ไลฟ์แฮ็ก

how to survive in university!?

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
how to survive in university!?

ชีวิตมีพรุ่งนี้เสมอ :)หากจะกล่าวเปรียบชีวิตมหาลัยกำลังสถานที่ๆหนึ่งแล้ว สำหรับผู้เขียนนั้น สถานที่นั้นคงไม่พ้น "ทะเล"     มีเพลงมากมายร้องเกี่ยวกับทะเล ไม่ว่าจะเป็น ทะเลสีดำ-ลุลา ,ทะเลใจ-คาราบาว เป็นต้น

จากเพลงทะเลใจ มีท่อนหนึ่งที่คาราบาวร้องว่า "ดั่งนกน้อยลิ่วล่องลอยแรงลมโบก พออับโชคตกลงกลางทะเลใจ" เนื้อเพลงท่อนนี้เปรียบเทียบได้กับชีวิตผู้เขียนตอนนี้ ซึ่งกำลังศึกษาในคณะๆหนึ่งใจกลางสยาม พึ่งผ่านและกำลังเรียนอย่างหนักในคณะหฤหรรษ์แห่งนี้

บางครั้งผู้เขียนก็มักจะถามตัวเองบ่อยๆว่า "จะรอดมั้ย" "จะตายป่ะวะ" "เวียร์มากไม่ไหวแล้ว ทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร" [*เวียร์มาจากคำว่า severe] ในทุกๆการสอบ การเรียนในคณะที่ suffer เกินคนปกติ เพราะตัวผู้เขียนไม่ได้เรียนเก่งเท่าเพื่อนๆคนอื่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ ท่องจำ อ่านโพย พอสอบเสร็จก็ไปกินบุฟเฟ่ต์กับเพื่อน ตามสเต็ป  แต่ตอนนี้ผ่านมาได้มากกว่าครึ่งเทอมแล้ว ชีวิตผู้เขียนวนลูปแบบนี้มาหลายรอบแล้ว และยังมีเสียงจากรุ่นพี่ในคณะด้วยว่า "เทอมหน้า หนักกว่านี้อีก" น่าท้อใจนิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรหรอก

Advertisement

Advertisement

ถึงฟ้าจะมืดแล้ว แต่มันจะยังมีแสงสว่างเสมอ

บทความบทนี้ไม่ได้ถูกเขียนเพื่อให้กำลังใจคนอื่นเป็นจุดประสงค์หลัก แต่ผู้เขียนเขียนเพื่อให้กำลังใจตัวเอง และให้ตัวเองในอนาคตกลับมาอ่าน แล้วมองย้อนกลับมาว่า "ปีสองชั้นเจอกับอะไรมาบ้าง" ชีวิตจะได้รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า หนักแล้วยังมีหนักกว่า ผู้เขียนไม่รู้ว่าอนาคตจะเจอกับอะไรบ้าง แต่ขอเขียนบันทึก "การ survive ครั้งนี้ของชีวิต"

คนภายนอกหลาบคนคงจะมองว่า "เห่ย แค่เรียนมหาลัย มันจะอะไรกันหนักกันหนา" แต่ผู้เขียนขี้เกียจจะเถียง ผู้เขียนจะเล่าให้ฟังว่า ชีวิตเด็กอายุ 18 คนนึงเจออะไรบ้างในแต่ละวัน ในแต่ละอาทิตย์

เริ่มที่วันจันทร์ เลคเชอร์เริ่ม 8.00 มี quiz เก็บคะแนนบ่อยๆ ทำให้ วันอาทิตย์ตอนเย็นๆค่ำๆดึกๆต้องอ่านหนังสือ จะได้มีความรู้มาทำ quiz เก็บคะแนนเพื่อรอดจากเกรดเอฟ เรียนเลคเชอร์เรื่อยๆถึง 11 โมงบ้าง 12 บ้าง กินข้าวเที่ยง 1 ชั่วโมง จากนั้นเข้าเรียนแล็ปต่อ อีก 3 ชั่วโมง แล็ปแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ lab physio,lab histo,lab gross ขอไม่บอกรายละเอียดในจุดนี้ จบวันจันทร์

Advertisement

Advertisement

ต่อมาวันอังคาร เลคเชอร์เริ่ม 8.00 เรียนไปเรื่อยๆจนจบ 1 เรื่อง แล้วขึ้นผ่ากรอสต่อถึง 12.00 ซึ่งเวียร์ไม่เวียร์ก็จะแล้วแต่การผ่าในแต่ละวันว่าผ่าส่วนไหน ตอนบ่ายบางวันก็เรียน บางวันก็ว่าง แล้วแต่อาจารย์จัดให้เรียน วันไหนได้พักก็เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะมันเหนื่อยจริงๆ

วันพุธ เริ่มเรียนเลคเชอร์ตั้งแต่ 08.00-12.00 แต่เป็นเลคเชอร์ที่ไม่ได้หนักขนาดนั้น ตอนบ่ายเรียนอังกฤษเป็นวันชิวๆสบายๆ จึงปล่อยผ่านวันนี้ไป

วันพฤหัส เรียนเลคเชอร์ และขึ้นแล็ป ตั้งแต่ 08.00-12.00 แล้วก็มีการนำเสนอในห้องเรียนกลุ่มย่อยบ้างบางอาทิตย์ ในช่วง 13.00-15.00 พอจบก็อาจจะมีประเด็นให้ไปศึกษาต่อ ก็นะ...

วันศุกร์ จะเป็นวันที่ดีใจเป็นพิเศษเพราะ จะได้พักผ่อนสักที ก็เหมือนเดิม 08.00-12.00 แล้วเรียนแล็ปอีกตัวหนึ่งที่หนักและต้องใช้ความใจเย็นมากๆในตอนบ่ายถึงสี่โมงเย็น ชีวิตก็จะเป็นไท 3 วัน 2 คืน

Advertisement

Advertisement

การผ่านไปของแต่ละอาทิตย์ตอนเรียนจะคิดว่า มันช้า แต่เมื่อใกล้สอบมันผ่านไปเร็วมาก สอบแทบจะทุกอาทิตย์ บอกตัวเองมาตลอดว่า "ไม่ไหวบอกไหว" ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทนไปได้นานแค่ไหน อาจเพราะ passion ในใจมันยังไม่ได้มีมากขนาดนั้น แต่ขอบอกตรงนี้เลยว่า จะพยายามให้ถึงที่สุด

ทีนี้ มาดูกันว่า เรา survive ยังไง ให้พอหาความสุขได้บ้าง ท่ามกลางกลางเรียนที่หนักหนาสาหัสเหมือนจะไปรบตลอดเวลา

SPEED BOAT

ดังที่เคยกล่าวเปรียบเทียบว่าชีวิตในมหาลัยก็เหมือนทะเล มันกว้างใหญ่ไพศาลมาก หากสังเกตในรูปให้ดี สังเกตมันจะมี speed boat อยู่ลำหนึ่งจอดเทียบฝั่ง รอคนขับออกไปอยู่ ตอนขับออกไป มันอาจจะมีคลื่น มีเกาะ มีวิว มีฉลาม มีปลาตัวเล็กตัวน้อย มีเรืออีกลำที่ใหญ่กว่า สวยกว่า มีขวดพลาสติกเล็กๆหลุดลอยมา มันไม่เป็นเรือด้วยซ้ำ บรรทุกใครไม่ได้ เพียงแต่ลอยอยู่แบบนั้น มีหาดทรายทั้งด้านที่พึ่งโดนพายุซัดฝั่งไป มีอะไรหลายๆอย่าง หากเราขับเรือไปเรื่อยๆแล้วน้ำมันไม่หมด สิ่งที่ผู้เขียนอยากจะบอกผู้อ่านคือ ชีวิตเรา "จะพบ" ทั้งสิ่งดีๆและสิ่งเลวร้ายควบคู่ๆกันไปเสมอ คงไม่มีใครสามารถยืนยันว่า ฟ้าหลังฝนจะสวยงาม เสมอ แต่ตอนฝนตก มันก็ยังมีข้อดีอยู่ ผู้เขียนจึงอยากให้ผู้อ่านทุกคน เมื่อพบประสบกับปัญหา หรือ พบกับความล้มเหลวใดๆก็ตาม "ลอง"มองข้อดีของปัญหาเหล่านั้น ลองเรียนรู้ไปกับปัญหา ว่าเราทำผิดพลาดอะไรตรงไหน ไม่มีความเจ็บปวดที่สูญเปล่า หากเราเรียนรู้ความเจ็บปวดเหล่านั้นได้ จง "let it go" บ้าง อย่าไปแคร์ทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิต

เคยมีคนบอกให้ "enjoy the little things" แค่อาหารมื้อนี้อร่อย มีเสื้อผ้าดีๆใส่ ตื่นไม่สาย ได้คุยได้หัวเราะกับเพื่อน ได้คุยกับพ่อแม่ ถามสารทุกข์สุขดิบ แค่นี้มันก็มีความสุขได้แล้ว ความสุขไม่จำเป็นต้องไปบริจาคเงิน หรือทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ เพียงแค่เรา"ค่อยๆ"ใช้ชีวิตประจำวันของเราอย่างเป็นสุข ชีวิตมันก็มีความสุขแล้วล่ะ

สุดท้ายนี้ ผู้เขียนของเป็นกำลังใจให้ ใครก็ตามไม่ว่าจะเป็น นกน้อย หรือ speed boat ทุกตัว,ทุกลำที่กำลังโลดแล่น บังคับพวงมาลัยเรือของตัวเอง ขอให้ทุกคนไปถึงฝั่งที่ตัวเองวาดไว้ทุกคนค่ะ

You're a survivor , believe in yourself!!!

จ๋า

20/11/2019 ตอนตีสองครึ่ง ขอตัวไปนอนก่อน พรุ่งนี้วันพุธ ยังต้องไปเรียนหนังสือ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์