หลักการเรียงความ บทความหรือความเรียง อย่างที่รู้กันว่าจะประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนคำนำ ส่วนเนื้อหา และส่วนสรุป แต่!!! อย่าลืมส่วนสำคัญส่วนนี้เด็ดขาด เพราะมันคือส่วนของโจทย์หลักในการออกแบบของทั้ง 3 ส่วนที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ นั่นคือส่วนของหัวข้อ มาดูกันว่า เทคนิคในการเขียนบทความของเราในแต่ละขั้นตอนจะเริ่ม และสิ้นสุดจะเป็นยังไงขั้นตอนที่ 1 การตีโจทย์คือการแตกหัวข้อที่ได้มาให้ละเอียด เพื่อวางแผนการหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุนงานเขียนของเรา เช่น ได้หัวข้อ ’การปฏิรูปการศึกษา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามแนวพระราชดำรัส ของในหลวงราชกาลที่ 9’ ทำการแตกโจทย์จากหัวข้อที่ได้รับ ประเด็นแรก ‘การปฏิรูปการศึกษา’ ประเด็นที่สอง ‘การพัฒนาที่ยั่งยืน’ และประเด็นสุดท้าย ‘พระราชดำรัสของในหลวงราชกาลที่ 9’ ขั้นตอนที่ 2 การค้นหาข้อมูลในแต่ละประเด็นที่ได้แตกมา ทั้ง 3 ประเด็น ทั้งในเรื่องของ ความหมาย บทนิยาม เนื้อหา และบทสรุปโดยทั่วไป ทำการค้นหาและรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเก็บไว้ ขั้นตอนที่ 3 การใช้เวลาในการอ่าน และทบทวนข้อมูลทั้งหมดที่หามาได้เป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างสำคัญ ที่จะต้องใช้สมาธิในการประมวลข้อมูล เพราะในระหว่างที่อ่านทบทวนเนื้อหา บทความจากแหล่งอื่นๆ นั้น ทำให้เราเกิดแนวคิด ไอเดียในการออกแบบลักษณะการวางเนื้อหาของบทความเราทั้ง 3 ส่วนขององค์ประกอบบทความ ขั้นตอนที่ 4 การออกแบบและวางแผนลักษณะการเรียงเนื้อหาบทความเราเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากที่สุด ในส่วนของคำนำ เราจะออกแบบให้เป็นไปในแนวไหน เช่น คำถาม กลอน หรือขึ้นต้นด้วยพระราชดำรัสที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือหัวข้อบทความ ในส่วนของเนื้อหา เราจะเรียงจากเหตุไปผล หรือนำเสนอผลออกมาก่อน ค่อยย้อนกลับไปกล่าวถึงเหตุ เราจะเขียนกี่ย่อหน้า จะพูดถึงเนื้อหาที่เกี่ยวกับหัวข้อบทความเรื่องอะไรบ้าง เป็นต้น และในส่วนของสรุป ซึ่งเป็นส่วนสุดท้าย เราจะเขียนบทสรุปให้เป็นไปในแนวไหน เช่น จบด้วยการทิ้งท้ายข้อคิด ทิ้งท้ายด้วยคำถามให้คิดต่อ จบด้วยบทกลอน หรือพระราชดำรัสที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ (ในที่นี้แนะนำว่า หากส่วนคำนำเป็นแบบใดแล้ว ส่วนสรุป ไม่ควรเป็นแบบนั้น เพื่อให้มีความหลากหลายในการแสดงออกถึงความสามารถในการใช้วิธีการเขียนบทความของเรา) ขั้นตอนที่ 5 การลงมือเขียนขั้นตอนนี้จะยากง่าย ช้าเร็ว ขึ้นอยู่กับขั้นตอนก่อนหน้า คือขั้นตอนที่ 3 และ 4 คือเขียนตามที่ได้วางพล็อตไว้แล้ว หากมีไอเดียเพิ่มระหว่างเขียน ก็สามารถเพิ่มได้ แต่ระวังอย่าให้ออกทะเล หรือเกินขอบเขตเนื้อหาที่เกี่ยวข้องจริงๆ เพราะจะทำให้บทความเราหมดความน่าสนใจและน่าเบื่อ ขั้นตอนที่ 6 คือการตรวจทานโดยการเขียนผังเมื่อเขียนเสร็จแล้วให้ลองตรวจความสมเหตุสมผลของบทความโดยการวาดผังขึ้นมา (เขียนลงกระดาษอื่นที่ไม่ใช่ในเนิ้อหาบทความนะ เพราะส่วนนี้เราไม่ได้ใช้มันส่งประกวด)ขั้นตอนที่ 7 การเขียนอ้างอิงอย่าลืมแหล่งข้อมูลจากขั้นตอนที่ 2 เด็ดขาด การเขียนอ้างอิงมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับแต่ละบทความกำหนด แต่ในที่นี้จำเป็นต้องใส่อ้างอิง เพราะจะเป็นการแสดงออกถึงมารยาทในการใช้ข้อมูลผู้อื่นอย่างถูกต้อง ไม่ละเมิดลิขสิทธิทางปัญญาผู้อื่น เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ หวังว่าเพื่อนๆ จะได้ความรู้จาก ขั้นตอนที่วันนี้ผู้เขียนแนะนำไปไม่มาก็น้อยนะคะ สำหรับใครที่อยากเริ่มเขียนบทความ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ไม่ให้เขียนวกไปวนมาจนผู้อ่านรู้สึกปวดหัวละก็ ลองทำตามขั้นตอนนี้ดูนะคะ มันจะช่วยให้เราสามารถจัดระบบความคิดของเราได้ดียิ่งขึ้น และทำให้บทความที่เพื่อนๆเขียน ออกมาดูมีการวางแผนและน่าติดตาม สำหรับวันนี้ ผู้เขียนขอลาไปก่อน สวัสดีค่าาาา