Cr.ณัฏฐ์ คนสร้างภาพ ลาเต้ ในภาษาอิตาลีแปลว่า นม แต่เราคุ้นเคยคำนี้ว่าเป็นกาแฟชนิดหนึ่งที่ผสมนมนั่นเอง Latte Art ในยุคแรก ๆ ไม่ได้รับความนิยมมากนักเพราะความชัดของรูปไม่ดีพอ หลังจากที่เครื่องชงเอสเปรสโซ่มีคุณภาพดีขึ้น คุณภาพฟองนมทำได้ดีตีนมจนได้เป็นฟองนมเนื้อเนียนละเอียดสวย ผสานกับความเชี่ยวชาญของบาริสต้าที่ผ่านการฝึกฝนจนชำนาญ ใช้สมาธิในการลากเส้น ลากลายต่าง ๆ โดยแต่ละรูปแบบก็จะใช้เทคนิคพิเศษต่างกันไป มีตั้งแต่รูปร่างแบบง่าย ๆ ไปจนถึงสไตล์ที่ซับซ้อน บาริสต้าแต่ละคนก็จะมีสไตล์การวาด Latte Art ที่แตกต่างกันไป บางแก้วสวยแบบจับมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเพลินจนลืมที่จะคน จะดื่มกันเลยทีเดียวLatte Art มี 3 รูปแบบคือ1.แบบ Free pour หรือการเทแบบอิสระ เป็นวิธีที่บาริสต้าจะต้องมีความชำนาญในการวาดลวดลายลงบนกาแฟ ความนิ่ง จดจ่ออยู่กับงาน มีสมาธิและความอดทนสูง ซึ่งจะเป็นการเทนมลงในกาแฟเอสเปรสโซ่ให้เป็นลวดลายต่าง ๆ ที่สวยงามภาพโดย StockSnap จาก Pixabay 2.แบบ Drag เป็นการลากนมในถ้วย หยอด หรือเขี่ย เป็นวิธีที่ไม่ยาก เพราะไม่ต้องใช้เทคนิคมากมาย อุปกรณ์หลักมีเพียงถ้วยกาแฟเอสเปรสโซ่ และนม ส่วนอื่นเพิ่มเติมเข้ามาคือแท่งคอกเทลหรือไม้จิ้มฟันสำหรับใช้ลากภาพโดย skeeze จาก Pixabay 3.แบบผสม เป็นเทคนิคที่นำเอาการเทนมและการลากมาผสมเข้าด้วยกัน ช่วยให้ได้ลวดลายที่มีความซับซ้อน สร้างลายที่ยากขึ้น แต่ต้องใช้ความรวดเร็วและชำนาญเป็นพิเศษ เพื่อให้กาแฟยังคงร้อนก่อนเสิร์ฟถึงมือลูกค้าภาพโดย StockSnap จาก Pixabay แต่เทคโนโลยีไปไกลขึ้นทุกวันได้ทลายกำแพงรูปแบบของ Latte Art ไปหมดแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้มีเครื่องแต่งหน้าโฟม Coffee Ripple ซึ่งสามารถทำเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้ โดยสามารถลิงค์กับสมาร์ทโฟนและสร้างรูปได้จากรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือได้เลยทีเดียว เสน่ห์ Latte Art หายไปบ้างแต่ตอบโจทย์ลูกค้าบางกลุ่มได้อันนี้แล้วเลือกตามความชอบส่วนตัวเลยCr.ณัฏฐ์ คนสร้างภาพ มนต์เสน่ห์ของกาแฟนอกจากกลิ่นที่หอมยั่วใจคอกาแฟ รสชาติที่เข็มกลมกล่อมเฉพาะตัวทำให้คนหลงใหลแล้วส่วนตัวผมบรรยากาศของร้าน แนวการตกแต่งร้านเป็นอีกส่วนที่ทำให้ผมรู้สึกลุ่มหลงการดื่มกาแฟ Latte Art ก็เป็นอีกเสน่ห์ที่ทำให้การดื่มกาแฟแก้วนั้นมีสุนทรียะ เหมือนได้เสพงานศิลป์ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ที่รอคอยการถูกทำลายด้วยมือของคนดื่มกาแฟแก้วนั้นด้วยตัวเอง