คงต้อนย้อนเวลากลับไปเมื่อ ปี 2019 ที่ได้มีโอกาสไปเยือน ประเทศเกาหลีอีกครั้งหนึ่ง รอบนี้เราเดินทางไปกับเพื่อนกันแค่สองคน เราแพลนเที่ยวที่เกาหลีประมาณ 6 วัน สองวันแรก อยู่โซล อีกสองคืนถัดมาเราจองที่พักไว้ที่เมือง ซกโซ ตั้งแต่จะใช้เวลากับเมืองนี้ให้เต็มที่ ทั้งทะเล และภูเขา ซึ่งก็เป็นแหล่งเที่ยวท่องยอดนิยมของคนไทย นั่นก็คือ ซอรักซาน เรานั่งรถใต้ดิน ลงสถาน.......... Dong soul station เพื่อที่จะหารถไปเมืองซกโซ ราคาตั๋วของเรา ตอนนั้น ราคา 15,100 วอน รถจะจอดที่พักระหว่างทาง แค่ครั้งเดียวที่เหลือก็ยิงยาว ถึงเมืองซกโซ ปฏิบัติตามจากรีวิวของผู้ที่เคยมาอย่างเคร่งครัด นั่นก็คือ รถจะจอดที่ไหนก็ช่าง เราจะลง ที่สถานี International city bus stop เท่านั้น เนื่องจากว่าไม่อยากจะเสียตังสองรอบ ลงผิดได้นั่งรถต่อเด้อ รถจะเข้ามาจอดที่ลานจอดรถหลังอาคารสถานี เราลงรถที่นั่น ซึ่งจากแผนที่ของ guesthouse ที่เราดูมาบอกว่า ให้เดินออกมาทางซอยด้านข้างสถานีได้เลย แล้วเลี้ยวซ้าย (ไม่ต้องเดินออกมาหน้าสถานีนะคะ เดินออกมาทางที่รถบัสเลี้ยวเข้ามาจอดนั่นแหละ ถึงประตูทางออก เลี้ยวซ้าย) ถ้าดูจากภาพก็ซอยด้านข้างสถานี ตามลูกศรชี้เลยจ้า เดินมาสักพักจะเจอแยก (แยกนี้มีร้านอาหารอยู่ตรงหัวมุมแยกพอดี เป็นร้านนั่งดื่ม นั่งชิวๆ อาหารอร่อย ราคาไม่แพง ที่สำคัญผู้ หนุ่มเสริฟในร้านหน้าตาดีมาก ดีทั้งร้านค่ะ ดียันเชฟเลยค่ะคุ้นนนน) ให้เดินผ่านแยกนั้น ไปเล็กน้อย มองไปทางขวา เราจะเห็น อาคาร Sokcho Hutte guesthouse ตึกสีดำๆ เทาๆ อยู่ในซอยเล็กๆด้านขวาอีกที บอกเลยว่าหาไม่อยาก เราใช้เวลาเดินไม่ถึง ห้านาทีจากท่ารถ ก็มาถึง guesthouse เราได้ติดต่อเจ้าของโรงแรมก่อนหน้าที่จะเดินทาง เขาให้ password ประตูเราให้กดเข้ามาเอง ด้วยความไม่คุ้นชินกับอุปกรณ์ทันสมัยที่ประตูนั้น คนไทยสองคนมะงุมมะงาหรากันสักพัก ก่อนที่เจ้าของ guesthouse คงจะทนไม่ไหว ออกมาเปิดประตูให้เราด้วยตัวเอง ด้านล่างของ guesthouse ก็เป็นครัว และ front ไปในตัว เราทานอาหารกันที่นี่ คุยกันเม้ากันที่นี่ guesthouse ช่วงนั้นเป็นเดือนพฤศจิกายน guesthouse เอาต้นคริสมาส มาตั้งแล้ว อดใจถ่ายรูปไม่ไหวเลยล่ะ เพราะเขาตกแต่งน่ารักจริงๆ จะบอกว่าเจ้าของ guesthouse “คุณคิม” น่ารักมา friendly มาก เขาคุ้นเคยกับคนไทยเป็นอย่างดี นางบอกว่ามาเที่ยวไทยหลายรอบแล้ว มาเที่ยวเชียงใหม่และกรุงเทพฯ จะบอกอีกว่าเขาแพลนจะพาแฟนกับลูกเที่ยวที่ไทยในช่วงปีใหม่ หลังจากพาเราขึ้นไปดูห้อง รวมถึงแนะนำกฎของ guesthouse เป็นเรียบร้อย ก็ปล่อยให้เราเก็บสัมภาระ พักผ่อนกันสักเล็กน้อย ห้องที่เราจองมาเป็นห้องที่อยู่ชั้นสอง หันออกทางหน้า guesthouse พอดี ในห้องมีเตียงสองชั้น หมอน ที่นอนสะอาดสะอ้านดี ห้องน้ำในตัว บริการอาหารเช้า ซึ่งก็เป็น ชา กาแฟ ขนมปัง Guesthouse นี้น่าจะเหมาะกับครอบครัว เพราะ ไม่วุ่นวาย สงบ และเงียบดี มีห้องหลายขนาด หลาย size ให้เราเลือก โดยวันที่เราพัก คือวันที่ 12 พฤศจิกายน ห้องพักเต็มยาวเลยนะจ้ะ ถือว่าโชคดีมาก เพราะตอนที่เราจองผ่าน agoda นั้น เหมือนจะมีคนไทยมารีวิวแค่ สองสาม comment เองมั้ง ก็ลุ้นเอาแหละ แต่ดูจากภาพที่เว็บก็ดึงดูดใจเราอยู่ไม่น้อย คิดไม่ผิดจริงๆที่ ที่เราเลือกโรงแรมนี้ เราคุยกับเจ้าของ guesthouse เรื่องสถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหาร เพราะตอนนั้นก็น่าจะเป็นเวลาบ่ายแล้ว หิวโซกันทั้งคู่ คุณคิมแนะนำในเราเดินไปทางขวาของ guesthouse (No. 3 ในรูป) ร้านนี้ เขาแนะนำเราให้สั่ง ชุดอาหาร ชุดนึง เรียกว่า “เพคปัน” สำหรับสองที่ ในเซตนั้น ก็จะมี ซุปปลาหนึ่งถ้วย (ปลาอะไรไม่รู้ ไม่รู้จักชื่อ แต่ไข่ปลาอัดแน่นจุกๆ จ้า) ไข่ดาว และกิมจินานาชนิด เติมข้าวได้ตลอดนะจ้ะ อาจุมม่าพยายามเข้ามาคุยกับเรา ภาษาเกาหลีจะซีรีย์ของฉันก็ได้ใช้วันนี้แหละค่ะ คุยไปคุยมารู้เรื่องเว้ยแก คุณคิมในเรายืมจักรยานของเขา เพื่อที่จะปั่นเที่ยวในเมือง ก็จัดเลยค่ะ ตั้งแต่ทะเล ยันสวนสาธารณะ ขาไปไม่เท่าไหร่ ขากลับเนี่ยสิ หัวเราะไม่ออก Guesthouse นี้ อยู่ใกล้กับร้านอาหาร อีกหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านในซอยทีใกล้ guesthouse (no.1 ที่ว่าผู้หล่อๆน่ะ) ยังมีร้านอาหารที่อยู่ในท่ารถเองอีกไม่ต่ำกว่าสามร้าน ร้านกาแฟ อีกตั้งเยอะตั้งแยะ และถ้าเราซวยจริงทุกร้านปิดหมอ ก็โน้นเลยจ้ะ mini mart หน้าท่ารถ (no. 4) เดินแป้บเดียวเอง ถ้าหมดสถานการณ์โควิด-19 ใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวซกโซ ซอรัคซาน ให้เวลากับเมืองนี้สักวัน และอย่าพลาดที่จะมาพักที่นี่นะ Sokcho Hutte guesthouse อันนี้คือไม่ได้เปอร์เซนต์อะไรจากเขาสักนิด ชอบคือชอบ แนะนำอย่างมากค่ะ ภาพประกอบโดยผู้เขียน