"บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์"“พจมาน สว่างคาตา” ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจาก “พชร์ อานนท์” ที่จับเอา “หอแต๋วแตก” มาผนวกรวมกับ “บ้านทรายทอง” ตีความใหม่ในแบบฉบับของเขาเองเดิมทีนั้น ภาพยนตร์มีกำหนดฉายอย่างแน่นอนในวันที่ “1 เมษายน” และประกาศกร้าวแข็งแรงว่าอย่างไรก็ไม่เลื่อนฉาย เพราะในตอนนั้น “โควิด-19” ระบาดอย่างหนักในประเทศไทย จึงส่งผลให้ภาพยนตร์ไทยหลาย ๆ เรื่องเลื่อนฉาย ยกเว้นกับ “พจมาน สว่างคาตา” แต่สุดท้ายนั้นก็ต้องจำยอมเลื่อนฉายออกไปก่อน เพราะโรงภาพยนตร์ถูกปิดตามมติ ครม. จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายล่าช้าไปถึง 2 เดือนครึ่งเลยทีเดียวในช่วงที่โรงภาพยนตร์ถูกปิด จึงทำให้ “พจมาน สว่างคาตา” มีเวลาทำ Post Production นานมากขึ้น และสิ่งที่ทำให้แฟนหนังหลาย ๆ คนฮือฮา นั่นก็คือ การพากย์ทับมุกเข้าไปใหม่ให้ทันกระแสมากขึ้น เช่น ส้มหยุด..หยุดโดยไม่มีอะไรกั้น, เจน นุ่น โบว์ จนไปถึงมุกโควิด-19 อีกด้วย จนถึงขั้นใส่หน้ากากอนามัย CG เลยทีเดียวกลับมาเข้าประเด็นที่ภาพยนตร์ “พจมาน สว่างคาตา” ที่มีเรื่องราวสุดวายป่วงและสยองพองเริ่มต้นขึ้นเมื่อ พจมาน (โก๊ะตี๋-เจริญพร อ่อนละม้าย) สาวน้อยผู้เรียบร้อยน่ารัก เดินทางจากบ้านนอกเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนหนังสือต่อตามความประสงค์ของบิดาที่สั่งไว้ก่อนเสียชีวิต โดยให้ไปอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์บ้านดอกไม้ทองกับครอบครัวของ หม่อมอัมราภาแพรวพรรณนารายณ์พรรณาโวหารสมานจิต (จาตุรงค์ โพธาราม) ซึ่งมีศักดิ์เป็นหม่อมป้า และแล้วเมื่อพจมานเดินย่างกรายเข้ามาอยู่ที่บ้านดอกไม้ทอง เธอก็ได้พบกับ หญิงใหญ่เบ่อเริ่มเทิม (เอกชัย ศรีวิชัย), หญิงเล็กกระจิดริด (ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์), ชายน้อยหนึ่ง (วีรดิษฐ์ ศรีมาลัย) ที่มีร่างกายพิการ ขาเป๋ ปากเบี้ยว และเหล่าบรรดาคนรับใช้ที่คอยกลั่นแกล้งพจมานสารพัด โดย แม่ช่อมณี (พชร์ อานนท์) หัวหน้าแม่บ้านซึ่งเป็นผู้กุมความลับสำคัญของบ้านดอกไม้ทอง เธอก้าวมาในบ้านอย่างที่ไม่คาดคิดว่าชีวิตของเธอนั้นกำลังตกอยู่ในในอันตราย! ทุกคนได้ร่วมกันวางแผนฆ่า พจมาน เพราะไม่อยากให้เธอมาแย่งมรดก แต่แผนการกลับล้มเหลวทุกคร้ัง จนกระทั่งจู่ ๆ พจมาน กลับลื่นตกบันไดลงไปตายเองต่อหน้าคนในบ้านเสียอย่างนั้นแต่แล้วท่ามกลางความสะใจและดีใจ หม่อมอัมราภา เพิ่งนึกได้ว่าพินัยกรรมจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อคนในตระกูลอยู่ครบ และพรุ่งนี้เป็นวันที่ ชายตุงกลาง (ชาลี ปอทเจส) จะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ถ้าไม่มีพจมานก็จะไม่สามารถเปิดพินัยกรรมได้ แม่ช่อมณี หัวหน้าแม่บ้าน ได้แนะนำสาวสวยคนหนึ่ง แพนเค้ก (เขมนิจ จามิกรณ์) ให้เข้ามาสวมรอยเป็น พจมาน โดยสัญญาว่าจะมอบเงินก้อนโตให้เธอเอาไปเป็นค่ารักษาพยาบาลแม่… ใช่แล้ว และนับตั้งแต่ที่สาวสวยนาม แพนเค้ก ก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมภารกิจพิเศษ พร้อม ๆ กับการต้องเผชิญหน้ากับผีพจมานตัวจริง ! ที่คลั่งแค้นชนิดตั้งใจจะหลอกหลอนทุกคนในบ้านจนสว่างคาตา ถ้าหากใครเป็นแฟนหนังของ “พชร์ อานนท์” ก็จะทราบดีว่าการเดินเรื่องในภาพยนตร์ของเขาจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่าต้องมีจุดที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างแน่นอน และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับแฟนหนังของเขาอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่แฟนหนังต้องการนั้นคือ “ความสนุก”ซึ่งพชร์ก็สัมฤทธิ์ผลในเรื่องของความบันเทิงในส่วนหนึ่ง เพราะโดยรวมนั้นแล้วถือว่าบันเทิงกว่าภาคจบของ “หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ” ซึ่งอยู่ในจักรวาลกันอีกด้วย ซึ่งมุกในหนังจะคละกันไป มีทั้งขำลั่น ขำหึ ๆ จนไปถึงขำแห้ง ในส่วนที่ขำแห้งคือหนังพลาดที่ดันไปตัดตัวอย่างหนัง ยกมุกเด็ด ๆ มาให้ดูเยอะเกินไป พอไปดูหนังจริงจึงเทไปในทางขำแห้งจนถึงไม่ขำเลยก็มี ซึ่งถ้าตัวอย่างกั๊กมุกเอาไว้ไปปล่อยในหนังมากกว่านี้จะฮามากกว่านี้ก็เป็นได้มาส่วนของในบทภาพยนตร์ ที่แทบทุก ๆ คนรู้กันดีอยู่แล้วว่า หนังของ “พชร์ อานนท์” นั้นไม่มีบท จึงทำให้ในเรื่องมีช่องโหว่และรูรั่วหลายรู แต่ไม่มั่วมากนัก คือเป็นไปตามองค์ประกอบของคำว่า "บทภาพยนตร์" นั่นก็คือ ตัวละครมีเป้าหมายเป็นของตัวเอง ซึ่งเป้าหมายของตัวละครในเรื่องนี้ก็คือ "พจมานตัวจริง" ที่ต้องตามหาความยุติธรรมให้กับตัวเองในบ้านดอกไม้ทองการกลับมาที่ไม่เหมือนเดิมในส่วนของนักแสดง ทางด้านเจ๊ ๆ จากหอแต๋วแตกยังคงอยู่กันครบ แต่ก็มีอะไรที่ขาดหายจากแฟรนไชส์ที่ผ่าน ๆ มาของหอแต๋วแตกเช่นกัน เช่น การที่ตัวละครถูกเปลี่ยนให้อยู่ในบริบทของบ้านทรายทอง ตัวละครเจ๊แต๋วไม่ได้พูดสำเนียงจีนอีกต่อไป ตัวละครมดดำไม่ได้พูดสำเนียงใต้อีกต่อไป อาโคยที่เคยพูดสำเนียงอีสานก็ถูกเปลี่ยนเป็นพูดไม่ชัดเพราะปากเบี้ยวแทน ดังนั้นหากจะกล่าวว่ากลิ่นอายของหอแต๋วแตกมันจะกลับมาทั้งหมดมันก็ไม่ถูกเสียทีเดียว อีกทั้งตัวละครจากหอแต๋วแตกถูกลดบทบาทไปมากพอสมควร เพราะต้องไปโฟกัสเนื้อเรื่องหลักนั่นก็คือ "พจมานตัวปลอม" ที่รับบทโดย แพนเค้ก เขมนิจ จนเป็น MVP ของเรื่องที่ต้องแบกรับภาระในหลาย ๆ ฉาก ซึ่งก็ไม่มีความตะขิดตะขวงใจเลย เธอสามารถแสดงตลกได้ดีแม้ไม่มีศักยภาพด้านตลกเท่าคนอื่น ๆ อย่าง จตุรงค์ โพธาราม, โก๊ะตี๋ เจริญพร ที่มีประสบการณ์ตลกคาเฟ่อย่างมาก แพนเค้กเล่นบทเป็นพจมานตัวปลอมได้มีมิติจนโดดเด่นจากคนอื่น ท่ามกลางบทที่มันไม่มีมิติสักเท่าไหร่ และส่งผลให้บทชายตุงกลางที่รับบทโดย แน็ก ชาลี จืดชืด เพราะทั้งเรื่องเขาไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการเก๊กหน้า เก๊กเสียง เก๊กท่าทาง ซึ่งแน็กก็ทำได้ดีสมกับบทบาทที่ได้รับ แต่ทว่าเขาเป็นตัวละครที่ค่อนข้าง "โดดเด้ง" มากกว่า "โดดเด่น" ถ้าเขาต้องเข้าร่วมฉากกับนักแสดงคนอื่น ๆดนตรีประกอบดนตรีประกอบนั้นมีหน้าที่ช่วยทำให้ผู้ชมมีอรรถรสร่วมกับภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น แต่หลาย ๆ ครั้ง ดนตรีประกอบนั้นเป็นปัญหาสำหรับภาพยนตร์ด้วยเหมือนกัน เช่นกับ "พจมาน สว่างคาตา" ที่ต้องยอมรับเลยว่า ดนตรีประกอบที่แต่งขึ้นโดย "ไจแอนท์ เวฟ" นั้นไพเราะเข้ากับเรื่อง มีความหรูหราหมาเห่าสมกับคฤหาสน์หลังใหญ่ แต่ในหลาย ๆ ครั้งมันกลับสร้างความรำคาญเพราะมันโฉ่งฉ่างจนเกินความพอดี ไม่มีความสมดุล ยิ่งพอมีเสียงเอฟเฟกต์ตบมุกยิ่งชัดมากขึ้น แทนที่คนดูจะฮาไปกับมุกกลับกลายเป็นต้องขัดใจกับเสียงดนตรีนี้แทนเสื้อผ้าอลังการงานสร้างเสน่ห์ของหนัง "พชร์ อานนท์" ก็คือเสื้อผ้าที่สวยอลังการเว่อวังชนิดแทบเรียกได้ว่า บางเรื่องงบประมาณส่วนใหญ่เทไปให้ค่าเสื้อผ้าเลยทีเดียว และในภาพยนตร์ของเขาเกือบทุกเรื่องเขาจะเป็นการจัดการฝ่ายเสื้อผ้าเองทั้งหมด อย่างใน "พจมาน สว่างคาตา" ก็ได้ "ส้มโอ หิรัญกฤษฏิ์" ที่เคยทำชุดประจำชาติมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มาแล้ว มาช่วยออกแบบชุดในเรื่องนี้ด้วย ชุดที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดอย่าง "ชุดกรอบรูปสีทอง" ก็ได้ "ศิวพจน์ ภูจอมดาว" นักออกแบบศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาอีกด้วย รวมถึงชุดอื่น ๆ ที่ใส่ใจกับทุกตัวละครไล่ตั้งแต่สมาชิกบ้านดอกไม้ทองยันคนรับใช้ นี่คือสิ่งที่น่าชื่นชทในหนังของพชร์ทุก ๆ เรื่องเลยประเด็นทางสังคมในหนัง "พชร์ อานนท์" ?โดยปกติแล้ว หนังของ "พชร์ อานนท์" มักจะไม่มีอะไรให้พูดต่อหรือถกเถียงมากนัก เพราะปกติหนังของเขาอยู่ในประเภทที่ย่อยง่าย จบแล้วจบกัน แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ แม้ภาพยนตร์จะจบแบบสูตรสำเร็จ แต่ก็มีประเด็นที่น่าเอามาพูดถึง นั่นก็คือเรื่องของ "ชนชั้น" เพราะถ้าหากชมตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่เราเห็นอยู่มาตลอดนั่นก็คือเรื่องของชนชั้นนี่แหละ ซึ่งพจมานตัวจริงอยู่ในศักดิ์ที่ต่ำกว่าหม่อมป้าไม่ต่างไปจากต้นฉบับอย่าง "บ้านทรายทอง" เลย พจมานตัวปลอมก็เช่นกัน ที่ต้องปากกัดตีนถีบ ทำทุกอย่างเพื่อเงินจนถึงขั้นรับจ้างสวมรอยเป็นพจมานตัวจริงให้เป็นคู่หมั้นและแต่งงานกับชายตุงกลางเพื่อที่จะให้หม่อมป้าครอบครองบ้านดอกไม้ทองโดยสมบูรณ์ และที่เหนือชั้นกว่านั้นคือกลุ่มตัวละครหลักในบ้านดอกไม้ทองเป็นตัวปลอมทั้งหมด ทุกคนคือเจ๊แต๋ว, มดดำ, การ์ตูน และ อาโคย เป็นคนใช้ในบ้านดอกไม้ทองที่อยากสูงส่งเหมือนเจ้าของบ้านตัวจริง ทั้งหมดเลยรวมหัวกันจับเจ้าของบ้านตัวจริงไปขังจนหมด นำไปสู่ความเป็นจริงที่คนใช้ก็ยังคือคนใช้วันยังค่ำ ไม่มีวันสูงส่งเท่าเจ้าของคฤหาสน์ตัวจริง และที่น่าเศร้าก็คือคนใช้อย่างจากหอแต๋วแตกต้องยอมกดหัวตัวเองให้ต่ำจากอำนาจเจ้าของบ้านตัวจริง และต้องไปจำคุกในตารางชดใช้กรรมตามสูตรสำเร็จของละครไทยไปโดยปริยาย ส่วนพจมานตัวปลอมหรือแพนเค้กก็ยังใช้ชีวิตจน ๆ อยู่ในบ้านหลังเดิมต่อไป ส่วนพจมานตัวจริงเธอได้รับความยุติธรรมได้รับสมบัติที่สมควรจะได้และดำรงอยู่ในบ้านดอกไม้ทองต่อไปในอนาคตของแฟรนไชส์เรื่องนี้ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะพชร์เองก็มีไอเดียที่จะขยาย "จักรวาลหอแต๋วแตก" ให้ไปไกลกว่าเดิม อย่าง "อีแต๋วพระโขนง ใครฆ่าหมากู" เป็นต้นกำเนิดของ 4 เจ๊ที่สาบานกันตั้งแต่ชาติที่แล้ว เกิดชาติหน้าฉันใด 4 คนนี้จะรักกันตลอดไป อาจจะล้อเลียนภาพยนตร์ฮอลลีวูดชื่อดังอย่าง "John Wick" และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "นางนาก" หรือ "แม่นาคพระโขนง" แต่อย่างใด"พจมาน สว่างคาตา" ฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านท่าน คะแนน : 7/10เกรด : B-ขอบคุณข้อมูลเรื่องย่อ : Film Guru, Major Cineplexขอบคุณรูปภาพ : Film Guru Official, Major Cineplex