ภาพยนตร์รวมดาวฮีโร่จากฝั่ง DC ที่เต็มไปด้วยมรสุมหลังจากเริ่มต้นจาก Man of Steel ที่มาในธีมหม่น ๆ แต่ก็ยังไม่สุดความตะกุกตะกักอัดเนื้อหาจนหนักสมองใน Batman v Superman หรือความด้อยของทีมวายร้าย Suicide Squad จนมาถึง Justice League ที่น่าจะเป็นความหวังสุดท้ายและมันก็เป็นความหวังจริง ๆ ที่จักรวาล DC Comics จะได้เดินหน้าต่อไปในทิศทางที่เข้าถึงคนง่าย มีมุกตลกไม่จำเป็นต้องดาร์คเสมอไปJustice League ก็ได้ถูกปรับบทปรับเนื้อหาเล็กน้อยหลังจากที่ Zack Snyder ถอนตัวไปและได้ Joss Whedon มาสานต่องานที่เหลือทำให้ตัวหนังดูเข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่าหนัง DC เรื่องก่อน ๆ โทนหนังมีความสว่างขึ้นเพราะสอดแทรกมุกตลกเข้ามาทำให้พออมยิ้มหัวเราะก๊ากได้บ้างและบวกกับฉากแอ็คชั่นนอนสต็อปก็ทำให้ 2 ชั่วโมงของภาพยนตร์เรื่องนี้ดูแล้วบันเทิงอย่างไม่น่าเชื่อสิ่งที่ดีงามใน Justice League ก็จะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากเหล่าฮีโร่ทั้ง 5 ที่มารวมตัวกันเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็นฮีโร่ของฝั่ง DC ที่เป็นตัวการ์ตูนมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ก็น่าจะทำให้สาวกตื่นเต้นมากทีเดียวเราจะได้เห็นฮีโร่ที่คุ้นเคยอย่าง Batman, Wonder Woman พร้อมกับฮีโร่หน้าอย่าง Aquaman, Flash, Cyborg แม้เราจะยังไม่เห็นหนังเดี่ยวของฮีโร่บางตัวแต่ใน Justice League ก็มีการเล่าเรื่องปูพื้นตัวละครคร่าว ๆ ช่วยกระตุ้นความอยากดูหนังเดี่ยวของพวกเขาพอสมควรสำหรับรีวิวนี้ก็จะขอพูดถึงฮีโร่แต่ละคนกันครับว่าการมาของเขามันมีความรู้สึก First Impression อย่างไรบ้างในภาพยนตร์เรื่องนี้Wonder Woman - สำหรับขุ่นแม่ก็ยังคงความสตรองแข็งแกร่งมิเสื่อมคลาย แต่เราจะได้เห็นความสามารถเพิ่มเติมหลังจากหนังเดี่ยวของเธอด้วยว่าเธอสามารถทำอะไรได้มากกว่าการปัดกระสุนไปมาAquaman - เป็นตัวละครที่เปิดตัวด้วยความดิบ เถื่อน โคตรร็อก โดนใจสาวน้อยสาวใหญ่แน่นอนด้วยบุคลิกที่เท่พร้อมหนวดเคราอันทรงเสน่ห์ เมืองแอตแลนติสใต้ทะเลได้เผยให้เห็นออกมาเล็กน้อยแต่ก็สวยงามพอตัว ซึ่งใครที่ได้ดูหนังเดี่ยว Aquaman แล้วก็จะทึ่งกับโลกใต้น้ำของเขาFlash - ตัวฮาปล่อยมุกเพียงหนึ่งเดียวของทีมที่ขโมยซีน ทำคาแรคเตอร์ได้น่าจดจำมีพลังความเร็วแสงสุดเท่ บวกกับความฮาแบบเนิร์ด ๆ ก็พอแบกหนังไหวอยู่ แต่บางทีมุกที่เขาปปล่อยออกมาก็จะแป้กบ้างเล่นมุก 5 บาท 10 บาท บ้างCyborg - ฮีโร่ชีวจักรกลที่ดูเหมือนจะถูกพูดถึงน้อยกว่าใคร ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นนักแต่พอดูในหนังแล้วกลายเป็นว่า เขาคนนี้เป็นอีกตัวละครสำคัญของเรื่องเลยทีเดียว และพัฒนาการของเกราะจักรกลก็เรียกว่าล้ำมาก ๆ จนอยากจะรู้ว่าตัวเขานั้นจะพัฒนาการไปได้มากแค่ไหนกันBatman - พี่ค้างคาวผู้เคร่งเครียดตลอดเวลาแต่ใน Justice League กลายเป็นว่าเราจะได้เห็นอีกมุมของ Batman แต่ไม่รู้ทำไมบทบาทของเขาในเรื่องนี้ดูไม่ค่อยมีอะไรมากทำให้ฮีโร่คนอื่น ๆ กลบรัศมีค้างคาวรัตติกาลไปจนหมดส่วนฮีโร่ที่ปกปิดเอาไว้แต่ทุกคนก็รู้ว่าเขาจะต้องกลับมาแน่นอนอย่าง Super Man เองถ้าไม่นับเรื่อง CGI ลบหนวดอันเลื่องลือแล้วล่ะก็ การมาของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นส่วนเติมเต็มที่หนังขาดหายไปอย่างดี ส่วนในฉากแอ็คชั่นก็ต้องบอกว่าทรงพลังตามแบบฉบับบุรุษเหล็กของจริง ถ้าไม่มีเขาทีม Justice League ก็อาจพ่ายแพ้กันเลยทีเดียว ฉากแอ็คชั่นก็ยังคงซิกเนเจอร์ของ Zack Snyder เหมือนเคยกับฉากบู๊มันส์ ๆ มีฉากสโลว์เท่ ๆ งานวิชวลที่ใครต่างก็บอกว่า CGI ลอยจังเลย แต่ส่วนตัวชอบสไตล์แบบนี้และดูแล้วก็ไม่ขัดตาอะไรนัก มีฉากสู้พีค ๆ ที่น่าจดจำหลายซีนอย่างเช่นการต่อสู้ของ Justice League กับ Superman ในตอนที่ความจำเสื่อมก็ดูเร้าใจชวนลุ้น ฉากเล่าเรื่องที่มาของกล่อง Motherbox ก็ทำได้อลังการดูน่าติดตามว่าประวัติศาสตร์ของจักรวาลภาพยนตร์ DC จะมีอะไรให้เล่นต่อมากมาย และฉากไคล์แม็กซ์ต่อกรกับ SteppenWolf อาจจะดูแผ่วแต่ก็กระตุ้นอะดรีนาลีนให้หลั่งได้สำหรับข้อเสียของ Justice League ก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่มันก็มีเยอะจนพรุนไปหมด มีความความเชย ๆ การเล่าเรื่องที่จะดูกระชับแต่มันรวดเร็วเกินไปหน่อย ทำให้รายละเอียดปลีกย่อยถูกตัดทอนไปมาก ทำให้ไม่รู้สึกเอาใจช่วยฮีโร่โดยเฉพาะฮีโร่หน้าใหม่ที่รีบปูเนื้อหามากเกินไป ทำให้ไม่รู้สึกเอาใจช่วยเท่าไหร่ (นี่แหละข้อเสียของการไม่มีหนังเดี่ยวปูพื้นเพตัวละครมาก่อน)มุกตลกที่ใส่มาก็มีบางฉากที่แป้ก ทำได้เพียงหัวเราะหึหึเท่านั้น บางมุกก็ดูเหมือนจะฝืน ๆ เล่นเหมือนเอาคนเคร่งขรึมยิ้มยากมาเล่นตลกให้ดู แต่สรุปรวมแล้ว Justice League สามารถมอบความบันเทิงได้แบบที่หนัง DC ก่อนหน้าไม่สามารถให้ได้ อาจจะมีจุดบกพร่องเยอะจนน่าขัดใจแต่ไม่รู้ทำไมครับ ฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้มันส์อย่างแรงเลยล่ะ!อย่างไรก็ดีในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมปี 2020 ก็มีข่าวอัปเดตว่า แท้จริงแล้ว Justice League ยังมีอีกเวอร์ชั่นนั่นคือเป็นฉบับของคุณ Zack Snyder ที่ได้ถ่ายทำ-ตัดต่อเอาไว้ถึง 4 ชั่วโมงเต็มด้วยกัน ซึ่งภาพยนตร์ฉบับนี้ก็เป็นความจริงหลังจากมีข่าวลือเมื่อ 2 ปีก่อนว่ามี Justice League ฉบับ Snyder จนมีกระแสแฮชแท็ก #ReleaseTheSnyderCut กันสักพักใหญ่ จนล่าสุดเราก็รู้แล้วว่ามันมีอยู่จริง!ทั้งนี้ทางทีมงานเบื้องหลังและนักแสดงหลัก จึงได้มีการพูดคุยกันว่าจะนำมาฉายในรูปแบบ มินิ-ซีรีส์ แบ่งเป็นตอนทางช่อง HBO Max ครับ ส่วนวันเวลาฉายก็ต้องติดตามกันต่อไป คาดว่าอาจจะปลายปีนี้หรือต้นปี 2021 ก็เป็นได้ แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น ใครที่ยังคิดถึง Justice League ฉบับปกติแล้วอยากดูซ้ำล่ะก็ บนแพลตฟอร์ม Netflix มีให้รับชมกันครับ โดยสามารถใช้กล่อง TrueID ได้เลยหากใครต้องการอ่านรีวิวภาพยนตร์ดี ๆ เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปติดตามเพจ อินกะหนัง ได้เลยครับ"7/10" (B- Rank)ที่มารูปภาพ: รูปภาพปก / รูปภาพ 1 / รูปภาพ 2 / รูปภาพ 3 / รูปภาพ 4 / รูปภาพ 5 / รูปภาพ 6 / รูปภาพ 7 / รูปภาพ 8