(เครดิตภาพปกจาก unsplash.com)ยุคปัจจุบันนี้ เรื่องราวของอินเตอร์เน็ตและโลกเสมือนออนไลน์ มันเป็นสิ่งใกล้ตัวเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ เว็บไซต์นั้นก็คือสื่อชนิดหนึ่งที่เป็นคลังสะสมข้อมูลระดับมหึมา ที่มีคนสร้างขึ้นมาใหม่ทุกวี่ทุกวัน ทั้งเพื่อหวังผลช่วยทำการค้าทำธุรกิจ และจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ฟรีในสาขาอาชีพต่าง ๆแต่มีระบบหนึ่งที่หลาย ๆ ท่านได้สัมผัสอยู่สม่ำเสมอแทบจะทุกวัน นั่นก็คือ “ระบบตะกร้าสินค้า” หรือในชื่อเทคนิคก็คือ “Shopping cart”ระบบตะกร้าสินค้านี้มีมาให้เราเห็นร่วมสิบปีเข้าไปแล้ว หลาย ๆ ท่านได้เคยสัมผัสทั้งเป็นผู้ใช้และเป็นผู้สร้าง จนมาถึงยุคปัจจุบันเรื่องของการซื้อขายออนไลน์ก็ยิ่งบูม! สุดขีด ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ออกและหนีไม่พ้นที่หลาย ๆ เว็บไซต์อยากได้ระบบนี้มาช่วยงานในการขายสินค้าออนไลน์ แต่ผลที่ได้นั้นก็คือ เจ้าของเว็บไซต์หลาย ๆ ท่านเมื่อได้มาแล้ว กับใช้งานอย่างไม่เต็มที่ และไม่รู้เลยว่าจะพัฒนาต่อยอดไปในทิศทางไหน? และอย่างไร? ผมมีข้อมูลพื้นฐานของระบบตะกร้าสินค้านี้พอสมควร ให้ท่านได้ลองสัมผัส และนำไปเปรียบเทียบกับระบบที่ท่านมีใช้อยู่แล้ว หรือหากหลาย ๆ ท่านยังไม่มี แต่ก็พยายามสืบส่องอยากได้มีไว้ใช้บ้างในเร็ววัน ก็สามารถทัศนาเตรียมการไว้ได้เลยครับ เพราะมันจะเป็นข้อมูลช่วยในการตัดสินใจของท่านได้เป็นอย่างดี(เครดิตภาพจาก unsplash.com)แล้วระบบตะกร้าสินค้านี้ใครเป็นคนสร้าง? เราสร้างเองได้ไหม?ระบบตะกร้าสินค้า หรือ Shopping cart นี้ ในเว็บไซต์ยุคปัจจุบันจะถูกพัฒนาด้วยภาษาโปรแกรมที่ชื่อ PHP (พีเอชพี) เป็นส่วนมาก ถ้าถามว่า PHP นี้มันเหมือนกับภาษา HTML ที่ใช้ในการเขียนหน้าเว็บเพจใช่หรือไม่? ก็คงต้องตอบว่า “ไม่ใช่” เพราะภาษา HTML เป็นเพียงสคริ๊ปที่ใช้ในการจัดหน้าเอกสาร ให้ดูสวยงาม มีวรรคมีตอน มีย่อหน้า มีตัวหนา-ตัวเอียง และมีสีสันดังที่เราเห็นกันอยู่ในหน้าเว็บเพจปัจจุบันนี้ ไม่ได้มีความสามารถในการจัดการเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลแต่ประการใดดังนั้นจากคำถามนี้ ผมขออนุญาตตอบว่า “ผู้สร้างหรือผู้พัฒนาก็คือ โปรแกรมเมอร์” แต่ถ้าเราอยากจะสร้างเอง มันก็คงต้องตอบว่า “ย่อมได้” โดยท่านจะต้องเริ่มศึกษา ตั้งแต่ HTML + CSS (เป็นภาษาสคริ๊ปที่สำคัญ และโดดเด่นมากในการจัดหน้าเอกสารร่วมกับ HTML) ใช้เวลาพอเขียนเป็น 1 สัปดาห์จากนั้นจึงเริ่มศึกษาภาษา PHP ใช้เวลาให้พอเขียนเป็น และอ่านโค้ดออก ก็ประมาณ 1 เดือนจากนั้นจึงเริ่มศึกษาเรื่องของฐานข้อมูล ชื่อ MySQL (มายเอสคิวแอล) อีกประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นการเรียนภาษา PHP และ MySQL นี้ท่านจำเป็นจะต้องมีโค้ชสักคนคอยแนะนำนะครับ ถึงจะได้ตามระยะเวลาที่ผมแจกแจงไปแล้วข้างต้นแต่ถ้าหาก… ท่านหาหนังสือหัดเอง แบบนี้ก็จะต้องยืดเวลาไปอีก 2-3 เท่าตัว แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่พ้นความพยายามไปได้หรอกครับ และสิ่งที่ท่านจะได้รับเมื่องานสำเร็จมันก็ช่างหอมหวานจริง ๆ แล้วท่านก็จะภูมิใจในตัวเอง ที่กล่าวมานี้ เป็นคำอธิบายชุดแรกที่ผมอยากให้เพื่อน ๆ ได้ลองนึกภาพตามว่า ตะกร้าสินค้ามันเริ่มต้นพัฒนาจากอะไร? และใช้เวลาประมาณเท่าไร? ท่านจะได้จัดสรรแบ่งเวลาได้ถูกต้อง(เครดิตภาพ unsplash.com)ระบบตะกร้าสินค้านี้มันเป็นระบบเดียว หรือมีระบบอื่นทำงานซ้อนอยู่ด้วยผมขอตอบประมาณนี้ว่า… ระบบตะกร้าสินค้าไม่ใช่ระบบเล็ก ๆ มันมีระบบอื่น ๆ ซ้อนในการทำงานอยู่ด้วย ที่เห็น ๆ เด่นชัดก็จะต้องมีแน่นอนคือ 3 ระบบ ถึงแม้ว่าระบบตะกร้าสินค้านี้จะใหญ่พอตัว และใช้งบประมาณสูง เพียงแต่ว่าเป็นระบบที่ได้รับความนิยม และมีต้องการเป็นจำนวนมาก จึงมีผู้สร้างต้นแบบไว้เป็นระบบมาตรฐาน ในรูปแบบแพ็คเก็จเล็กใหญ่ จึงทำให้ดูว่า มันเป็นระบบธรรมดา หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง(เครดิตภาพจาก pixabay.com)ระบบมาตรฐาน 3 ระบบที่ผมกล่าวไว้นี้ ก็คือ1) ระบบสินค้า2) ระบบลูกค้า 3) ระบบใบสั่งซื้อ3 ระบบหลัก ๆ นี้ต้องมีแน่นอน ซึ่งผมขอแจกแจงแต่ละระบบประมาณนี้ครับ(เครดิตภาพจาก freepik.com)ระบบสินค้า ถือว่าเป็นระบบแรกที่ขาดเสียมิได้ โดยรายการสินค้าหรือบริการทั้งหมดในเว็บไซต์ จะถูกจัดวางอย่างมีระเบียบไว้ในฐานข้อมูล ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าหากเว็บไซต์ไม่ซับซ้อน ก็จะนิยมสร้างเพียงแค่ตารางเดียวไว้เก็บข้อมูลสินค้า แต่ถ้าเผื่อเป็นระบบสินค้าเฉพาะทางจริง ๆ ก็อาจจะต้องสร้างตารางอื่นขึ้นมาทำงานร่วมด้วย ซึ่งเท่าที่ผมเคยสัมผัสก็อาจจะมีถึง 10 ตารางก็เป็นได้ เช่น ตารางหมวดหมู่สินค้า, ตารางสินค้าหลัก, ตารางรูปภาพ, ตารางจัดชุดโปรโมชั่น, ตารางคูปอง, ตารางราคา ฯ เป็นต้นอย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมแจกแจงมานี้ หากท่านลองศึกษาดีๆ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ในการอธิบายงานให้โปรแกรมเมอร์ได้ฟัง และนั่นก็จะทำให้ท่านได้ระบบสินค้าที่ตรงกับจุดประสงค์ และความต้องการมากที่สุด(เครดิตภาพจาก unsplash.com)ระบบลูกค้า คือระบบบริหารจัดการข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์ของท่าน เมื่อเขาสนใจจะสั่งซื้อสินค้าก็สามารถบันทึกข้อมูลส่วนตัว กำหนดรหัสผ่าน แล้วก็สั่งซื้อได้เลยทันทีระบบลูกค้านี้ผมถือว่าละเอียดอ่อนทีเดียว ไม่เหมือนกับระบบสินค้าและระบบใบสั่งซื้อเลย เพราะเป็นระบบที่ทำงานกับพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งโดยปกติถ้าหากเป็นเว็บธรรมดา ก็จะต้องมี 1 ตารางเพื่อเก็บข้อมูลลูกค้า และรหัสผ่าน แต่ในเรื่องของโปรแกรมนั้น จะหนีไม่พ้นต้องมีระบบลงทะเบียน และล็อกอินเพิ่มเติมเข้าไปด้วย ซึ่งระบบเหล่านี้จะต้องเขียนอย่างรอบคอบพอสมควร เพราะต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักเสมอ ระบบใบสั่งซื้อ คือระบบที่เก็บข้อมูลในการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้า ซึ่งโดยมาตรฐานแล้วก็จะมีตารางทำงานร่วมกัน 2 ตารางเป็นอย่างน้อย (เครดิตภาพ pixabay.com)ที่กล่าวมานี้คือระบบหลักที่ต้องมีแน่นอนของตะกร้าสินค้ามาตรฐาน แต่ถ้าถามว่า จริง ๆ แล้วมันจะมีระบบอื่นนอกเหนือจากนี้หรือไม่? อันนี้ก็ต้องตอบว่า “มีแน่นอนครับ”ซึ่งระบบอื่น ๆ นั้นก็จะเป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์เครื่องประดับที่เสริมเข้าไป ให้ดูว่าเว็บไซต์เราเป็นมืออาชีพมากขึ้น เช่น ระบบคูปอง ที่มีไว้ออกคูปองเพื่อไว้แจกเป็นส่วนลดให้ลูกค้า เช่น ชุดนี้ออกคูปองจำนวน 200 ใบเพื่อเป็นส่วนลด 10% ให้กับลูกค้าเนื่องในเทศกาลต่าง ๆ กำหนดวันหมดอายุตั้งแต่วันที่เท่าไร ถึงเท่าไรระบบกราฟรายงาน เพื่อแสดงให้เห็นว่าสินค้าตัวไหนขายดีที่สุด ลูกค้าท่านไหนสั่งซื้ออะไรมากที่สุด หรือจะเป็นกราฟแสดงยอดขายในแต่ละวัน แต่ละเดือน ระบบรูปภาพสินค้า ซึ่งอาจะใช้ในกรณีที่สินค้าบางประเภทจำเป็นต้องมีรูปภาพเพื่อช่วยการขายหลายรูป บางรายการอาจจะต้องมีเป็นสิบ หรือหลายๆสิบรูป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเขียนระบบเสริมขึ้นมาเพื่อให้สินค้าบางรายการได้ใส่รูปภาพได้มากขึ้น ระบบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบตะกร้าสินค้าทั้งสิ้น แต่บางทีท่านอาจจะเห็นบางเว็บไซต์มีระบบอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ก็คงจะต้องเป็นเรื่องของการตลาด และสร้างเว็บไซต์ให้เป็นเอกลักษณ์ฉีกแนวออกมาให้แตกต่างจากเว็บไซต์คู่แข่งอื่น ๆ สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้อมูลพื้นฐาน ที่ทุก ๆ ท่านสามารถนำไปพิจารณาเทียบเคียงกับระบบเว็บไซต์ของท่านได้เลยทันที เพื่อให้ท่านได้ย่นระยะเวลาในการลองผิดลองถูก และอาจจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันในการเลือกซื้อสินค้าได้อย่างเข้าใจ และมีความสุขในธรรมชาติของระบบตะกร้าสินค้ามากยิ่งขึ้น