ถ้าจะว่ากันตามจริง เผด็จการก็คือเผด็จการ ตัวตลกก็คือตัวตลก และเผด็จการนั้นไม่มีวันจะตลก ไม่ว่าจะมองในมุมเสียดสี เยาะเย้ย หรืออะไรก็ตาม เพราะสุดท้ายเรื่องราวความเลวร้ายต่าง ๆ อาจกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่พึ่งสร้าง และกลายเป็นภาพจำใหม่ ๆ ไปก็เป็นได้ Jojo Rabbit ของผู้กำกับ Taika Waititi เป็นหนังที่ดัดแปลงบทมาจากหนังสือ Caging Skies ของ Christine Leunens ที่ตีพิมพ์ออกมาในปี 2551ขอบคุณภาพประกอบ Jojo Rabbit Officialความตลกร้ายของหนังอาจทำหน้าที่ไปในแบบของมัน Jojo Rabbit เป็นเรื่องราวของ Jojo (Roman Griffin Davis) เด็กวัย 10 ขวบ ที่คลั่งลัทธินาซีเป็นอย่างมาก เพื่อนในจินตนาการของเขาคือ Adolf Hitler (Taika Waititi) ที่เด็กชาย Jojo พยายามพิสูจน์ตัวเองทุกอย่าง ให้ท่านผู้นำเห็นถึงความสามารถของเขา เพื่อที่เขาจะเข้าร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทัพรับใช้ท่านผู้นำนาซีให้ได้ แต่แล้วโชคชะตาก็เกิดพลิกผันไปในมุมกลับ เมื่อ Jojo พบความจริงว่า แม่ของเขา Rosie (Scarlett Johansson) นั้นกลายเป็นพวกต่อต้านนาซี และยังเป็นคนช่วยเหลือ Elsa (Thomasin McKenzie) สาวชาวยิวให้มาหลบพักซ่อนตัวอยู่ในบ้านซะอีกขอบคุณภาพประกอบ Jojo Rabbit OfficialJojo Rabbit เดินเรื่องแบบค่อนข้างกระชับ ผ่านความสัมพันธ์ของตัวละครสองแม่ลูก ปมความคิด การพูดจา ความเห็นอกเห็นใจ ความเป็นธรรม การปลอบประโลมจากการถูกล้างสมอง การที่หนังได้ Scarlett Johansson มาร่วมงานแสดงด้วยนั้น เป็นการเพิ่มมิติให้กับหนังเรื่องนี้ได้อย่างมากมายทีเดียว ส่วนที่เด่นมากอีกด้านหนึ่งของ Jojo Rabbit คือการออกแบบฉาก และออกแบบเครื่องแต่งกาย Jojo Rabbit ได้เข้าชิงรางวัล Oscar ถึง 6 รางวัล รวมถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย แต่สุดท้ายได้แต่เพียงคว้ารางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมมาครอบครองเท่านั้นขอบคุณภาพประกอบ Jojo Rabbit Officialประเด็นหนังแบบ Jojo Rabbit เคยผ่านตามาหลายเรื่องแล้ว เด็กกับสงคราม ความไร้เดียงสากับผู้มีอำนาจ Taika Waititi เลือกเล่าความหม่นหมองของสงครามโลกใน Jojo Rabbit แบบสดใสร่าเริง เน้นสีสันและโทนของหนังขับเคลื่อนประเด็น และมุมมองต่าง ๆ ออกมาได้น่าสนใจ แต่ในมุมกลับกันที่น่าสนใจกว่านั้นคือหนังไปลดทอนประเด็นความเลวร้าย จากความพยายามจะให้เกิดการเรียนรู้ รู้จักตัวตนของกันและกัน เข้าใจข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อมุ่งการแก้ไขความเกลียดชัง เหมือนที่ผู้กำกับหนังเรื่องนี้พยายามบอกว่าเป็นแนว Anti-Hate Satireขอบคุณภาพประกอบ Jojo Rabbit Officialในชีวิตจริงนั้น ความรักความเข้าใจมันคนละเรื่องกับ การลบภาพความทรงจำในอดีตที่เลวร้าย ประวัติศาสตร์มันสร้างบาดแผลไว้อย่างไรก็อย่างนั้น คนตายตั้งมากมายจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มันเกิดขึ้นไปแล้ว มองความจริงด้วยความเข้าใจ และจดจำน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะนอกจากความรักแล้ว มันยังซ้อนทับด้วยความเข้าอกเข้าใจ และสิทธิในความเป็นมนุษย์อีกชั้นหนึ่ง หากมอง Jojo Rabbit ในแบบหนัง coming of age ก็คงดูกันเพลิน ๆ ไปตั้งแต่ต้นจนจบนั่นแหละ แต่หากเรามองไปถึง Background ของหนังที่ปูพื้นเรื่องมา บางทีมันก็มองให้โลกสวย ให้มีสีสันงดงามได้ยากจริง ๆ กับเรื่องเลวร้ายบางเรื่อง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าการลดทอนความเลวร้าย นั่นอาจจะเหมือนการกรีดซ้ำบาดแผลที่แห้งเกรอะกรังไปแล้วให้เลือดเหวอะหวะออกมาอีก ขอบคุณภาพปก Jojo Rabbit Official