ปัจจุบันนับว่าสื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นสื่อกระแสหลักที่เป็นที่นิยมและเข้าถึงผู้คนมากที่สุดในสังคม เนื่องจากความรวดเร็วทันเหตุการณ์และเข้าถึงง่ายทุกที่ทุกเวลา ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นสื่อที่มีอิทธิพลและมีบทบาททั้งในเรื่องของความค่านิยม และความคิดของผู้คนอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้ปัญหาอย่างหนึ่งที่ตามมากับสื่อสังคมออนไลน์คือเรื่องของ Hate Speech หรือการสร้างความเกลียดชังผ่านตัวอักษรที่สอดแทรกในความคิดเห็น คำวิจารณ์ หรือการแสดงทรรศนะในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นสาธารณะผ่านในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆเช่น เมื่อมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น หากไม่เป็นที่พอใจ หรือไม่ถูกใจของคนหนึ่งคนใด ทั้งในเรื่องของความเห็นต่างในทุกมิติ หรือแม้แต่การกระทำที่เกิดจากความแตกต่างในเรื่องของชาติพันธุ์ เพศวิถี สถานะทางสังคม ฯลฯ ก็มักจะเกิดอาการที่เรียกว่า "พวกเขา" "พวกเรา" กลายเป็นความแตกต่างที่แบ่งแยกกันโดยปราศจากหลักการและเหตุผลที่ถูกต้อง แม้ว่าผู้วิจารณ์หรือผู้แสดงทรรศนะต่อเรื่องนั้น ๆ จะยังไม่ทราบถึงสาเหตุหรือข้อเท็จจริง แต่ก็ได้แสดงความเห็นที่แฝงความเกลียดชังไปแล้ว โดยเฉพาะการเหยียบย่ำซ้ำเติมให้เรื่องราวดูแย่และเลวร้ายลงเพียงเพื่อความสะใจ ซึ่งหลายครั้งกลายเป็นชนวนที่ทำให้เรื่องราวราวบานปลายลุกลามใหญ่โตจากสิ่งที่เรียกว่า Hate Speech การกระทำในลักษณะนี้จึงเป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่จะนำไปสู่การบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม ในแง่ของการเป็น "สังคมอุดมปัญญา" ที่มีพื้นฐานทางความคิดอยู่บนหลักของเหตุและผลการเชื่ออย่างฉับพลันในสิ่งที่พบเห็นในสื่อสังคมออนไลน์โดยปราศจากการคิดวิเคราะห์ ที่ผูกโยงกับเงื่อนไขหรือความไม่ชอบเป็นการส่วนตัวซึ่งปราศจากการกลั่นกรองอย่างรอบด้าน อาจเป็นพฤติกรรมที่สร้างความเคยชินโดยเฉพาะการนำไปสู่การตัดสินในเรื่องต่าง ๆ ที่ยึดโยงความรู้สึกส่วนตัวเป็นตัวนำโดยปราศจากความถูกต้อง เหตุผล และความผิดชอบชั่วดี ที่สำคัญคือการมองไม่เห็นผู้อื่น และมองความเห็นต่างเป็นสิ่งที่จะต้องทำลาย ซึ่งถือเป็นความคิดที่เป็นภัยเงียบของสังคมที่อาจนำไปสู่ความล้มเหลวในเชิงการพัฒนาหรือการก้าวเดินไปข้างหน้าของสังคมดังนั้นการป้องกันการเกิดปัญหาจาก Hate Speech ในสื่อสังคมออนไลน์จึงเป็นสิ่งที่ควรป้องกัน โดยเริ่มง่าย ๆ ที่ตัวเรา ด้วยการตรวจสอบข้อมูลหรือสิ่งที่พบเห็นพบสื่อสังคมออนไลน์ก่อนที่จะมีการแสดงความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ ประการแรกคือการมองเห็นข้อมูลด้วยสติ รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นหากเป็นความเห็นต่าง หรือพฤติกรรมที่เราไม่ถูกใจ ก็จะต้องพิจารณาถึงสาเหตุของการกระทำนั้น ที่มาที่ไปจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายน่าเชื่อถือ จึงสมควรแสดงความคิดเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่ปราศจากอารมณ์ส่วนตัว เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น ภาพประกอบจาก unspash ภาพหน้าปก, ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4