อาจจะช้าไปสักหน่อยที่จะพูดถึง Libra หรือ Stablecoin ที่มี Facbook เป็นผู้ให้กำเนิด แถมมีบิ๊กใหญ่หนุนหลังอีกกว่า 27 แห่ง หลังจากที่ได้นั่งอ่าน White paper ที่ Libra ได้ปล่อยออกมาเพื่ออธิบายถึงเป้าหมายสำคัญของตน จึงได้มีเวลามานั่งพูดถึงว่าที่สกุลเงินกลางของโลกอย่าง Libra กันเสียที อย่างที่ได้จั่วหัวกันไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป้าหมายสำคัญของ Libra คือการเป็น Global Currency หรือก็คือการเป็น "สกุลเงินกลางที่ทั่วโลกใช้" ซึ่งมันแทบไม่ต่างจากสกุลเงินที่เราใช้กันทุกวันนี้ ที่ต่างกันคือ...ในแต่ละประเทศจะมีสกุลเงินเป็นของประเทศตัวเองอยู่แล้ว และประเทศไทยก็มีเงิน THB เป็นของตนเอง ซึ่งเราจะใช้สกุลเงิน THB ในต่างประเทศที่ไม่รองรับสกุลเงินบ้านเราไม่ได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่ Libra กลายเป็น Global Currency เราจะสามารถใช้ Libra เพื่อการทำกิจกรรมทางการเงินกับทุกประเทศทั่วโลกได้โดยมีค่าธรรมเนียมที่น้อยมาก เรียกได้ว่าเมื่อ Facebook เปิดตัว Libra ก็เกิดการสั่นสะเทือนวงการกันภายในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว จะไม่ขอบอกว่าสะเทือนแค่วงการ Technology เพราะ Blockchain นั้นมีมานานแล้ว แต่ล่าสุดมันดันเกิดขึ้นโดยที่มี Facebook เป็นผู้พัฒนาจริงๆหลังจากมีข่าวมานานจนได้นี่สิ ด้วยเหตุผลนี้นี่แหละที่ทำให้ Libra เป็นข่าวดังสะเทือนวงการจนนักพัฒนาหลายคนต้องรีบลุกมาติดตามสถานะของ Libra กันในทันที และด้วยความคาดหวังหลักที่อยากจะให้ Libra เป็นเงินกลางของโลก นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้วงการการเงินโลกต้องสั่นสะเทือนไปพร้อมกัน โดยที่เป้าหมายของ Libra นั้นนอกจากจะอยากเป็น Global Currency แล้วยังมีความต้องการให้ผู้ใช้งานเข้าถึงง่าย ใช้จ่ายคล่องแคล่ว ปลอดภัย ไร้กังวลและเป็นเงินที่มีความเสถียรมากถึงมากที่สุด Libra ได้วางตัวเองให้เป็น Cryptocurrency ที่มีเสถียรภาพสูง หรือในแบบที่หลายคนมักจะเรียกกันอย่างติดปากว่า Stablecoin ทำให้ไม่สามารถเก็บเจ้าเหรียญ Libra นี้มาเล่นได้แบบเดียวกันกับพวก Bitcoin ที่มีการผันผวนสูงได้อย่างแน่นอน โดย Libra จะถูกสนับสนุนด้วยทรัพย์สินจริงของผู้ใช้และจะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของ Libra Association ที่เป็นองค์กรอิสระเพื่อเป้าหมายในการดูแล Libra โดยเฉพาะ Mark Zuckerberg ได้กล่าวไว้ว่า การโอนเงินหรือจ่ายเงินจะกลายเป็นเรื่องง่ายทันทีเพราะนอกจากจะจับจ่ายใช้สอยกันแบบไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยแล้ว ผู้ใช้ก็ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมในการโอนเงินอีกต่างหาก เพราะค่าธรรมเนียมที่ว่านี้แม้จะยังมีอยู่แต่ก็น้อยจนแทบจะเรียกว่าไม่มีค่าธรรมเนียมเลยด้วยซ้ำ หลายคนที่ได้ข่าว Libra อาจจะเกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยอยู่ก็ได้ เพราะ Facebook ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเจ้าพ่อแห่งวงการข้อมูลโดยเฉพาะ ขอแค่คุณเสิร์ชหาของสักอย่างด้วย Google หรือแม้แต่แค่หาบทความอ่าน ดูหนัง ฟังเพลง ดูรูปแมว หรือใดๆก็ตามแต่ที่ Facebook จะขายของด้วยการโฆษณาได้ หลังจากนั้นไม่นาน Facebook ก็จะเนรมิตรสินค้าขึ้นมาโฆษณาบนหน้า Feed ของคุณทันที ซึ่งประเด็นความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวในการใช้งาน Mark ได้บอกไว้ว่าข้อมูลการชำระเงินใดก็ตามที่ใช้งานผ่าน Calibra (บริษัทที่ก่อตั้งแยกออกมาจาก Facebook สำหรับการดูแลเรื่อง Calibra Wallet หรือกระเป๋าใส่เหรียญ Libra) จะถูกแยกกับข้อมูลใน Facebook เพื่อความมั่นใจสำหรับผู้ใช้งานทางด้านการเก็บรักษาข้อมูลทางการเงิน ทั้งยังยืนยันว่าจะควบคุม Calibra ในแบบเดียวกันกับที่ผู้ให้บริการทางการเงินรายอื่นทำเช่นกัน Libra Association จุดสำคัญหลักของ Libra ในคราวนี้ก็คือ Libra Association ที่ได้รับความร่วมมือจากองค์กรใหญ่กว่า 27 แห่ง อาทิเช่น Visa, PayPal, MasterCard, eBay ฯลฯ รวมถึงยังมีความคิดที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกภายในองค์กรอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งยังพยายามดึงเอาเหล่านักพัฒนาและนักธุรกิจอีกหลายรายให้เข้ามามีส่วนร่วมในระบบค่าเงิน Libra อีกด้วย โดยในช่วงแรก Facebook จะถือได้ว่าเป็นตัวหลักในการสร้าง Libra Association และพัฒนาเทคโนโลยี Libra Blockchain ไปจนกว่าจะถึงวันที่ Libra เปิดตัวใช้งานในปี 2020 หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงและหลังจากนั้น Facebook จะถอยออกมาเป็นเพียงสมาชิกที่มีบทบาทเท่ากับผู้ก่อตั้งคนอื่นแทน ด้วยเหตุผลหลายอย่างแต่เหตุผลหลักก็คงไม่พ้นเรื่องความปลอดภัยและความไว้วางใจของผู้ใช้บางกลุ่มที่อาจจะสั่นไหวได้หากได้ยินว่า Facebook ยังคงมีบทบาทหลักต่อ Libra Association Calibra Wallet Calibra Wallet ที่จะกล่าวถึงกันในหัวข้อสุดท้ายนี้ก็คือ Digital Wallet ที่มีไว้สำหรับการจ่ายหรือโอนเหรียญ Libra นั่นเอง โดยที่ Facebook ได้ทำการแยกบริษัท Calibra ออกมาจากบริษัทหลักของตนเอง เพื่อให้ไปดูแลในส่วนของ Calibra Wallet โดยเฉพาะ และแน่นอนว่าเพื่อที่จะได้ดูแลความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้ารวมไปถึงการใช้กฏระเบียบที่รัดกุมกว่าเดิม เพื่อให้เป็นที่น่าไว้วางใจต่อผู้ใช้งานสำหรับการเปิดตัว Libra อย่างเป็นทางการในปี 2020 ที่จะถึงนี้ นอกจากที่ Facebook คิดจะสร้าง Digital Wallet แยกเป็น Application ส่วนตัวแล้ว ยังได้มีความคิดที่จะทำให้ WhatsApp กับ Messenger เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการใช้งาน Digital Wallet และนั่นก็เพื่อความครอบคลุมทางการใช้งานที่สะดวกสบายในยุคดิจิทัล โดยหลังจากนี้คาดว่าอาจจะมี Application อีกหลายตัวที่จะตัดสินใจเข้าร่วมกับ Facebook เพื่อเป็นอีกหนึ่ง Digital Wallet อย่างแน่นอนเพราะกระแสของ Libra ที่กำลังมาแรงในหมู่นักพัฒนาหลังม่านนั้นฉุดไม่อยู่แล้ว Mark Zuckerberg ได้พูดถึงเรื่องความปลอดภัยไว้ว่า Calibra จะต้องให้ทั้งความเป็นส่วนตัวแก่ผู้ใช้งาน รวมไปถึงให้ความปลอดภัยในทุกขั้นตอนที่ทำกับ Calibra เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกไว้วางใจใน Calibra Wallet รวมถึงหากผู้ใช้ได้เผลอทำเหรียญ Libra หาย พวกเขาก็พร้อมจะทำการคืนเงินให้กับผู้ใช้งานทันที แม้ว่าจะมีคนมากมายใช้งานและชื่นชอบ Facebook แต่นั่นก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบ เนื่องจากเหตุการณ์ที่ Facebook เคยถูก Hack ข้อมูลผู้ใช้กว่า 50 ล้านรายมาก่อนและเรื่องอื้อฉาวของ Facbook ที่มีกับ Cambridge Analytica ดังนั้นในการก่อตั้งบริษัทลูกอย่าง Calibra จึงต้องมีการจัดการภายในที่รัดกุม มีผู้เชี่ยวชาญดูแล เพื่อให้เกิดความเสี่ยงที่น้อยที่สุดกับทั้งตัว Calibra และผู้ใช้งานเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอดูกันในปี 2020 ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง สร้างความมั่นใจได้มากน้อยแค่ไหน มีผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปที่ https://libra.org/ ของ Libra โดยในเว็บไซต์จะมีบอกรายละเอียดกับเกี่ยวกับ Libra ไว้ หากสนใจก็สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเองได้ และแน่นอนว่าสำหรับนักพัฒนา Blockchain ที่สนใจอยากเล่นอยากลองก่อนใคร ก็สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ https://developers.libra.org/ เพื่อที่เหล่านักพัฒนาจะได้ไปลองใช้งานกันก่อนเปิดตัวจริง โดยเมื่อไม่นานมานี้ทางกลุ่ม Libra and Move Developers Thailand ก็ได้มีนักพัฒนาจาก Kulap.io ที่สร้าง Libra Wallet ขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในหลายวันมานี้หลังจากได้มีการพูดถึง Libra นักพัฒนาจากหลายประเทศก็ได้มีการเคลื่อนไหวกันไปเป็นจำนวนมาก เพราะงั้นใครที่สนใจก็รีบหาข้อมูลแล้วไปลองทดสอบกันได้ตามลิงค์เว็บไซต์ที่ให้ไว้ด้านบนได้เลย ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก https://libra.org/en-US/ https://developers.libra.org/ https://libra.org/en-US/white-paper/ https://www.facebook.com/zuck/posts/10107693323579671