เพลง “แชทหนักขวา” บทเพลงที่สะท้อนถึงเรื่องราวของความรักในมุมเศร้า ๆ ถ่ายทอดบทเพลงด้วยน้ำเสียงใส ๆของสาวน้อยที่มีรอยยิ้มสดใสอยู่เสมออย่าง “โอ้ กาญจน์ศิริ เพ็งชัยเจริญ” ซึ่งเรามีโอกาสได้เห็นเธออยู่บ่อย ๆ จากหลาย ๆ ผลงาน ทั้งการร้องเพลงของตัวเอง ทั้งเพลง cover ทั้งการเป็นยูทูปเปอร์รายการ “เรียนรู้ไปด้วยกันนะ” ใน YouTube ซึ่งเป็นรายการสอนภาษาอังกฤษได้อย่างน่ารัก ทำให้จดจำคำศัพท์กันได้ง่าย ๆ เป็นประโยชน์กับทุกคนที่ติดตามชมอย่างมาก และล่าสุด “โอ้ กาญจน์ศิริ” เพิ่งคว้ารางวัลชนะเลิศประกวดคลิป VDO TrueID In-Trend มาหมาด ๆ มาทำความรู้จักกับเธอกันค่ะ... “โอ้เกิดที่จังหวัดอุดรธานี เติบโตและเรียนที่อุดรฯ จนจบม. 6 จากนั้นจึงย้ายมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยและทำงานที่กรุงเทพฯ จนถึงปัจจุบัน ถ้าให้มองย้อนไปตอนที่เราเป็นเด็ก โดยมุมมองของโอ้ ณ ปัจจุบันนี้ โอ้ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กแปลก ๆ คนนึงนะคะ (หัวเราะ) ชอบขบคิดอยู่กับอะไรบางอย่าง ไม่ชอบทำตามคนอื่น บางทีก็ชอบเก็บตัว วาดรูปคนเดียวเงียบ ๆ บางอารมณ์ก็นึกอยากแสดงออก พอโตขึ้นมาก็เลยได้รู้นิยามของคาแรคเตอร์แบบนั้น นั่นก็คือเป็นคน ติสท์ นั่นเอง ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นอยู่ แต่มีฝั่ง Logical เข้ามาถ่วงดุลตัวเองมากขึ้น” “โอ้รวมถึงคนอื่น ๆ ก็มองว่าครอบครัวของโอ้เป็นทีมเวิร์คที่ดีในการดูแลและให้กำลังใจกันและกันอย่างมากเลยค่ะ โอ้ไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดความรักเลย โอ้มีพี่สาวหนึ่งคน ตัวเองเป็นคนเล็กสุดในบ้าน ทุกคนคอยดูแลเอาใจใส่ ให้เวลากับโอ้ สอนการบ้าน ช่วยติวสอบตอนประถม ทำให้ผลการเรียนของโอ้ออกมาดี โดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำโอ้ก็ไม่รู้อย่างทั่วถึงว่าระบบการศึกษาโดยรวมในช่วงปีพ.ศ. 2543-2554 ในวัยที่เราเป็นเด็กนักเรียนมันเป็นอย่างไร แต่ ณ บริบทรอบตัวของโอ้ตอนนั้น ค่านิยมของเด็กที่จะประสบความสำเร็จคือต้องเรียนหนังสือเก่ง ต้องเรียนสายวิทย์ และความฝันสูงสุดของเด็ก และผู้ปกครอง หลาย ๆ คนก็คือการเป็นหมอ ซึ่งคนรอบตัวของโอ้ก็เป็นเช่นนั้น เพื่อนสนิท ผู้ใหญ่หลายคนมองแบบนั้น ไม่มีใครส่งเสริมให้ไปในทางศิลปะ กระแสมันมาอย่างนั้น เราก็เลยอาจจะถูกกลืนไปกับเทรนด์เหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว” “และด้วยกระแสนิยมต่าง ๆ บวกกับการที่เราเป็นคนไม่คิดอะไรมาก ทำให้โอ้เลือกที่จะต่อม.ปลายสายวิทย์-คณิต ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้เก่งสองวิชานี้สักเท่าไหร่ แต่คนอื่นมองว่าเด็กสายนี้ต้องเรียนเก่ง และเราอยากถูกมองว่าเป็นคนเก่ง จึงพยายามฝืนเรียนสายนี้ ยังดีที่เราชอบภาษาอังกฤษมาก ๆ หลังจากที่สอบเข้าแผนส่งเสริมวิทย์-คณิตติดแล้ว เลยสอบเข้าโครงการ Gifted ภาษาอังกฤษเพิ่มด้วย หวังว่าให้วิชาภาษาอังกฤษช่วยดามใจการเรียน ม.ปลายอีก 3 ปีข้างหน้าชีวิตโอ้เบนเข็มค่อนข้างบ่อย คือตอนเรียน ม.4 คุณครูหลายคนค่อนข้างใจดี ไม่ออกข้อสอบโหดมาก เราจึงพอทำได้ เกรดโอเค 3.94 เป้าหมายของโอ้จึงยังวน ๆ อยู่ในการเข้าคณะแพทย์, วิศวะ, ทันตะ, เภสัช อยู่ แต่พอขึ้นม. 5 เริ่มเห็นความเป็นจริงมากขึ้น เราไม่ได้เก่งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อย่างที่ตัวเองคิด เริ่มมีเกรด 3 เกรด 2.5 โผล่มาเป็นครั้งแรก เราก็ตกใจมาก ก็เลยกลับมาทบทวนกับตัวเอง ว่าจริง ๆ แล้วเราอยากเรียนอะไร พอได้คำตอบแล้วก็คุยกับที่บ้านว่าขอไม่สอบเข้าคณะที่เกี่ยวกับวิทย์แล้วนะ จากนั้นก็กัดฟันเรียนให้จบม.6 ไป บวกกับตั้งใจเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่ต้องการ ซึ่งใช้แค่วิชาคณิตและภาษาอังกฤษ และสุดท้ายโอ้ก็สอบติดคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมเจอร์บัญชี เป็นโครงการทุนพิเศษที่ฟรีค่าเทอมและให้ค่าใช้จ่ายทุกเดือนชื่อว่าทุนจุฬา-ชนบทเมื่อก่อนโอ้อาจจะเคยให้เหตุผลแบบสวย ๆ ว่าทำไมถึงเลือกเรียนคณะบัญชี แต่ขอเฉลย ณ ที่นี้เลยว่าที่เลือกเรียนคณะบัญชี เพราะต้องการหลบหนีสายวิทย์เฉย ๆ ค่ะ”“เส้นทางของเมเจอร์บัญชีมีเป้าเหมายสูงสุดในการเป็น ผู้สอบบัญชี หรือ Auditor ค่ะ และมันก็เดจาวูอีกครั้ง ปี 1 เป้าหมายยังเป็นออดิตเตอร์อยู่ ปีสองเริ่มเอ๊ะละ ปีสามไม่ละ ชอบมาร์เก็ตติ้ง บัญชีกับมาร์เก็ตติ้งอยู่ภายใต้คณะเดียวกัน เลยไปฝึกงานด้านการตลาดที่ค่ายเพลงดังแถวลาดพร้าว กลับมาปีสี่เหมือนเดิม กัดฟันเรียนบัญชีอีกสองเทอมให้จบ และหางานการตลาดการเปลี่ยนสายมันต้องใช้ความเชื่อเหมือนกันนะคะ เพราะระหว่างที่เรียนปีสี่ เพื่อน ๆ ที่ตั้งใจเป็นออดิตฯ ก็ถูกจองตัวตั้งแต่เทอมหนึ่งแล้ว ส่วนตัวเรา ภายในหนึ่งปีที่เหลือในมหาวิทยาลัยต้องพยายามเก็บโปรไฟล์ ทำของขาย ประกวดแผนการตลาด ลงเรียนวิชาการตลาดเพิ่ม พูดง่าย ๆ ว่าพยายาม Build ตัวเองให้เขาเชื่อว่าเราทำมาร์เก็ตติ้งเป็นนะแต่มันไม่ง่ายเลยค่ะ โอ้ก็ต้องแข่งกับเด็กเมเจอร์การตลาดตัวจริงอีกมากมาย ที่เขาเรียนเยอะกว่าเรา ได้เดินสายประกวดแผน ทำโปรเจ็คบ่อยกว่าเรา ขนาดว่ามีบริษัทต่าง ๆ มาตั้งโต๊ะรับสมัครงานถึงมหาวิทยาลัย เราก็เข้าไปสมัครทุกอัน แต่ไม่มีใครเรียกเลยค่ะ แต่ในที่สุดโอ้ก็ได้งานประจำเป็นมาร์เก็ตติ้งแล้ว” “พอเล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะงงว่าเอ๊ะ แล้วการร้องเพลงล่ะ อยู่ตรงช่วงไหนของชีวิต ในวัยเรียนโอ้เป็นเด็กที่ไม่ค่อยทำกิจกรรมถ้าไม่จำเป็นหรืออยากทำจริง ๆ ค่ะ กิจกรรมที่ทำช่วงม.ปลายก็คือเป็นตัวแทนนักเรียนไปแข่งคอร์สเวิร์ด เกมต่อศัพท์ แล้วก็… แค่นี้แหละค่ะ แค่นี้จริง ๆ (หัวเราะ)ที่จุฬาฯ ก็แข่งคอร์สเวิร์ดกีฬาเฟรชชี่ตอนปี 1 ตอนนั้นมี CU Band ชมรมดนตรีจุฬาฯ มี Banshi ชมรมดนตรีของคณะบัญชี มีประกวดโฟล์คซองมากมาย แต่ไม่รู้อะไรบังตาไว้เหมือนกัน โอ้ไม่เข้าร่วมสักอย่าง อาจจะเป็นเพราะว่าเรากลัวว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อนมั้งคะ เลยไม่ค่อยทำกิจกรรมอะไร เพราะที่นี่การแข่งขันด้านการเรียนค่อนข้างสูง” “แต่โอ้จะบอกว่าจริง ๆ แล้วการร้องเพลงมันอยู่ในทุกช่วงชีวิตของโอ้เลยนะคะ เพียงแค่ว่าช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่คนอื่นไม่ได้เห็นเท่านั้นเอง โอ้ชอบแอบกระโดดขึ้นไปบนเตียงแล้วร้องเพลงคนเดียวในห้องตอนเด็ก ๆ ราวกับว่าจัดมินิคอนเสิร์ตเป็นคนตัวเอง เรียบเรียง Playlist ทุกอย่าง เพลงช้า เพลงเร็ว คนดูกลุ่มแรกน่าจะเป็นเพื่อนบ้านนะคะ เพราะว่าอาจจะร้องเสียงดังจนข้างบ้านได้ยิน ส่วนกีตาร์ตัวแรกเป็นไม้กวาด ช่วงนั้นดูเดอะสตาร์ทุกปี แล้วก็ชอบคิดว่าถ้าเราไปแข่ง จะเลือกเพลงอะไรดีน้า พออยู่จุฬาฯ โอ้พักอยู่หอใน ก็จะอาศัยช่วงที่รูมเมทไม่อยู่แอบดีดกีตาร์ร้องเพลง อันนั้นกีตาร์จริงแล้วนะคะ ไม่ใช่ไม้กวาด หรือไม่ก็ชวนเพื่อนสนิทมานั่งฟังเราร้องใต้หอหลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมโอ้ไม่แสดงออกไปตั้งแต่เด็ก ๆ เลยว่าชอบร้องเพลง หรือทำไมไม่แสวงหาเวทีในการโชว์ความสามารถ โอ้จะบอกว่าโอ้เองก็เคยไม่เข้าใจตัวเองตอนนั้นเหมือนกันค่ะ แต่วันนี้ก็ตกผลึกได้ว่า...อยากให้ลองนึกภาพสะพานสองอัน ที่พาเราไปในทางที่แตกต่างกัน อันแรกเรามองเห็นชัดเจนว่าปลายทางเป็นอย่างไร สะพานแข็งแรงมาก จะเดินจะวิ่ง จะกระโดดหรือตีลังกาก็ถึงจุดหมายแน่ ๆส่วนสะพานอีกอันที่จะพาเราไปอีกด้านมันมี “หมอก” มาบดบังทัศนวิสัยเรา ทำให้เรามองเห็นจุดหมายได้ไม่ชัด ถึงจะมองเห็นชัดก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะต้องเดินยังไงให้ไปถึงตรงนั้น สะพานจะหักไหม คนที่จะไปกับเราก็มองไม่เห็นเหมือนกัน คนที่มองไม่เห็นอะไรเลยเดินข้ามสะพานไปด้วยกัน เดินไปก็เสี่ยง รอหมอกจางลงกว่านี้ก่อน ค่อยวางแผนจะข้ามละกัน เส้นทางการร้องเพลงในวัยเด็กของโอ้ เป็นแบบสะพานตัวที่สองเลย” “แต่ด้วย Social Media ด้วยการรู้จักคนมากมาย ด้วยโลกที่เปลี่ยนไป ทำให้ หมอก มันเริ่มจางลงไปเยอะ พอหมอกจางลง เราก็เห็นว่าสะพานมันยังไม่ค่อยแข็งแรงนะ พื้นมีรู เชือกตรงนี้ขาด สิ่งที่โอ้ทำวันนี้ก็คือการซ่อมแซม ปรับปรุง พัฒนาทำให้สะพานของโอ้สามารถพาโอ้ไปถึงเป้าหมายได้การสร้างสะพานอันใหม่เปรียบได้กับการเรียนร้องเพลง การฝึกซ้อม การทำเพลง การ Audition การเสนอผลงานกับทางค่าย การเปิดแฟนเพจ การเปิดช่อง YouTube หรืออะไรก็ตามที่สร้างโอกาสให้โอ้ แม้เป็นก้าวเล็ก ๆ โอ้เต็มที่กับมันมาก ๆ เท่าที่ตัวเองจะทำได้ โอ้เริ่มเดินเส้นทางนี้ได้จริงจังในวัยที่โอ้ทำงานแล้ว มีรายได้ เลี้ยงดูตัวเองได้ ถึงแม้ว่าจะต้องแบ่งเวลากับการทำงานประจำแต่ก็ไม่มีช่วงเวลาไหนจะพร้อมซ่อมและสร้างสะพานเท่าตอนนี้อีกแล้ว” “โอ้มีพี่แพท วง Klear เป็นไอดอล เพราะพี่แพทเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก ๆ เขาแต่งเพลงที่เขาร้องเองทั้งหมด เลยเป็นแรงบันดาลใจให้โอ้เป็นศิลปินที่แต่งเพลงร้องเอง ซึ่ง ณ ตอนนี้มีแต่เพลงที่แต่งจากประสบการณ์ของตัวเองล้วน ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลง คนที่ Move On หรือ แชทหนักขวา โดยเพลงคนที่ Move On เขียนไว้ตั้งแต่ต้นปี เพราะอยู่ ๆ เราก็ถูกเทโดยไม่ทันได้ตั้งตัวจึงเกิดเป็นเพลงนี้ขึ้นมา ส่วนเพลง แชทหนักขวา ก็มีประสบการณ์ที่ทักไลน์คน ๆ นึงไปเยอะ ๆ แล้วเขาไม่ค่อยอ่าน แล้วก็ตอบมานิดเดียว จากนั้นก็หายไปเลย (หัวเราะ) ส่วนเพลงที่แต่งช่วงโควิดระบาดก็มีเพลงภาษาอังกฤษชื่อ Distance และเพลงที่กำลังจะปล่อยเร็ว ๆ นี้ ชื่อเพลง ถ้าฉันได้พบเธออีกครั้ง”ส่วน MV ตอนนี้ที่ทำมีแค่เพลงเดียวคือเพลงคนที่ Move On (Acoustic Version) ซึ่งได้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ นิเทศศาสตร์มาช่วยถ่ายให้ฟรีค่ะ บรรยากาศการทำงานสนุกดีนะ โอ้คิดพล็อตและเขียน Storyboard เอง ก็วาดการ์ตูนลายเส้นง่าย ๆ ไป ถึงตัวเองจะไม่ได้จบนิเทศแต่ก็รู้ว่าการมี Storyboard จะช่วยคุมงานให้ผ่านลุล่วงได้ ไม่ตกหล่น” “เพจ เรียนรู้ไปด้วยกันนะ เป็นอีกงานที่โอ้ตั้งใจมาก ต้องเล่าก่อนว่าโอ้รับสอนพิเศษภาษาอังกฤษด้วย ทำให้ชีวิตของเรามีบทบาทในการเป็นครูด้วยนิดนึง และเราอยากจะผสมการเรียนรู้กับความบันเทิงเข้าด้วยกัน มันน่าจะสร้างสิ่งดี ๆ ต่อการศึกษาของประเทศไทยได้บ้าง แต่ไม่อยากจะใช้คำว่าเรามาสอนใคร ก็เลยเป็นสไตล์เรียนรู้ไปด้วยกันดีกว่า และโอ้ก็ชอบคำว่าเรียนรู้ เพราะมันมาคู่กับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นปกติของมนุษย์เราคลิปที่คนชอบมากที่สุดก็จะคลิปท่องศัพท์เป็นนิทาน ที่ภาษาอังกฤษบางคำ พ้องกับภาษาไทย ทำให้เราจำศัพท์ง่ายขึ้น และหาจุดเชื่อมโยงของศัพท์ทุกคำให้เป็นเรื่องราวต่อเนื่องกัน ในส่วนของมุขในการจำศัพท์บางอันก็มาจากครูที่เคยสอนโอ้ บางอันโอ้ก็คิดเองเพราะตัวเองชอบคิดมุขตลก ส่วนการเชื่อมโยงจริง ๆ มันมีหลักการรองรับนะคะ และใช้กันเยอะด้วย เรียกว่าวิธีจำแบบ Mnemonics ยกตัวอย่าง ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง ก็ใช้หลักนี้ค่ะ” “นอกจากการทำเพจแล้ว โอ้ก็ชอบการเขียนบทความด้วยค่ะ เพราะหนึ่ง Content ของเรามันแปลงไปได้หลายรูปแบบ เช่น VDO, บทความ หรือรูปภาพ การเขียนบทความก็เป็นอีกแพลตฟอร์มที่ช่วยเกื้อกูลผลักดัน Facebook, YouTube ของเรามากขึ้น แถมยังได้ตังค์อีกด้วย...เอาตังค์ที่ได้ไปทำเพลง^^ในปีที่ผ่านมา TrueID In-Trend ได้ให้โอกาสนักเขียนหน้าใหม่ได้ลองส่งผลงาน โอ้เลยเขียนส่งไปเรื่อย ๆ เพราะจะได้ฝึกฝนทักษะการเขียนด้วย เขียนไปเขียนมาทางทีมงานก็จัดโครงการคัดเลือก Influencer ทั้งหมด 21 คน ซึ่งในตอนแรกโอ้ไม่ติด แต่ดีที่มีคนสละสิทธิ์เลยได้โอกลายเป็นหนึ่งใน In-Trend Influencer ตรงนี้ถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ สำหรับโอ้ในปีนี้เลย เพราะโอ้ได้มีโอกาสรีวิวแบรนด์ต่าง ๆ ได้รีวิวร้านกาแฟ ร้านอาหาร ไปกินฟรีแถมได้ค่าจ้างอีก (หัวเราะ) มันเป็นสิ่งใหม่สำหรับโอ้มาก ๆ เลย ได้รู้จักร้านดี ๆ ได้รู้จักคนดี ๆ มากมาย”“และล่าสุดทาง TrueID In-Trend ก็ได้เพิ่มแพลตฟอร์ม VDO เข้ามา และจัดประกวดคลิป VDO ด้วย ตอนนั้นโอ้ทำเพลง แชทหนักขวา อยู่ และนโยบายของโอ้คือกระจายผลงานลงไปให้ทั่วทุกแพลตฟอร์มเท่าที่จะทำได้ ก็เลยส่งเพลง แชทหนักขวา เข้าประกวด ปรากฎว่าชนะรางวัลในหมวดบันเทิง ก็ดีใจมาก เพราะปีนี้โอ้ตั้งใจมาสาย Entertainment อยู่แล้ว”“ทั้งทำงานประจำ ทั้งทำเพจ งานสอน งานเขียน และงานเพลง หลายคนอาจจะสงสัยว่าโอ้แบ่งเวลายังไง จริง ๆ มันไม่มีสูตรตายตัวแบบ One Size Fits All กับทุกคนหรอกนะคะ โอ้เองก็ปรับมาหลายแผน ลองทุกกระบวนท่ามาเหมือนกันโอ้มองว่าการแบ่งเวลามันต้องเริ่มจากการมีเป้าหมายก่อน ว่าเราอยากทำอะไร เราไม่อยากทำอะไร มันคือการจัดลำดับความสำคัญของทุกสิ่งก่อน แล้วค่อยโยนลงตารางเวลา ลองวาดวงกลมสามวงซ้อนกันดูก็ได้ วงแรกคือสิ่งที่ต้องทำ อีกวงคือสิ่งที่ชอบ วงที่สามคือสิ่งที่เก่ง สิ่งที่ควรทำก่อนคือสิ่งที่มีจุดทับซ้อน (Intersect) กันระหว่างสามวงกลม มากที่สุด ส่วนอะไรที่อยู่นอกเหนือวงกลมสามวงนี้ก็พยามหลีกเลี่ยง อะไรทำนองนี้""ถ้าเป็นเรื่องงาน โอ้ก็จะจัดกลุ่มออกเป็นสามประเภท คือ 1. งานหลัก 2. งานเสริม และ 3. งานในฝัน เราทำงานหลักหรืองานประจำให้เต็มที่ ได้เงินมาก็ใช้จ่าย เก็บออม ส่วนงามเสริมอย่างเช่นรับสอนพิเศษ รับจ้างเขียนบทความเป็นงานที่ทำเพื่อนำรายได้ไปเติมเต็มงานในฝันซึ่งก็คือการเป็นนักร้อง งานในฝันเป็นงานที่เรารักมาก แต่มันยังทำเงินไม่ได้ และชีวิตยังคงต้องใช้เงิน เราจึงหยุดงานหลักและงานเสริมไม่ได้ โอ้ก็หวังว่าวันหนึ่งงานทั้ง 3 จะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มันจะเหนื่อยน้อยลงมาก”ทุก ๆ งานจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนก็คือ 1. เรียนรู้ 2. ฝึกฝน และ 3. ผลิต โอ้จะไม่ผลิตคลิป “เรียนรู้ฯ” พร้อมคลิป Cover เพลง ถ้าคลิป “เรียนรู้ฯ” อยู่ในกระบวนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นถ่ายทำหรือตัดต่อ การร้องเพลงของโอ้จะหลีกทางให้ มันจะไปอยู่ใน Step ของการเรียนรู้ หรือฝึกฝน แทน”“โอ้ว่ามนุษย์เรามหัศจรรย์นะคะ สร้างสรรค์สิ่งดีได้หลายอย่างเลย เชื่อว่าเราทุกคนมีศักยภาพและทำอะไรได้มากมาย ดังนั้นทำให้เต็มที่ พักผ่อนให้เพียงพอ เรามีตัวช่วยเป็นเทคโนโลยี ที่ทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญเรามีคนรอบข้าง ไม่มีอะไรสำเร็จได้ด้วย One Man Show กว่างานจะสำเร็จแต่ละชิ้นเบื้องหลังคือทีมที่ช่วยเหลือกันทั้งนั้น หรือต่อให้เราทำเพลงด้วยตัวคนเดียวทุกขั้นตอน ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะสำเร็จได้ด้วยตัวเอง เพราะเราก็ต้องการคนฟัง คนเชียร์ และคนสนับสนุนตัวเรา” ทำความรู้จัก “โอ้ กาญจน์ศิริ เพ็งชัยเจริญ” ไปส่วนหนึ่งแล้ว อยากทำความรู้จักกับเธอมากกว่านี้ สามารถติดตามกันได้เลย...ฟังเพลง #แชทหนักขวา ผ่านทาง TrueID In-Trend ได้ที่แชทหนักขวา - Oh Kansiri feat. Snare Rioติดตามได้ทุกช่องทางที่Facebook : Oh KansiriYouTube : Oh KansiriIG : ohkansiriขอบคุณภาพประกอบจากIG : ohkansiri