ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีโอกาสได้บินกลับบ้านด้วยสายการบิน Aeroflot สายการบินประจำชาติของรัสเซีย แน่นอนล่ะว่าเป็นความตั้งใจของเราเองที่อยากจะไปเที่ยวมอสโคว เมืองหลวงประเทศรัสเซีย ไหน ๆ พาสปอร์ตไทยเราก็ได้ free-visa ตั้ง 30 วัน บอกเลยนะคะ ว่าคนไทยถือว่าโชคดีมาก ๆ เพราะบ้านเราเป็นพันธมิตร มีไมตรีที่ดีตั้งแต่สมัยรัสเซียยังมีระบบกษัตริย์ พระเจ้าซาร์สนิโคลัสที่ 2 แห่งราชวงศ์โรมานอฟ เป็นพระสหายสนิทกับรัชกาลที่ 5 การสนิทสนมในตอนนั้นเป็นผลบุญที่ทำให้เราได้วีซ่าฟรีจากรัสเซียตั้ง 30 วัน พาสปอร์ตอียูและอเมริกายังต้องขอวีซ่านะคะ แถมยุ่งยากอีกด้วยค่ะ เราบินจากเมืองบูดาเปสต์ ( Budapest ) ประเทศฮังการีนะคะ เพราะว่าเราไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศฮังการี เครื่องบินที่บินไปจากบูดาเปสต์เป็นเครื่องบินไม่ใหญ่มาก เพราะไม่ได้บินยาวนาน ประมาณสามชั่วโมงเราก็มาถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติเชเรเมเตียโว ( Sheremetyevo International Airport ) เราตั้งใจจะไปโต้รุ่งกันในสนามบินค่ะ เพราะว่าไปถึงก็เที่ยงคืนแล้ว รถไฟเข้าเมืองหมดรวมถึงบัส เดินทางคนเดียวด้วย อยู่ในสนามบินปลอดภัยกว่าค่ะ เพราะทั้งคืนมีแต่คนเดินไปเดินมา แถมมีพวกร้านอาหารฟาสฟู๊ด แต่เรื่องตลกคือ เราไม่มีเงินรูเบิล ( Ruble ) เลยค่ะ มีแต่ยูโร เคาเตอร์แลกเงินปิดหมดเลย เลยเข้าร้านกาแฟสตาร์บัคส์นั่งถึงเช้าเลยค่ะ ได้เงินแล้วก็เดินไปยังเคาเตอร์เพื่อซื้อเติมเงินเข้าไป 100 บาท หรือ ประมาณ 200 รูเบิลค่ะ โชคดีของเราตรงที่เรามีบัตรเมโทรจากเพื่อนที่พึ่งมารัสเซีย เลยไม่ต้องซื้อบัตรใหม่ หน้าตาบัตรเป็นแบบนี้ค่ะ เนื่องจากประเทศนี้แทบจะไม่พูดภาษาอังกฤษกันเลย แถมทุก ๆ ที่จะใช้อักษรซีริลลิก ( Cyrillic ) เขียนภาษารัสเซีย ทำให้จะสื่อสารอะไรค่อนข้างลำบาก อ่านไม่ออกเลยค่ะ กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจ เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่ บวกกับคนรัสเซียหน้าตาไม่ยิ้มแย้ม บึ้งตึง ไม่รับแขกเอามาก ๆ วิวข้างนอกค่อนข้างอึมครึม ตึกสไตล์คอมมิวนิสต์ ไม่เกินชั่วโมงก็มาถึงใจกลางเมือง ต้องนั่งรถไฟต่อเข้าไปยังจตุรัสแดง ( Red square ) จุดหมายเราวันนี้คือ โบสถ์เซนต์ บาซิล ( Saint Basil Cathedral ) รูปทรงหัวหอมนั่นแหละค่ะ พระราชวังเครมลิน และหลุมศพเลนิน ห้างกุม รวมถึงจะแวะทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารจอร์เจียค่ะ บรรยากาศในรถไฟใต้ดินค่ะ สังเกตได้เลยว่าทุกคนจะไม่ยิ้มเลย เหมือนย้อนยุคไปสมัย 90 สิ่งที่น่าทึ่งอย่างนึงคือ ระบบรถไฟใต้ดินของมอสโควที่ซับซ้อนมาก แถมไม่มีภาษาอังกฤษอีกต่างหาก เราถึงกับต้องโหลดแอพมาช่วย แต่ก็ยังทำให้ปวดหัว ยิ่งตอนต้องเปลี่ยนสายนี้หนักเลยค่ะ เดินหลงไปหลงมา จะถามใครก็หาคนคุยภาษาอังกฤษได้ยาก เสียเวลากับการเดินทางไปนานเหมือนกัน ในที่สุดเราก็ได้มาแล้วค่ะ โบสถ์ Saint Basil ของ ซาร์อีวานจอมโหด ผู้ที่มีเรื่องเล่าว่าเขาได้สั่งให้ควักลูกตาของสถาปนิกออกเพื่อใม่ให้สร้างสิ่งที่สวยงามกว่าโบสถ์แห่งนี้ โหดจริงค่ะ สมชื่อเลย เนื่องจากเค้าปิดปรับปรุงจตุรัสแดง ( ถือเป็นความโชคร้าย ) ทำให้ไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมชมสุสานเลนิน ( Lenin's Mausoleum ) ได้ เราได้แต่ถ่ายรูปจากข้างนอกแทน ใครที่สงสัยว่าเลนินคือใคร เลนิน หรือ วลาดิมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) เป็นนักปฎิวัติมาร์กซิส ผู้นำบอลเชวิกนำการเปลี่ยนแปลงจากจักรวรรดิรัสเซียที่นำโดยราชวงศ์โรมานอฟ เปลี่ยนเป็นระบบสังคมนิยม รวบอำนาจเข้าสู่พรรคคอมมิวนิสต์ เป็นผู้วางระบบสังคมนิยมให้รัสเซียจนกลายเป็นวีรบุรุษของสหภาพโซเวียต ไปต่อด้วยถนนที่มีทั้งร้านรวง คาเฟ่ ร้านอาหาร คึกคักอย่าง ถนน Arbat มีกราฟิติสวย ๆ ให้ถ่ายรูป สายกล้องดี ถ่ายภาพแนว ๆ ต้องชอบค่ะ เพราะตึกยังคงสภาพเก่า แต่มีมนต์ขลัง พอใกล้เที่ยงเรามีร้านอาหารในดวงใจที่อยากจะไปกินให้ได้นานแล้วค่ะ อาหารจอร์เจีย ( Georgian food ) ร้านในวันนี้ที่เลือก คือร้าน Kachapuri บรรยากาศดี ราคาไม่แพงด้วยค่ะ อาหารจอร์เจียที่เราสั่งมาในวันนี้มี Khachapuri คาชาปูริ เป็นเหมือนแป้งรูปเหมือนตา มีไข่ใส่หนักไปทางชีส นม เนย แต่อร่อยมากค่ะ ขนาดใหญ่มาก แบ่งกินสองคนยังไหว จานที่สองเป็นคล้าย ซาลาเปา เรียกว่า Khinkali ให้ถือปลายจุกขึ้นแล้วกัดตรงตัวแป้ง ก่อนจะดูดน้ำซุปออกมา อร่อยค่ะ เหมือนกินซาลาเปาเลย ใครอยากลองชิมอาหารจอร์เจีย แนะนำร้านนี้เลยค่ะ สามารถเช็คข้อมูลเมนูหรือการเดินทางเข้าไปยังร้านได้ที่เว็บไซต์ https://hacha.ru/en/menu ค่ะ สิ่งสุดท้ายที่จะไม่ลืมเลยสำหรับทริปรัสเซียนี้คือ แวะซื้อช็อคโกแลต Alenka (Алёнка) หรือ Alyonka ราคาไม่แพงเลย แท่งนึง 20 - 40 บาท ในสมัยโซเวียตนั้น เด็ก ๆ จะตื่นเต้นมากสะหรับการได้ช็อคโกแลต Alenka เพราะเป็นดั่งขนมพิเศษในสมัยคอมมิวนิสต์นั่นเองค่ะ ใครที่ได้แวะมามอสโควอย่าลืมลองแวะจตุรัสแดง กินไอติมห้างกุม ทานอาหารจอร์เจีย แล้วซื้อช็อคโกแลตกลับบ้านนะคะ รับรองว่าการแวะเปลี่ยนเครื่องจะไม่น่าเบื่อเหมือนกันนั่งอยู่ในสนามบินเฉย ๆ แน่นอนค่ะ ( ภาพทุกรูปถ่ายโดยนักเขียน ใช้ในนามปากกา whynottravel )