วันนี้อายจะพาทุกคนข้ามไปเที่ยวฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศพม่ากันค่ะ ทริปนี้เราจะปักหมุดกันที่สังขละบุรี เป็นไกด์ไลน์สำหรับคนที่ไปสังขละบุรีแล้วไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนต่อดี แนะนำเป็นทัวร์ "พญาตองซู" ตรงด่านเจดีย์สามองค์ค่ะ เริ่มต้นที่ท่ารถตัวเมืองสังขละบุรี สอบถามพี่ ๆ วินมอเตอร์ไซค์แถวนั้นได้เลยว่ารถคันไหนจะไปด่านเจดีย์สามองค์บ้าง มีรถไปด่านเจดีย์สามองค์ค่อนข้างเยอะเลยค่ะ มีทั้งมินิบัส รถแดง หรือจะเช่ารถไปเองก็ได้ ส่วนครั้งนี้อายเลือกรถแดง เพราะออกทุกครึ่งชั่วโมง แถมค่ารถก็แค่คนละ 30 บาทเท่านั้นเอง จากสังขละบุรีถึงด่านเจดีย์สามองค์ใช้เวลาประมาณ 40 นาที รถแดงจะจอดรับคนเรื่อย ๆ เลยค่ะ จนคนเต็มรถ ระหว่างทางจะมีวิวสวย ๆ ให้ดูตลอด ลมเย็นสบาย แถมชาวบ้านที่นั่งไปด้วยก็น่ารักมากค่ะ คนสังขละบุรีน่ารักกันทุกคน ถามอะไรก็ให้ข้อมูลเยอะมาก ประทับใจมาก ๆ เลยล่ะค่ะ พอมาถึงจุดลงรถจะมีพี่ ๆ วินมอเตอร์ไซค์เดินมาหาเสนอทัวร์เที่ยวเมืองพญาตองซูกันเต็มเลยค่ะ ถ้ามาเป็นหมู่คณะ 8 คนขึ้นไปเค้าก็จะเสนอเป็นรถยนต์นำเที่ยว ถ้ามาแบบเดี่ยวเป็นชะนีเหงา ๆ เราก็จะได้นั่งซ้อนท้ายแว๊นไปเที่ยวแทน ด่านเปิดตอน 8 โมง ปิด 6 โมงเย็น แต่จริงๆเที่ยวแค่ 3 ชั่วโมงก็ครบหมดแล้วค่ะ ค่าผ่านด่าน 30 บาทต่อคน ไม่ต้องใช้วีซ่า ไม่ต้องพาสปอร์ต เดินทางง่ายค่ะ จุดสนุกของการทัวร์มันอยู่ที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่วินเที่ยวนี่แหละค่าาาา~ ไกด์นำเที่ยวของอายชื่อพี่นัทเป็นชาวมอญที่เชี่ยวทางมาก พาแว๊นแบบฝุ่นตลบ แถมแกยังช่วยถ่ายรูปให้ ยกกระเป๋าให้ อัธยาศัยดีสุด ยืนหนึ่งด้านบริการ ค่าทัวร์ไม่แพงแค่คนละ300บาทค่ะ แนะนำเลย ข้อแนะนำของการแว๊นเที่ยวที่นี่คือผ้ากันฝุ่น หน้ากากอนามัย เพราะตามทางฝุ่นเยอะมากค่ะ ที่แรกที่จะไปกันคือ “วัดเจดีย์ทอง” พี่นัทบอกว่าคนไทยชอบมาไหว้พระกันที่วัดนี้ ด้านล่างเจดีย์จะมีพระประจำวันเกิดให้เข้าไปกราบเป็นศิริมงคล ขอพรได้พร(ฮาาา) ศักสิทธิ์สุด ๆ วิธีไหว้ก็แค่เดินไปรับช่อใบไม้มาไหว้พระประจำวันเกิด ที่นี่เค้านิยมใช้ช่อใบไม้ไหว้แทนดอกไม้ค่ะ พี่นัทถ่ายรูปให้ตลอดทริปเลยค่ะ แกใจดีมาก แล้วเราก็ไปกันต่อที่ "พระนอนใหญ่” สถาปัตยกรรมแบบพม่าแท้ ๆ ค่ะ พระพุทธรูปฝั่งพม่าจะต่างจากไทยค่อนข้างเยอะค่ะ พระนอนใหญ่ที่นี่ชาวบ้านจะเรียกว่าพระนอนตาหวาน หรือชื่อเต็มก็คือพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี มาถึงเราก็วางช่อใบไม้กราบพระก่อนแล้วค่อยลอดไปใต้ฐานพระนอนค่ะ ด้านในจะมีคำอวยพรเขียนใส่กระดาษแปะไว้ตามผนังเป็นการขอพรจากสิ่งศักสิทธิ์ เดินเข้าไปจะมีพระสงฆ์ 1 รูปคอยรดน้ำมนต์และให้สายสิญจน์กับคนที่มากราบพระนอนค่ะ เนื่องจากเวลาเหลือไม่มากเราเลยเลือกไปอีก 1 ที่จาก 6 ที่ค่ะ เลยเลือกไป "พระธาตุอินแขวนจำลอง" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดพระนอนใหญ่ ตอนแรกก็นึกว่ารถสามารถขึ้นไปถึง พี่นัทแกก็หัวเราะค่ะบอกมันถึงแค่ตรงนี้น้องต้องเดินขึ้นไป ไม่ไกลเลยบันได 200 ขั้นเอง ไอ้เราก็รู้สึกว่าถ้ามาแล้วไม่ขึ้นไปมันก็มาไม่ถึง พอเดินไปได้ 8 ขั้นเท่านั้นแหละค่ะ ก้าวแรกไม่เป็นไรก้าวต่อไปขาสั่นพั่บๆทางขึ้นเขาชันมากกกกกกก ใครไขข้อไม่ดีมีท้อค่ะ กว่าจะลากสังขารขึ้นไปถึงได้เกือบตาย เหนื่อยสุดในชีวิตค่ะบอกเลย แต่ขึ้นมาเจอวิว รับลมแล้วหายเหนื่อย บรรยากาศดีมากจริง ๆ ค่ะ ใต้ฐานพระธาตุอินแขวนจะเห็นคนเอาก้านไม้กิ่งไม้เล็ก ๆ มาค้ำไว้เป็นการเสริมดวงตัวเองให้มีแหล่งค้ำจุน ชีวิตจะได้ไม่ดิ่งไม่ล้ม ถ่ายรูปกันจนอิ่มก็ถึงเวลากลับบ้านกันแล้วค่ะ ใช้เวลาไปประมาณ ชั่วโมงกว่า พี่นัทก็จะมาส่งเราที่จุดขึ้นรถมินิบัสตรงด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อกลับกาญจนบุรีค่ะ ค่ารถ 180 บาท แต่ขอบอกเลยนะคะว่ามินิบัสจะนั่งสบายแต่ก็หวานเย็นมากใช้เวลาเกือบ 6 ชั่วโมงกว่าจะถึงขนส่งกาญจนบุรี ใครจะกลับกรุงเทพฯให้ทันรถรอบสุดท้าย แนะนำให้นั่งรถตู้แทนมินิบัสนะคะ ข้อแนะนำเพิ่มเติม ทัวร์พญาตองซูราคา 300-390 บาท มากกว่านี้เปลี่ยนเจ้าอื่นได้เลยค่ะ ทัวร์ทั้งหมดไม่จำกัดเวลาจะไปให้ครบ 6 ที่ หรือเลือกไปแค่ที่อยากไปก็ได้ ตลาดพม่าทานาคาถูกกว่าตลาดเจดีย์สามองค์ ถ้าจะซื้อขนมพม่าให้ซื้อฝั่งตลาดเจดีย์สามองค์เพราะถูกกว่ามาก เลย์พม่าอร่อยค่ะแนะนำ ไว้เจอกันทริปหน้านะคะ ^^ aitid.c ภาพและเรื่องจากผู้เขียนทั้งหมดค่ะ