พอถึงวันหยุด คนส่วนใหญ่รวมทั้งตัวเรานั้นอยากพัก อยากใช้ชีวิตแบบslow life เราจึงตัดสินใจไปเที่ยวแบบ slow life ที่ปายนั่นเอง เพราะที่นั่นเป็นเมืองเล็ก ๆ เงียบสงบ โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ จึงเหมาะแก่การไปพักผ่อน ชาร์จแบตให้กับตัวเอง เราเริ่มต้นการเดินทางโดยเรานั่งรถทัวร์นครชัยแอร์ไปเชียงใหม่พอเดินออกจากสถานีเดินรถนครชัยแอร์จะสำนักงานขายตั๋วไปปายซึ่งตั้งอยู่ตรงข้าม จากนั้นเราก็เดินเข้าไปซื้อตั๋ว ราคาตั๋วไปปายราคา 150 บาท ซึ่งนอกจากจะไปปายแล้วนั้น ที่นี่มียังไปแม่ลาน้อย ปางมาผ้า แม่ฮ่องสอน และที่อื่นอีกด้วยค่ะ พอซื้อตั๋วเสร็จเราก็เดินข้ามฟากมารอขึ้นรถตู้ เรามาถามคนขับรถว่าเที่ยวของเรานั่งรถคันไหน พอถึงเวลาขึ้นรถจะได้ขึ้นถูกค่ะ การเดินทางจากเชียงใหม่ไปปายใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ปล. ถ้าใครกลัวจะเมารถแนะนำให้กินยาแก้เมารถก่อนสัก 30 นาทีนะคะ หรือไม่ก็พกยาดมมาด้วยค่ะ ถ้ารู้สึกเริ่มเมารถให้นั่งหลับตาไปจนกว่ารถจะจอดพักระหว่างทางค่ะ และแล้วเราก็มาถึงปายค่ะ เรามาถึงช่วงบ่าย ๆ เราเข้าเช็คอินที่พัก ที่พักที่เราพักกันคือ ชาลีเฮ้าส์ค่ะซึ่งอยู่ถถนคนเดินปายเลยค่ะ ราคาห้องประมาณ 790 บาท/คืน (ช่วงหน้าเทศกาล) ถ้าไม่ใช่หน้าเทศกาลเจ้าของบอกว่าราคาจะถูกกว่านี้ค่ะ พอเก็บสัมภาระเสร็จเราก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปบรรยากาศ ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน พอตกเย็นเรามาเดินถนนคนเดินปาย ถนนคนเดินมีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก รวมทั้งมีการแสดงเปิดหมวกด้วยค่ะ บรรยากาศในตอนกลางคืนคึกครื้นมากค่ะ เราสามารถเดินไปกินไปได้เพราะมีร้านข้างทางอยู่หลายร้าน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน เราขอแนะนำร้านข้าวปุกงาและยำหมี่ยูนานร้านนี้ค่ะ ร้านนี้เป็นเจ้าแรกที่ปายเลย ถ้าใครมาห้ามพลาดนะคะ ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน รุ่งเช้าเราออกจากที่พักมากินอาหารเช้า แล้วมาหยุดอยู่ที่ร้านโจ๊กหน้าศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมนูแนะนำของร้านนี้คือโจ๊กหมูใส่เห็ดหอม+ไข่ ราคาประมาณ 30-40 บาท และปาท่องโก๋จิ้มนมข้นหวานราคาตัวละ 5 บาท ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน พอกินจนอิ่มแล้วเราไปเช่ามอไซค์ ซึ่งที่ปายนั้นมีร้านให้เช่ามอไซค์อยู่หลายร้านราคาเช่าจะอยู่ที่ 100-300 บาท/วัน ไม่รวมค่าน้ำมัน ขึ้นอยู่สเป็กของรถ หรือใครอยากจะเช่ารถยนต์ก็มี ราคา 1,500 บาท/วัน น้ำมันเติมต่างหาก ได้เวลากินลมเล่นแล้ววว ที่ ๆ เราที่เราไปคือวัดพระธาตุแม่เย็น ตั้งอยู่หลังหมู่บ้านแม่เย็น บริเวณวัดมีจุดชมวิวที่สามารถเห็นเมืองปายทั้งเมือง ถ้าไปชมวิวช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดินจะยิ่งสวยงามมาก อีกทั้งจุดชมวิวนี้ยังประดิษฐานพระพุทธโลกุตระมหามุนี องค์ใหญ่สีขาว ให้กราบไหว้สักการะด้วยค่ะ เวลาทำการวัดเปิด-ปิด: 06.00-18.00 น. ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ลงมาจากวัดทางซ้ายมือจะมีร้านกาแฟร้านหนึ่งชื่อว่าช้างเผือก Coffee House ด้านหน้าจะมีรูปปั้นช้าง 2เชือก ภายในร้านตกแต่งแนววินเทจ มีมุมของฝากเป็นงานคราฟที่เจ้าของร้านทำเอง ตรงระเบียงสามารถนั่งชมวิวแบบเพลิน ๆ ด้านล่างมีสนามยิงธนู ใครสนใจไปลองยิงธนูได้ มีครูสอนด้วย เราอยู่ร้านกาแฟนานหน่อย นั่งจิบกาแฟไป ชมวิวไป ฟินมากกก เมนูแนะนำของทางร้านคือ กาแฟลุงโฮ และ กาแฟช้างเผือกบอกเลยว่ารสชาตินุ่ม หอมละมุนมาก คอกาแฟห้ามพลาด ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน กาแฟลุงโฮ เป็นเมนูเครื่องดื่มแนะนำของทางร้านค่ะ ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน อีกหนึ่งเมนูแนะนำของทาร้านคือ กาแฟช้างเผือก ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน จากนั้นเราไปอีกวัดหนึ่ง วัดนี้เป็นวัดแรกของอำเภอปายชื่อว่า วัดศรีดอนชัย ภายในวิหารมีพระพุทธรูปเก่าแก่ รวมทั้งพระหยกสิงห์ปายพระคู่บ้านคู่เมืองของเมืองปายประดิษฐาน ณ วิหารลายคำ เราก็กลับมาที่ตัวเมืองปายไปคืนรถมอไซค์ จากนั้นก็ไปจองตั๋วรถกลับไปเชียงใหม่ พอตกเย็นเรามากินข้าวกันที่ถนนคนเดิน และกลับที่พัก ขอขอบคุณภาพจาก: ภาพถ่ายจากผู้เขียน วันที่สาม เมื่อเก็บสัมภาระเสร็จก็เช็คเอ้าท์ เดินไปขึ้นรถตู้กลับเชียงใหม่ จบกันไปแล้วนะคะทริปเที่ยวปายแบบslow life 3วัน 2คืน นอกจากที่เราจะได้พักผ่อนแล้ว เรายังได้เห็นวิถีชีวิตของท้องถิ่นด้วยค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ สุดท้ายนี้ฝากติดตามบทความต่อๆไปของเราด้วยนะคะ