โฮมสเตย์ ( Homestay) ภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า-แฟนตาซี-ระทึกขวัญ ร่วมเขียนบทและกำกับโดย ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ซึ่งบทภาพยนตร์ได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายญี่ปุ่นเรื่อง เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม (Colorful) โดย เอโตะ โมริ พูดถึงเรื่องราวของวิญญาณที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กมัธยม และต้องสืบหาสาเหตุการตายของร่างตัวเองก่อนที่จะต้องตายอย่างถาวรเชื่อว่าหลายคนคงจะเคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้กันไปบ้างแล้ว เพราะภาพยนตร์ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ปี 2561 บทความนี้จึงอยากเผยให้เห็นมุมมองในความคิดของผู้เขียนที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้พร้อมกับเรื่องราวบางส่วนของผู้เขียนที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง หนังทุกเรื่องมักแฝงไปด้วยข้อคิดเตือนใจผ่านเรื่องราวของตัวละครอยู่เสมอ Homestay ก็เช่นกัน ประเด็นที่หนังพยายามชี้ให้เห็นได้ชัดคือการฆ่าตัวตาย แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับและจะรู้สึกทั้งเสียใจ สงสาร และเวทนาคนคนนั้น และเริ่มตั้งคำถามว่าทำไมถึงทำไปแบบนั้น ทำไมถึงต้องทำร้ายตนเอง ทำไมไม่รักตัวเองบ้าง ไปจนถึงทำไมไม่คิดถึงคนที่อยู่บ้างว่าเขาหรือพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร จนนำไปสู่การกล่าวโทษคนคนนั้นว่า เห็นแก่ตัว โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า ที่นอกจากเขาจะต้องต่อสู้กับความคิดลบๆ ที่วนเวียนอยู่ในหัว การคิดฆ่าตัวตายเพราะอยากหายไปซ้ำๆ ยังจะต้องมาทนกับความคิดของบางคนอีกว่า โรคซึมเศร้าคือเป็นโรคของคนที่ชอบเรียกร้องความสนใจ ถ้าวันหนึ่งเขาหายไป แทนที่สังคมจะเห็นใจ บางครั้งกลับกลายเป็นว่า สังคมไม่แม้แต่คิดจะพยายามเข้าใจเหตุผลของเขาด้วยซ้ำสำหรับผู้เขียน ถึงแม้จะไม่ได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่ความคิดฆ่าตัวตายนั้นก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งในเวลาที่เจอปัญหา ชีวิตผู้เขียนอาจไม่ได้แย่ในแบบที่ มิน ตัวละครหลักในเรื่องต้องพบเจอ ไม่ใช่การคิดสั้นเพราะทนอยู่กับสิ่งที่คนอื่นกระทำให้ตนเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นเพราะ ทนกับสิ่งที่ตัวเองเป็นจนเหนื่อย ทนกับความคิดฟุ้งซ่านจนเหนื่อย และทนดูคนที่เรารักต้องคอยเป็นห่วงจนเหนื่อยอยู่ตลอด จะเรียกว่าเป็นคนขี้แพ้และอยากหนีปัญหาโดยวิธีการที่ไม่มีใครเห็นด้วยก็เป็นได้ สุดท้ายผู้เขียนก็ยังไม่เคยทำจริง ๆ แต่การที่ความคิดแบบนี้แวะมาทักทายอยู่บ่อยๆ ทำให้ผู้เขียนพอจะเข้าใจคนที่ตัดสินใจแบบนั้น ทั้งที่ยังไม่ได้ทำ และทำไปแล้ว ว่าอารมณ์ความรู้สึก ณ ตอนนั้นมันเป็นอย่างไร อย่างที่ใครหลายคนเปรียบเทียบว่าความรู้สึกแบบนั้นมันเหมือนกับ การตกอยู่ในหลุมดำ หลุมที่คนภายนอกมองเห็นวิธีการมากมายในการแก้ปัญหา แต่ความรู้สึกของเราหรือคนที่ตกอยู่ในหลุมดำในตอนนั้น คือ ไม่มีทางแก้ไขแล้ว และเหนื่อยแล้ว หัวใจของเราไม่มีพลังเหลือพอแล้ว มันอาจจะลึกลับซับซ้อนแบบที่ว่าเข้าใจได้ยากอยู่พอสมควรการที่ มิน ได้โอกาสกลับมาเกิดใหม่เพื่อกลับไปคิดอีกครั้งว่า "ต้องการให้มันจบแบบนี้จริงๆ เหรอ ต้องการจบชีวิตตัวเองแล้ว จริงๆ เหรอ" และเมื่อ มิน ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ก็ได้พบว่า แท้จริงแล้ว ยังมีคนที่รักและหวังดีกับ มิน เสมอ ซึ่ง มิน อาจจะมองข้ามมันไป สุดท้าย เรื่องราวก็ลงเอยที่ทุกอย่างในชีวิต มิน ดูเหมือนจะกลับมาสดใส เหมือนได้เริ่มต้นใหม่กับชีวิตเดิมที่อาจจะดีกว่าเดิม เป็นการบอกกับผู้ชมว่า ก่อนจะคิดตัดสินใจทำอะไร ให้ลองมองในหลายมุมมอง รวมทั้งมองในมุมของคนอื่นว่าเป็นแบบที่ความคิดลบๆ ของเราควบคุมเราไว้จริงๆ หรือเปล่า และถ้าเราหายไปจริงๆ แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าเป็นทางแก้ที่ทำให้เราหลุดออกจากปัญหาจริงๆ เพราะไม่มีใครรู้อย่างมีหลักฐานยืนยันหรอกว่า หนทางหลังจากการดับสลายนั้นคือที่ใดและจิตวิญญานจะต้องเผชิญกับอะไรต่อไปแต่อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนพอจะคาดเดาตอนจบของหนังได้ก่อนหนังจะจบ และหลายคนก็คงคาดเดาได้เหมือนกัน หนังต้องลงเอยด้วยดี เพื่อสื่อว่า การฆ่าตัวตาย อาจจะทำให้พลาดสิ่งดีๆ ในชีวิตที่เราไม่ได้สนใจ แต่ชีวิตจริง อาจไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป คนทุกคนย่อมมีปัญหาที่แตกต่างกัน ปัญหาใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน การแก้ปัญหาก็แตกต่างกันตามไปด้วย แม้แต่การหายไป ก็ถือว่าเป็นการแก้ปัญหา ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ตัดสินใจอย่างนั้นไปแล้ว หรือใครก็ตามที่ยังตกอยู่ในหลุมดำ พวกเขาเหล่านั้นต่างก็มีเหตุผลของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น คงไม่มีใครอยากตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยวิธี ฆ่าตัวตาย เว้นเสียแต่ว่า มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ผู้เขียนอยากให้คนภายนอกช่วยเปิดใจและพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา ถ้าไม่คิดที่จะพยายามเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา ก็อย่าทำเหมือนว่าเข้าใจและตัดสินชีวิตใครด้วยมุมมองของตนเอง อย่าโลกแคบและปล่อยให้ตัวเองอยู่เพียงแค่ในกรอบความคิดของตนเองที่ไม่มีใครทำลายได้ เพราะโลกมันกว้างและซับซ้อน ฉะนั้น ขอให้เปิดใจให้กว้างเพื่อโลกที่น่าอยู่มากขึ้นเปรียบดังทุกชีวิตมี Homestay เป็นของตนเอง Homestay ที่มีลักษณะ รูปแบบ เครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งอำนวยความสะดวก ที่ไม่เหมือนกัน และแน่นอน เวลาในการได้เข้าอยู่อาศัยก็ไม่เท่ากันอีกด้วย แต่ Homestay สามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นและน่าอยู่ขึ้นได้ ฉะนั้น ขอให้ดูแลรักษา Homestay แห่งนี้ต่อไปถ้าเกิดว่าหัวใจยังไหวอยู่ เพราะวันใดวันหนึ่ง Homestay ก็ต้องหายไป และคนเราไม่ได้มีโอกาสให้กลับไปมีชีวิตใหม่อีกครั้ง เพราะนี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่ภาพยนตร์ สามารถรับชมได้เเล้ววันนี้ทาง True ID โดยคลิกที่นี่ได้เลยขอบคุณภาพประกอบจาก : ภาพหน้าปก / ภาพประกอบที่ 1-6 จาก GDH website official