How to...มองคนจากภายนอก ให้ทะลุถึงภายใน

สวัสดีค่า แม้จะผ่านไปเป็นเดือนแล้วแต่โควิดก็ไม่แคล้วไปเสียที ฮ่าๆ โลลินี่ทั้งเรียนออนไลน์ ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ เขียนบทความวนไปจนจำวันจำคืนไม่ได้แล้วจ้าาา ก็คงมีแต่เพื่อนๆ นักอ่านนี่แหละค่ะที่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจทำให้รู้สึกเหมือนชีวิตยังเดินหน้าต่อไปได้ *^* // ส่งสายตาอ้อนสุดขีด

และวันนี้โลลิก็มีบทความมานำเสนอเพื่อนๆ ที่น่ารักของโลลิอีกเช่นเคย บทความนี้จะเกี่ยวกับการมองคนที่ภายนอกให้ทะลุลึกไปถึงข้างในค่ะ เนื่องจากหลายวันก่อนโลลิได้อ่านหนังสือเรื่อง ‘1 นาที ฝึกมองคนให้ทะลุ’ ของ หลิว หย่ง เซิง ซึ่งมีเนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับการสังเกตพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของผู้คน เพื่อให้สามารถมองคนๆ นั้นออกและทำความเข้าใจพวกเขาได้ โลลิคิดว่ามันเป็นอะไรที่เป็นประโยชน์มากๆ จึงอยากนำเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจมาเสิร์ฟให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน <3  ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเล้ย!  < p>

เพราะชีวิตประจำวันของเรา (ไม่นับรวมช่วงโควิดนี้) เราต้องออกไปพบปะผู้คนมากหน้าหลายตาอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องเจอและรู้จักผู้คนใหม่ๆ ดังนั้นการมองคนให้ออกจากพฤติกรรมภายนอกเล็กๆ น้อยๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้เราได้เข้าใจคนๆ นั้นมากขึ้น และวางตัวได้ถูกต้อง

เข้าใจ...ผู้ที่ชอบยื่นคางออกมา

แทน มอร์ริส นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังคนหนึ่งกล่าวว่า “การยื่นอวัยวะออกมาข้างหน้า แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะคุกคามอีกฝ่าย” เพราะจริงๆ แล้วคางนั้นไม่ใช่อวัยวะที่จะมีการเคลื่อนไหวมากนอกจากเคี้ยวอาหาร เงยหน้าขึ้นสูดอากาศ ดังนั้น ถ้าหากคู่สนทนาของคุณมีท่าทางยื่นคางออกมาตรงหน้าขณะสนทนากัน นั่นแปลว่า เขาต้องการจะคุกคาม แสดงอำนาจ หรือเวลาที่คนเราโกรธ เราจะยื่นคางออกมาข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว เป็นเหมือนกำลังพยายามโยนความโกรธให้อีกฝ่าย

เข้าใจ...ผู้ที่ชอบยิ้มแห้งๆ

ปกติแล้วคนเราหลายคนมักเคย ‘ยิ้มแห้ง’ มาก่อน และคนเรามักยิ้มแห้งเมื่อเจอเหตุการณ์ที่ไม่รู้จะแสดงสีหน้าออกไปอย่างไรจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ แต่สำหรับผู้ที่ยิ้มแห้งตลอดเวลานั้นทเป็นคนที่จิตใจเปราะบางมาก มักจะเป็นคนที่มีเรื่องทุกข์ใจตลอดเวลาจนเรียกได้ว่าความทุกข์นั้นพรากรอยยิ้มอันสดใสของพวกเขาไป โดยไม่จำเป็นต้องมีเรื่องเลวร้ายอะไรในชีวิตประจำวันเลยเขาก็สามารถเจ็บปวดได้ หรือเพียงแค่เขาหวนนึกย้อนถึงอดีตที่ไม่ดี เขาก็จะรู้สึกเป็นทุกข์และครุ่นคิดกับเรื่องเหล่านั้นอย่างไม่ยอมปล่อยวาง เหมือนแยกเรื่องอดีตกับปัจจุบันไม่ได้ คนแบบนี้มักชอบเก็บตัว รู้สึกตัวเองไร้ประโยชน์ และคิดว่าไม่มีใครช่วยเขาได้ จึงพยายามที่จะเก็บตัวเพื่อรักษาบาดแผลของตัวเอง

เข้าใจ...ผู้ที่ชอบขมวดคิ้ว

นักจิตวิทยาสังคมชาวอเมริกันอย่าง ลินน์ คราเชน เคยบอกเอาไว้ว่า นอกตาดวงตาแล้ว คิ้วยังเป็นอวัยวะที่แสดงความรู้สึกในใจของคนออกมาด้วยเช่นกัน ดังนั้น สำหรับคนที่ชอบขมวดคิ้วมุ่นนั้น มักเป็นคนที่คิดมากจนลังเลเวลาที่ต้องตัดสินใจแก้ปัญหาอะไรสักอย่าง หรือต่อให้พวกเขาตัดสินใจได้แล้ว ถ้ามีใครสักคนมาทำให้เขาเขวอีก เขาก็จะลังเลอีกครั้ง คนประเภทนี้มักจะชอบเก็บตัวเพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง ตามหาความมั่นคง เมื่อพบเจออะไรก็จะจดจำเอาไว้ ไม่ปล่อยวาง ถ้าหากคุณพบเจอคนประเภทนี้ การวางตัวของคุณนั้นสำคัญมาก คุณต้องยิ้ม และขณะที่สนทนากัน คุณต้องพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ตั้งใจฟังเหตุผลของเขา จะทำให้เขารู้สึกว่าคุณเคารพในตัวเขา หรือถ้าเพื่อนที่คุณคบหาอยู่นั้นเป็นคนประเภทนี้ จึงจำเป็นที่คุณต้องให้กำลังใจเขา หรือแสดงให้เขาเห็นว่าคุณเห็นด้วยกับเขา

เข้าใจ...ผู้ที่สบตาผู้อื่นก่อน

เพราะ ‘ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ’ มนุษย์เรานั้นมักจะแสดงความคิดความรู้สึกออกมาผ่านดวงตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสมอ แม้ว่าคนๆ นั้นจะพยายามซ่อนตัวตนหรือปิดบังอะไรเอาไว้ก็ตาม แต่ดวงตานี่แหละที่จะเป็นตัวเปิดเผยเรื่องพวกนั้นออกมาอย่างปิดไม่มิด ดังนั้น ผู้ที่สบตาผู้อื่นก่อนมักจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมา มั่นใจ จริงใจกับความรู้สึกของตัวเอง แต่ผู้ที่หลบตานั้น มักเป็นคนที่มีอะไรบางอย่างปิดบังเอาไว้ จึงต้องหลบตาเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นสิ่งที่เขาเก็บงำผ่านดวงตาของเขาได้

เข้าใจ...ผู้ที่มองคนอื่นด้วยหางตา

การเหลือบมองคนด้วยหางตามีหลายความหมายขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บางสถานการณ์หมายถึง คนๆ นั้นกำลังปิดบังความรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่ และไม่อยากให้ผู้อื่นรับรู้ การมองด้วยหางตาเป็นเพราะเจ้าตัวรู้สึกอยากหนีออกไปจากตรงนี้ แต่การปิดบังความรู้สึกนั้น อาจรวมถึงความรู้สึกสนใจ รู้สึกชอบ แต่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าคนๆ นั้นกำลังสนใจหรือชอบใครอยู่ และสำหรับบางสถานการณ์อาจหมายถึงคนๆ นั้นไม่ได้สนใจได้ด้วยเช่นกัน ถ้าหากคุณกำลังพูดกับใครสักคน แต่คนๆ นั้นทำเพียงแค่เหลือบมอง นั่นหมายถึงเขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่คุณพูด หากพบเจอคนประเภทนี้ เราไม่ควรจ้องตอบเขาตรงๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้สึกว่าคุณกำลังคุกคามความคิดของเขา และคุณไม่น่าคบหา

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับ 7 พฤติกรรมของสีหน้าของมนุษย์เรา ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะ ว่ารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของการแสดงสีหน้าของคนจะบ่งบอกอะไรได้มากมายขนาดนี้ พวกเราทุกคนสามารถเป็นผู้ที่มองคนออกได้ง่ายๆ เพียงแค่ฝึกสังเกตใบหน้าของคู่สนทนา เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้เรารู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไรกับเราแล้ว ยังช่วยให้เราวางตัวถูก เตรียมรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีขึ้นอีกด้วย อ่านจบแล้วก็ลองสังเกตตัวเองดูก็ได้นะว่า เราได้เผลอแสดงความรู้สึกของตัวเองออกไปทางสีหน้ามากน้อยแค่ไหน หรือจะลองแอบมองคนรอบๆ ตัวเราก็ได้ค่ะ ว่าถ้าเขามีสีหน้าแบบนี้ มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าาา แล้วเราควรรับมืออย่างไร ^^

ถ้ายังไง สำหรับวันนี้ โลลิก็คงต้องขอตัวลาไปเท่านี้ก่อน ไว้แล้วพบกันใหม่สำหรับ How to...การมองคนที่ภายนอก ให้ทะลุถึงภายใน บทความที่ 2 นะค้า รออ่านกันได้เลย ขอบคุณค่ะ // ไหว้งามๆ

ขอบคุณภาพปกจาก pixabay / รูปภาพประกอบที่ 3 : pixabay

รูปวาดโดยนักเขียน

By. Loli