(ภาพปกถ่ายโดยผู้เขียน) สวนสนุกเป็นสถานที่แห่งความสุข คนที่ไปสวนสนุกคือคนที่อยากเล่น อยากสนุก อยากมีความสุข ถึงจะเป็นความสุขเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม โดยส่วนตัวคิดว่า คนที่กำลังเครียดหรือไม่สบายใจ ควรหาเวลาไปซึมซับพลังงานด้านบวกที่สวนสนุก เพราะมองไปรอบตัวจะเห็นคนที่มีรอยยิ้ม ร่าเริง โดยเฉพาะเด็ก ๆ นอกจากนี้บรรยากาศก็ชวนให้รู้สึกสดชื่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่น ร้านอาหาร ขนมของกินเล่นอย่างข้าวโพดคั่วและไอศกรีม เป็นต้น ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียมีสวนสนุกดี ๆ หลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือสวนสนุกระดับโลกอย่างเลโก้แลนด์ (Legoland) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเทศเดนมาร์ก ปัจจุบันเลโก้แลนด์เปิดให้บริการในเดนมาร์ก สหราชอณาจักร สหรัฐฯ เยอรมัน มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ญี่ปุ่น และอิตาลี จะเห็นได้ว่าที่ ๆ ใกล้เมืองไทยที่สุดคือ มาเลเซีย เลโก้แลนด์มาเลเซีย เปิดในปี 2555 ตั้งอยู่ที่ No. 7, Jalan Legoland, Bandar Medini, 79250 Nusajaya, Johor, Malaysia เวลาเปิดปิด 9.00-19.00 ค่าเข้า (โซนธีมพาร์ค) -ผู้ใหญ่ RM 199 -เด็กอายุ 3-11 ปี และผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) RM 157 ครอบครัวเรามีโอกาสได้ไปเที่ยวสิงคโปร์ แน่นอนว่าสถานที่ที่ต้องรวมอยู่ในโปรแกรมด้วยคือ การข้ามไปมาเลเซียเพื่อเที่ยวเลโก้แลนด์ การเดินทางจากสิงคโปร์ไปเลโก้แลนด์ทำได้โดยนั่งรถบัสของบริษัท WTS ตรง Singapore Flyer พวกเราซื้อตั๋วรถบัสแบบไปเช้าเย็นกลับและซื้อบัตรเข้าเลโก้แลนด์ที่นี่เลย การเดินทางใช้เวลาราวสองชั่วโมง รถจะแวะด่านตรวจคนเข้าเมืองตอนขาออกจากสิงคโปร์ และเมื่อมาถึงมาเลเซีย รถจะแวะที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าอีกครั้งหนึ่ง ตรงจุดที่รถจอด เดินไปอีกไม่ไกลก็ถึงทางเข้าเลโก้แลนด์แล้ว พวกเรามาถึงตั้งแต่เก้าโมงเช้า คนยังไม่เยอะ ถือว่าเที่ยวสบาย ไม่ต้องเข้าคิวยาว พวกเราตรงไปที่เครื่องเล่น Wave Racers กันก่อน พ่อลูกลงไปเล่นด้วยกัน ขับขึ้น ๆ ลง ๆ มันมาก เราว่าเครื่องเล่นที่นี่เหมาะกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก เพราะออกแนวน่ารักซอฟท์ ๆ ไม่มีแนวฮาร์ทคอร์ ขนาดรถไฟเหาะอย่าง Dragon’s Apprentice ก็ไม่ได้ทำให้เสียวจนหน้าเหวอ เท่าที่เห็น เด็ก ๆ ยังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตามปกติ นอกจากนี้ก็มีเครื่องเล่นสำหรับเด็กอย่าง Kids Power Tower ที่ผู้เล่นต้องช่วยกันออกแรงดึงเพื่อยกตัวเองให้สูงขึ้น ซึ่งเราว่าไอเดียดีมาก (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) Wave Racers (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) Kids Power Tower ไปต่อกันที่ Rescue Academy ซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์ไฟไหม้ ผู้ปกครองและเด็กต้องขึ้นรถดับเพลิง จากนั้นก็ช่วยกันพ่นน้ำดับไฟ พวกผู้ปกครองดูจะจริงจังและเหนื่อยมากเพราะต้องออกแรงปั๊มน้ำให้ลูกหลาน เป็นภาพที่ดูแล้วทั้งขำทั้งเหนื่อยแทน จากนั้นพวกเราก็ขึ้น Observation Tower ซึ่งเป็นลิฟต์ที่พาเราขึ้นไปบนยอดหอคอย และทำให้เห็นทัศนียภาพอันสวยงามโดยรอบได้ทั้งหมด (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) Rescue Academy (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) วิวจาก Observation Tower (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) วิวจาก Observation Tower ที่นี่อากาศค่อนข้างร้อน ดังนั้นการได้เข้าไปดูหนัง 4D หรือ Ninja Go the Ride จึงถือเป็นวิธีคลายร้อนอย่างหนึ่ง ที่สำคัญคือสนุกและดี ที่นี่ยังมีมุมให้ต่อเลโก้และมีส่วนจัดแสดงนิทรรศการที่เกี่ยวกับเลโก้ด้วยด้วย ในส่วนของการตกแต่งคงไม่ต้องพูดถึง มีจุดถ่ายรูปเยอะมาก แถมสีก็สดอีกต่างหาก (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) มุมถ่ายรูป (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) มุมถ่ายรูป (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ขนาดป้ายที่ห้องน้ำยังน่ารักเลย พวกเรารับประทานอาหารกันตอนบ่ายแก่ ๆ ที่ฟู้ดคอร์ท ราคาอาหารค่อนข้างสูง เซ็ทหนึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 200 บาท ในส่วนของร้านขายเลโก้ ถือว่าละลานตาทีเดียว แต่ราคาก็จัดว่าแพง เลยทำได้แค่เดินดูเก็บบรรายากาศ จากนั้นพวกเราก็กลับไปที่จุดลงรถตอนขามา เพื่อนั่งรถบัสกลับสิงคโปร์ การได้มาเลโก้แลนด์ถือเป็นประสบการณ์และความทรงจำที่ดี โดยเฉพาะเด็กน้อย เพราะดูเหมือนเขาจะจำรายละเอียดได้ค่อนข้างแม่นยำเลยทีเดียว และอย่างที่บอก ข้อดีของการมาสวนสนุกคือเหมือนได้มาปลดปล่อยความเครียด เพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่คนมีความสุข เมื่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 คลี่คลายแล้ว ลองหาโอกาสมาเที่ยวที่นี่ดู เพราะเดินทางไม่ยาก ยิ่งคนที่เป็นแฟนเลโก้ยิ่งไม่ควรพลาด