อื่นๆ
Jessica Story EP 1 : บ้าน การลุกไหม้ และการเริ่มต้นใหม่
Jessica Story
EP 1 : บ้าน การลุกไหม้ และการเริ่มต้นใหม่
"ฉันแค่ไม่อยากให้แม่ต้องกลับมาเจออะไรเดิมๆ อีก และฉันก็เกลียดคุณ แดน !!
สิ้นเสียงตะโกนนั่น เจสสิก้า ก็สูดเอาอากาศยามบ่ายที่แห้งแล้งของเท็กซัสเข้าไปเต็มปอด และใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ของเธอ ยกถังสีดำทมึนที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา ...
"น้ำมันยี่ห้อนี่กลิ่นดีกว่าที่ฉันคิด"
เธอพูดพลางสาดของเหลวที่อยู่ในถังไปรอบพื้นที่บ้านเก่าๆ โกโรโกโสหลังนึง
สักครู่ใหญ่ๆ เธอก็เทน้ำมันในถังนั่นจนหมดเกลี้ยง
เจสนั่งลงข้างถังน้ำมันนั่น เธอนั่งมองบ้านไม้หลังหนึ่งที่สภาพบ้านไม่ได้ดีไปกว่าบ้านร้างที่เด็กๆ ในหมู่บ้านมักถูกผู้ใหญ่หลอกว่าข้างในบ้านนั้นมีแม่มดใจร้ายคอยดักจับเด็กซนๆ อยู่ ...
แต่ที่ต่างออกไปก็คือ บ้านที่ว่านั่นมันคือบ้านของเธอเอง ไม่ใช่บ้านของแม่มด หรือบ้านผีสิงที่ไหน ......
Advertisement
Advertisement
เจสสิก้านั่งทอดสายตาอยู่จนแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์กำลังจะบอกลาขอบฟ้า ลมเย็นพัดมาวูบหนึ่งเหมือนช่วยดึงเธออกจากภวังค์
เธอสะดุ้งตัวขึ้นเล็กน้อย ค่อยๆ ขยับตัว ปัดเศษหญ้าแห้งๆ จากสนามหญ้าหน้าบ้านออกจากขากางเกงยีนส์สีซีดที่เธอใส่คู่กับเสื้อยืดสีเทาหม่น
"หมดเวลาอ่อนแอแล้วคนสวย" เธอพูดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า
เจสสะบัดมือ หักข้อนิ้วมือ เอียงหัวและสะบัดคอไปมาเหมือนนักกีฬากำลังวอร์มอัพ ...
" ฉันพร้อมแล้ว เอาล่ะ ...
โอเค !!! ...พระเจ้า คุณมีแผนให้ฉันทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ แผนของคุณมันห่วย ...
ฉันไม่มีวันอยู่กับไอ้แมงดาที่มันทำให้แม่ฉันเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้หรอก ...
ฉันเกลียดเขายิ่งกว่าเกลียดชีวิตของตัวเองเสียอีก ให้ตายเหอะ!! "
เธอเกรี้ยวกราดใส่โชคชะตาของตัวเอง ก่อนที่จะล้วงเอาไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วเดินตรงรี่ไปที่บ้านของเธอเอง
Advertisement
Advertisement
บ้านที่เธอใช้ชีวิตเติบโต บ้านที่บรรจุความทรงจำมากมายของเธอเอาไว้ตั้งแต่เกิด จนเธออายุ 18 ปี ....
เธอยืนมองบ้านของตัวเองครั้งสุดท้าย และหลับตาลง
เจสจุดไฟแช็กที่เธอใช้จุดบุหรี่ตอนอยู่ในโรงเรียนมาตลอด 2-3 อาทิตย์สุดท้ายก่อนเรียนจบและเขวี้ยงมันออกไป
สักพัก ไฟที่กอหญ้าใกล้กับหน้าต่างก็เริ่มลุกขึ้น มีเสียง พรึ่บ! ตามด้วยเปลวไฟที่วูบไหว แสงสว่างลุกโชนขึ้นไล่ตามน้ำมันที่เธอสาดไว้ และลามไปอย่างรวดเร็วจนถึงตัวบ้าน ...
เธอไม่แสดงอาการเสียดายเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอเก็บทุกอย่างที่เธอต้องการออกมาหมดแล้วทั้งเสื้อของวงดนตรีที่เธอคลั่ง ,โปสเตอร์ 2-3แผ่น, ซีดีเพลงทั้งหมดที่เธอมี ของใช้จำเป็นบางอย่างของแม่เธอ และของที่พ่อจริงๆ ของเธอทิ้งไว้ให้ก่อนที่เขาจะหายสาบสูญไป เธอจัดรวมมันไว้ในลังหลังรถของแดนเรียบร้อย
ใช่... ทุกอย่างที่เธอต้องการ เธอเก็บออกมาหมดแล้ว
ยกเว้น .....
Advertisement
Advertisement
เจสเดินตรงไปที่รถ เปิดประตูออก เธอเหวี่ยงโยนตัวเองเข้าไปนั่งในรถ เหลือบมองภาพบ้านตัวเองค่อยๆ จมหายไปในกองไฟอย่างเงียบๆ
ผ่านทางกระจกมองหลัง....
คนในเมืองนี้เกือบทั้งเมืองมักจะหายตัวไปที่โบสถ์ทุกวันอาทิตย์ จึงไม่มีใครสังเกตุหรือสนใจว่าบ้านไม้เก่าๆ หลังมุมสุดของเจสกำลังลุกไหม้เป็นกองไฟขนาดใหญ่อยู่
เจสสตาร์ตรถ และค่อยๆ เหยียบคนเร่ง
รถเคลื่อนตัวออกไป ผ่านรั้วเพื่อนบ้านของเธออกไป ผ่านสวนสาธารณะเล็กๆไป เจสตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่
เธอไม่ต้องการไว้ในเมืองนี้ ทิ้งสิ่งที่เลวร้ายไว้ในบ้านหลังเก่าของเธอ ...
ใช่ ... เธอทิ้งทุกอย่างที่เธอไม่ต้องการไว้ที่นั่น ..
บ้านที่กำลังถูกเปลวไฟห้อมล้อมทุกทิศทางหลังนั้น...
รวมถึงร่างอันไร้สติของ แดน พ่อเลี้ยงที่เป็นฝันร้ายของเธอด้วย ...
... รถแล่นออกนอกเมืองมาได้สักพัก ...
เจสสิก้าเปิดเพลง
เธอฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีเหมือนทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของเธอเมื่อสักครู่นั่น เป็นแค่เรื่องที่เธอมโนขึ้นมา เหมือนเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ...
เธอแพลนไว้ว่าจะย้ายไปอยู่อีกเมืองนึงกับเพื่อนที่เธอเคยรู้จักผ่านค่ายวิชาการและยังคุยกันอยู่ผ่านทางแอพแชตตัวนึงตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว
จริงๆ แล้วเจสแทบจะไม่มีเพื่อนในโรงเรียนเดียวกันเลย เธอซ้ำชั้นในปีสุดท้ายเพราะอาการป่วยทางจิตและหลอนยาขั้นรุนแรงของแม่เธอ ทำให้เธอต้องเป็นประสาทไปด้วยจนเข้าเรียนไม่ไหว แม่ถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลไปเมื่อกลางปีที่แล้ว ซึ่งก็เกือบๆ ปีนึงแล้วที่เธอทนอยู่กับพ่อเลี้ยงขี้ยานั่นโดยลำพังแบบที่ไม่มีแม่อยู่ด้วย
ใจนึงเจสก็รู้สึกอิจฉาแม่ตัวเองที่อย่างน้อยการได้เข้าไปอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่จำเป็นต้องมารับรู้และดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่ข้างนอกนี่ สิ่งนี้รบกวนจิตใจเธออยู่เรื่อยๆ เธอคิดว่าการต่อสู้อยู่ข้างนอกคนเดียวมันไม่ยุติธรรม เจสเคยน้อยใจแม่ถึงขนาดที่ไม่ไปเยี่ยมท่านเลยเป็นเวลาร่วม 2 เดือน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับจิตใจของแม่เธอนัก เพราะท่านก็แทบจำเธอไม่ได้อยู่แล้ว
แมรี่ หรือ มารีอานน่า โคล์ช คาร์สัน คือแม่ของเจสสิก้า เธอเคยเป็นสาวกรุ๊ปปี้ ใช้ชีวิตเย้วๆแบบฮิปปี้บุปผาชน ถนัดปาร์ตี้ยาและติดตามวงดนตรีร็อคแอนด์โรล จริงๆ เธอเป็นลูกสาวของนักธุรกิจระดับแนวหน้าในยุคนั้น และเธอเองก็ใช้ชีวิตในแบบฉบับของลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ
แมรี่ เป็นที่รู้จักในแวดวงสังคมชั้นสูง แต่ส่วนใหญ่มักเป็นข่าวเกี่ยวกับผู้ชายที่เธอควง และชีวิตส่วนตัวของเธอมากกว่าหน้าที่การงาน ทั้งๆ ที่งานของเธอก็เป็นเรื่องที่น่าจดจำ
แมรี่เคยเป็นทนายสาวอายุน้อยที่เก่งกาจคนนึง แต่ว่ากันว่าเธอบังเอิญไปตกหลุมรักลูกความของตัวเองเข้า การว่าความคดีนั้นจึงเป็นเหมือนผลงานชิ้นโบว์แดงงานสุดท้ายที่เธอฝากไว้ แล้วเธอก็สละตำแหน่งทนายสาวทรงสเน่ห์ หนีไปใช้ชีวิตฮิปปี้ตามที่เธอใฝ่ฝัน กับนักดนตรีหนุ่มอดีตลูกความของตัวเอง
ริชาร์ด ลี แอนเดอร์สัน มือกีตาร์หนุ่มสุดฮอต ที่อยู่ๆ กลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายโดยไม่ได้เจตนาและพกพาปืนโดยไม่มีใบอนุญาติในที่ชุมชน
เพราะเหตุการณ์ชุลมุนหลังเวทีคอนเสิร์ตที่เค้าต้องขึ้นแสดงร่วมกับเพื่อนในวงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนแยกวงกันไปตามทางนั่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เธอคือซาแมนต้า เป็นหนึ่งในกลุ่มแฟนเพลง VIP. ที่ได้รับสิทธิ์เข้าปาร์ตี้หลังเวทีก่อนที่วงจะขึ้นเล่น ริชชี่ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และเค้าก็รอดพ้นคดีนี้มาได้เพราะการว่าความที่เด็ดขาดและชาญฉลาดของแมรี่นั่นเอง ...
และใช่อย่างที่คุณคิดนั่นแหล่ะ ริชาร์ด คือพ่อแท้ๆ ของเจสสิก้า
ก่อนหน้านี้ริชาร์ดและเพื่อนในวงของเค้าอีก 4 คน ตั้งเป้าว่าการเล่นดนตรีของพวกตนนั้น จะเป็นเพียงแค่งานอดิเรกช่วงที่ตนว่างและช่วงปิดภาคเรียน เด็กหนุ่มพวกนี้เป็นกลุ่มลูกหลานของผู้มีอันจะกินทั้งหมด พวกเค้าทั้ง 5 เรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังที่เดียวกัน แต่ต่างคณะกันเท่านั้น ทั้ง 5 คนนัดเจอกันช่วงสุดสัปดาห์เพื่อซ้อมดนตรีและออกตระเวนเล่นตามผับละแวกใกล้ๆ มหา’ลัย
แต่จู่ๆ หลังจากที่ฟอร์มวงกันได้ไม่ถึง 2 ปี ก็มีค่ายเพลงเสนอสัญญาให้กับพวกเค้าพร้อมเงินก้อนโตถ้าหากพวกเค้ารับข้อเสนอแต่เงินไม่ใช่สิ่งที่หนุ่มๆ กลุ่มนี้ต้องการ แน่ล่ะ สุดท้ายพวกเค้าก็ตกลงเซ็นสัญญาเพราะคิดว่าอย่างน้อยการออนทัวร์ไปทั่วๆ อเมริกาก็ทำให้ช่วงซัมเมอร์พวกเค้าไม่ต้องหาทริปและออกเงินเที่ยวกันเอง
และสัญญาที่พวกเค้าตกลงเซ็นนั้นก็พาเค้าและเพื่อนมาไกลมากๆ บนเส้นทางนักดนตรี ไกลจากจุดเริ่มต้นที่เป็นแค่ผับเล็กๆข้างมหา’ลัย
ไกลถึงขนาดที่ว่าเกือบพาสมาชิกวงจำนวน 2 คน เข้าไปนอนในสถานจองจำกลางทะเลได้กันเลยทีเดียวเชียว
--- เสียงแตรดังขึ้นใกล้มาก เจสสิก้าเหยียบเบรคสุดแรง รถของเธอเริ่มเสียหลักและหมุน มีแรงกระแทกจากด้านหลังรถอย่างรุนแรง ทำให้ตัวของเจสสะบัดจนเกือบหลุดออกมาจากการรัดของเข็มขัดนิรภัย แรงสะบัดเหวี่ยงตัวเธอกระแทกเข้ากับถุงลมนิรภัย และก็เป็นเข็มขัดนิรภัยเองอีกนั่นแหล่ะที่กระชากตัวเธอกลับมาซัดเข้ากับเบาะรถอีกทีในจังหวะที่เธอไม่ได้ตั้งตัว ----
รถสงบนิ่งลงในลักษณะที่ตัวรถเอียงข้างเอาด้านประตูคนขับแนบติดที่พื้นถนน ใบหน้าของเจสแนบอยู่กับหมอนตุ๊กตางี่เง่าตัวนึงที่เธอเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่ามันมาอยู่ในรถตั้งเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ราวกับว่ามันช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เพราะถ้าไม่มีเจ้าตุ๊กตานั้น ศรีษะเธออาจจะฟาดเข้ากับพื้นถนนเข้าอย่างจังก็เป็นได้
เจสยังพอมีสติอยู่แต่ก็รู้สึกมึนและตาพร่ามัวไปหมดเธอรู้ว่าต้องมีกระดูกส่วนใดส่วนนึงในร่างกายเธอที่หัก เพราะเธอขยับตัวไม่ได้ เจสรู้สึกได้ถึงความชา
ชาเหมือนตอนที่เธอตกจากแสตนเชียร์ต่อหน้าคนเกือบ 300 คนในสนามบาสเก็ตบอล ไม่ได้เป็นการชาเพราะอับอาย แต่ตอนนั้นเจสขยับไม่ได้ มารู้ทีหลังว่าการที่เธอตกลงมาจากแสตนสูงราว 10 ฟุตนั้นทำให้แขนด้านซ้ายของเธอหักสองท่อน กระดูกข้อเท้าซ้ายบิดจนผิดรูป เธอพยายามร้องให้คนช่วย แต่เหมือนว่าแสตนเชียร์กับจุดที่เธอนอนโอดโอยอยู่มันห่างกันเกินไป และเสียงเชียร์ของคนในสนามก็ดังเกินไป หรือเธออาจจะไม่เป็นที่สนใจอะไรนัก หรือทุกคนคิดว่าการที่เธอตกลงไปนั้นเป็นการเรียกร้องความสนใจ จะอย่างไรก็ตามแต่ เธอนอนน้ำตาไหลอยู่แบบนั้นเกือบ 10 นาที จนมีรุ่นน้องคนนึงคลานลอดใต้แสตนผ่านมาและเห็นเธอเข้า หลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้เลย รู้สึกตัวอีกทีคือตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาลใกล้ๆโรงเรียนนั่นล่ะ
ครั้งนี้เธอไม่ต้องรอนานถึง 10 นาที อย่างครั้งก่อน ไม่ใช่ว่ามีคนมาช่วยเธอได้รวดเร็วทันเวลาหรอกนะ แต่เป็นเพราะเธอสลบไปหลังจากที่รู้สึกว่า
ตัวชาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นเอง
------------------------------------------
เครดิตรูปภาพปกจาก www.rent.com/texas/waco-houses/2809-windsor-ave-4-lv204132321
ความคิดเห็น