเนียน ประเทศนี้จะกินแป้งเป็นหลักค่ะ ไม่ค่อยกินข้าวมากนัก เจ้าแมวของเจ้าของบ้านก็ยึดที่นอนเรียบร้อย เป็นเมืองที่น่ารัก คนอบอุ่น แม้ว่าเค้าจะผ่านสงครามมา ชีวิตที่ยาก แต่เราได้รับน้ำใจจากทุกที่เลยค่ะ อาจจะมีเกร็ง ๆ จ้องมองเราบ้าง แต่เค้าก็แค่แปลกใจที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศเค้าค่ะ บินเมืองอาจจะไม่ได้สวยทันสมัย แต่ถ้าเรื่องประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตของคน ประเทศบอสเนีย เฮอเซโกวินามีทุกอารมณ์เลยค่ะ เป็นประเทศที่ผ่านยุคสมัยหลากอารมณ์มาก ตั้งแต่เป็นอาณาจักรของตัวเองก่อนออตโตมันจะเข้ามาเปลี่ยนจากคริสต์ออโธด็อกซ์เป็นอิสลาม และก็เข้าสู่ยุคสงครามโลกกลายมาเป็นยูโกสลาเวีย และล่มสลายนำไปสู่เรื่องน่าเศร้าการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ จนกลายมาเป็นประเทศของตัวเอง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไปค่ะ กาลเวลาทำให้ประเทศบอสเนียกลายเป็นศูนย์รวมหลากหลายเชื้อชาติ ( Diversity ) ดึงดูดผู้คนมาสัมผัส รวมถึงเราด้วยค่ะ เหตุผลแรก ๆ ที่อยากจะไปเพราะประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ขอฝากบอสเนียเฮอเซโกวินาไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากมาเที่ยวยุโรป แต่อยากได้ประสบการณ์แปลกใหม่ ( ภาพทุกภาพถ่ายโดยนักเขียน ) บทความอื่น ๆ : TrueID : whynottravel