รีวิวรองเท้าวิ่ง Hoka One One Bondi 6 (อ่านว่าบอนได) ในสไตล์บ้าน ๆ ที่ไม่ได้เป็นคนมีความรู้เรื่องวิ่งมากนัก สารภาพตรง ๆ ว่า ผมซื้อรองเท้าคู่นี้โดยมีเจตนาแรกคือชอบเพราะหน้าตาและดีไซน์ล้วน ๆ แต่พอได้นำมาลองใส่วิ่งดูตามการใช้งานแบบที่ควรจะเป็น โอ้โห ประทับใจมาก จนอยากมาเล่าให้ผู้อ่านทุกท่านได้เข้าใจกัน ว่าเจ้าตัวรองเท้าส้นหนา รูปร่างท้วม ๆ แบบนี้ มันมีอะไรดีบ้าง นี่คือหนึ่งในรองเท้าวิ่งที่หลายคนมักเรียกชื่อผิดกันเป็นประจำสำหรับเจ้าตัว Maximum Shoes พื้นหนาตัวนี้ที่มักจะถูกอ่านว่า "บอนดิ" "บอนดี้" หรืออะไรก็แล้วแต่ ชื่อจริง ๆ ในการออกเสียงแบบเป็นทางการแท้ ๆ จากทางแบรนด์ Hoka จะอ่านออกเสียงว่า "บอนได" Bondi เป็น Maximum Shoes หรือรองเท้าที่เรียกได้ว่า "จัดเต็ม" ที่สุดของ Hoka เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยหน้าตาที่ดูหนาและแอบดูมีน้ำหนักมาก ๆ (แต่ความจริงแล้วเบามาก) เพราะนอกจากจะเป็นรองเท้าวิ่งแล้ว มันยังสามารถที่จะเป็น Fashion Sneakers ได้อีกด้วย ซึ่งก็ต้องขอบอกว่าที่ตลาดต่างประเทศ มันก็ฮิตมากจริง ๆ โดยเฉพาะประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น และอเมริกา (ไม่เชื่อลองดูใน Pinterest ได้ครับ) มาว่ากันต่อด้วยเรื่อง คุณสมบัติรองเท้า จากข้อมูลโดยสังเขป ตัวรองงเท้าคู่นี้จะมีความหนาที่บริเวณส้นราว ๆ 37 mm และบริเวณที่หน้าเท้า 34 mm (นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมผมถึงชอบคู่นี้มาก เพราะมันใส่แล้วดูสูงนั่นเองฮะ) และจากความหนาที่เราได้เห็นกัน ทำให้เหล่านักวิ่งหลายคนหรือแม้กระทั่งคนทั่วไปแบบผมในตอนแรกคิดว่า มันต้องหนักแน่ ๆ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าผมคิดผิดมาก ๆ ฮะ เพราะมันไม่ได้หนักเลยสำหรับรองเท้าที่หนาขนาดนี้ มันหนักแค่ราว ๆ 300 กรัมนิด ๆ เท่านั้นเอง นอกจากนี้ Bondi 6 ยังได้รับการยอมรับจากองค์กร APMA (องค์กรทางการแพทย์ด้านเท้าและข้อของอเมริกา) ว่าเหมาะมาก ๆ สำหรับผู้มีอาการบาดเจ็บที่เท้าและข้อเพื่อการออกกำลังและฟื้นฟู มาต่อกันด้วยเรื่องของ การใช้งานจริง กันบ้าง บอกตรง ๆ ว่าผมเป็นคนที่ไม่ได้เป็นนักวิ่งเป็นประจำขนาดนั้น คือเน้นที่วิ่งออกกำลังกายเพื่อลดไขมันเป็นหลัก ดังนั้นเลยจะวิ่งที่ Zone 2 และก็มีการใช้งานเดินลู่วิ่งปรับความชันบ้าง ประกอบกับลักษณะรูปเท้าของผมที่ค่อนข้างกว้างและบาน เลยทำให้หารองเท้าวิ่งค่อนข้างยากพอสมควร แต่ก็รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้เจอคู่นี้ที่ตอบโจทย์ในด้านต่าง ๆ เพราะตัว Bondi มีโฟมที่ หนา นุ่ม แน่น ซึ่งต่างกับโฟมรองเท้าหลาย ๆ เจ้าที่บางทีมันนุ่มนะ แต่พอใช้งานจริงดันเกิดปัญหาตามมาก็คือมันนิ่มจนมันยวบเกินไป ทำให้เกิดอาการเหยียบแล้วจมหนืดวิ่งไม่ค่อยไปเท่าไรนัก ความรู้สึกเวลาที่ได้สวมใส่ ของรองเท้า Bondi คู่นี้จะออกแนวเหมือนรองเท้า New Balance 1080 V9 แต่หนากว่ารองรับแรงกระแทกดีกว่า รวมถึงการออกแบบ Meta Rocker ด้วยการยกส้นหนีพื้น ซึ่งก็มีใน Clifton แต่ Bondi มาด้วยความหนากว่าเลยยิ่งพารองช้ำหนีการกระแทกพื้นไปอีกระดับ เรื่อง Speed โอเค ใครมาคุยเรื่อง Speed แถวนี้หันหลังกลับไปได้ Bondi เป็นรองเท้าที่ดีไซน์ออกมาด้านตรงข้ามกับการวิ่ง Speed ที่สุด แต่เป็นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อการวิ่งได้เรื่อย ๆ ในทุกวันไม่เจ็บไม่ปวดแบบ Infinity ที่ Nike ทนไม่ไหวต้องพัฒนารองเท้าตาม Concept นี้ออกมา เพราะคนออกกำลังส่วนมากแค่อยากออกกำลังแต่ไม่ได้อยากเจ็บน่อง สรุป โดยรวมคือ วิ่งเร็วได้ระดับหนึ่งโดยไม่เป็นภาระขา วิ่งเร็วมากไม่ใช่ทาง วิ่งเสร็จมีแต่อาการ 'เมื่อยล้า' ตามปกกติของการออกกำลังกายแบบฟิน ๆ ในส่วนของอาการบาดเจ็บแทบเป็น 0 แม้กระทั่งรองช้ำที่เป็นอยู่ แถมยิ่งวิ่งยิ่งยืดเหยียดทั้งก่อนและหลังวิ่งยิ่งจะดูหายเร็วขึ้นด้วย นี่แทบจะ 100% แล้วครับ และสำหรับใครประสบปัญหาหน้าเท้าค่อนข้างกว้าง ทำให้หารองเท้าใส่ยาก ถ้าถามว่า Bondi 6 เหมาะไหม ผมแนะนำว่า แล้วแต่ความชอบส่วนตัว ดีกว่าครับ เพราะสำหรับผมรู้สึกว่าช่วงกลางเท้าค่อนข้างกระชับดี ต่อให้เท้ากว้างก็ตาม เลยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร แต่ถ้ากลัวว่าจะแน่นเกินไป ก็มีอีกรุ่นหนึ่งที่ดีไม่แพ้กันนั่นก็คือ Gaviota 2 แบบหน้าเท้ากว้าง 2E ครับ เป็นลูกพี่ลูกน้องกันกับ Bondi แต่เหมาะสำหรับเท้าแบนโดยเฉพาะ และสำหรับผู้ที่สนใจนะครับ สามารถไปลองสวมได้ที่ร้าน REV Runner ได้เลยครับ ราคาจะอยู่ที่ 5,490 บาทครับผม