หลังจากที่สตีฟ คาเรลล์ (Steve Carell) และ เกร็ก แดเนียลส์ (Greg Daniels) ประสบความสำเร็จกับซีรี่ส์ตลกชื่อดังอย่าง The office (2005-2013) ในปี 2020 นี้ ทั้งคู่กลับมาโคจรด้วยกันอีกครั้งด้วยซีรี่ส์ตลกเรื่อง Space Force ยอดหน่วยพิทักษ์จักรวาล ที่พึ่งเข้า Netflix เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2020 ไปหมาดๆ (สามารถรับชมได้ทาง True ID TV แล้ววันนี้) ที่สำคัญ ใครเป็นลูกค้าทรูอยู่อย่างลืมเข้าไปเช็คสิทธิ์รับกล่อง True ID TV ฟรี [ดูโปรโมชัน คลิ๊ก] กลับมาที่เนื้อเรื่องของ Space Force ที่พึ่งฉายไปได้เพียง 1 ซีซั่น มีทั้งหมด 10 ตอน ตอนละ 35-40 นาที โดยเฉลี่ย ถือว่าดูได้สะบายไม่เครียดมาก เอาไว้ดูแก้เบื่อเพราะซีรี่ส์เรื่องนี้เน้นฮา สาระมีนิดหน่อย หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องวุ่นๆ รอบตัวของตัวเอกอย่าง 'สตีฟ คาเรลล์'ในครั้งนี้ 'สตีฟ คาเรลล์' จะได้รับบทเป็นมาร์ค แนร์ด (General Mark R. Naird) นายพลแห่งกองทัพสหรัฐฯ ที่จะมาสร้างรอยยิ้มผ่านเรื่องราวชวนปวดหัวที่เขาต้องเจอ และวิธีแก้ปัญหาต่างๆ แถมเขายังได้กลับมาร่วมงานกับจอร์น มัลโควิช (John Malkovich) ที่รับบทเป็น ดร. อาเดรียน มัลลอรี่ (Dr. Adrian Mallory) นักวิทยาศาสตร์คู่หูที่คอยขัดคอกันตลอดเวลาเรื่องย่อ:'มาร์ค แนร์ด' อดีตรองผู้บัญชาการกองทัพอากาศที่ได้เลื่อนยศเป็นนายพลระดับ 4 ดาวคนใหม่ของกองทัพฯ ได้รับภาระกิจสุดบ้าระห่ำจากประธานาธิบดี ที่เขาอยากจะครอบครองระบบต่างๆ ในอวกาศทั้งหมด และหนึ่งในนั้นก็คือ 'ดวงจันทร์' ซึ่งมอบหมายให้ 'มาร์ค แนร์ด' เข้ามาเป็นคนคุมกองทัพอากาศ (space force) และดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้เต็มใจนักความป่วนมันเริ่มเกิดขึ้น ตรงที่เขาต้องจับคู่กับคู่หูต่างขั้วอย่างดร.มัลลอรี่ ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เกลียดการใช้ความรุนแรงเป็นที่สุด ขณะที่แมร์ดเป็นพวกบ้าระห่ำในการแก้ปัญหา ทั้งสองจึงขัดคอกันอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ภรรยาสุดที่รักก็ดันมาติดคุกโดยไม่ทราบสาเหตุตั้งแต่ต้นเรื่อง ทำให้แนร์ดต้องพบเจอกับเรื่องชวนปวดหัวมากมายทั้งเรื่องในครอบครัว (ลูกสาว) ที่ไม่ค่อยจะฟังเขาเท่าไหร่ แถมยังต้องย้ายมาอยู่ศูนย์ฝึกห่างไกลแสง สี เสียง ทำให้เธอก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ~นอกจากนี้ ซีรี่ส์เรื่องนี้ยังคับคั่งไปด้วยนักแสดงคุณภาพอีกหลายคน ที่มาฟอร์มทีมหน่วยพิทักษ์จักรวาล ไม่ว่าจะเป็นเลขาคุณปู่ที่ไม่เคยทันเหตุการณ์ใดๆ เลย ทีมประชาสัมพันธ์สุดกระล่อน ทีมนักวิทยาศาตร์ รวมไปถึงทีมนักบินที่แต่ละคนมีบุคลิกและความฮาที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ความคิดเห็นหลังดูจบโดยรวมถือว่าก็ไม่ได้เป็นซีรี่ส์ที่ตลกมากถึงขนาดนั่งขำเหมือนดูรายการตลกบ้านเรา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเล่นมุขในแบบอเมริกา มันเลยทำให้เราได้แค่นั่งอมยิ้ม ถ้าใครไม่ซีเรียสผมแนะนำนะ ดูเพลินๆ อะไรแบบนี้ และแน่นอนมันไม่มีสาระอยู่แล้ว ฮ่าๆพล็อตเรื่องจะมีดึงชีวิตครอบครัวเข้ามาเกี่ยวให้มันดูเป็นความวุ่นวายจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตครอบครัว ที่พ่อต้องทำงานขณะที่ลูกสาวก็เป็นวัยที่สนใจเรื่องสังคมเพื่อนเป็นหลัก เหมือนกับสะท้อนความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ในชีวิตจริงอย่างที่บอกว่ามันเป็นการเล่นมุขตลกในแบบฝรั่งที่คนไทยมักจะไม่ค่อยเก็ต เช่น การแซะว่าประเทศจีนและอินเดียมีศักยภาพที่แซงนาซ่าไปแล้ว ทำให้ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์หัวร้อน และพยายามทำทุกอย่างให้แซงหน้าให้ประเทศเหล่านี้ให้ได้นอกจากนี้ การกลับมาโคจรพบกันอีกครั้งของนักแสดงรุ่นใหญ่ทั้งสอง ที่แทบจะเรียกได้ว่าเถียงกันเกือบทั้งเรื่อง และดูเหมือนว่าจะขัดคอกันไปซะทุกอย่าง แต่ว่าสิ่งที่มันทำให้เราโกรธใครไม่ลงคงจะเป็นเพราะว่าทั้งสองคนเหมือนเป็นเพื่อนคนเดียวในยามที่ทุกอย่างมันดูวุ่นวายไปหมด มันเลยทำให้เราโกรธใครไม่ลงจริงๆคะแนนถึงแม้ว่ากระแสในแง่ลบที่มองว่าซีรี่ส์มันทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะมากก็เถอะ แต่ซีรี่ส์เรื่องนี้ก็ยังได้รับคะแนนจาก Imdb ไปถึง 6.9/10 เลยนะโดยส่วนตัวผมให้ 6/10 อาจจะเป็นเพราะบางมุขเราก็ไม่เก็ตจริงๆ ใครที่ชั่งใจว่าจะดูดีหรือไม่ดี ลองไปชมตัวอย่างซีรี่ส์กันก่อนได้เลย มี 2 แบบคือ เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ และเวอร์ชั่นซับไทย เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ Space Force: Official Trailer [Netflix]เวอร์ชั่นภาษาซับไทย Space Force: Official Trailer - Thai Subtitle [Netflix]เครดิตภาพ: ภาพทั้งหมดนำมาจาก Space Force: Official Trailer [Netflix] MasterMis