"สิ่งที่ไร้สาระเรากลับพูดได้ง่ายๆแต่สิ่งที่สำคัญจริงๆเรากลับเลือกที่จะเก็บมันไว้"คุณกำลังเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า? ทั้งๆ ที่การพูดมีไว้เพื่อสื่อสาร แต่เราได้สื่อ "สาร" ในใจจริงๆ ออกไปได้บ้างหรือยัง บางวันกับบางคนแม้มีบทสนทนาเกิดขึ้นแต่ทั้งความสัมพันธ์อาจจะวนอยู่แค่คำไม่กี่คำที่แต่ละวันเราพร่ำย้ำแต่คำเดิมๆ อาจจะด้วยความเคอะเขิน ไม่อยากให้ดูผิดแผกหรือพิเศษเกินไปที่จะมาทำให้ใจคุณสั่นไหว หรือเพราะความเกรงใจ เพราะความห่างไกล เพราะอำนาจ เพราะระดับอาวุโส หรือใดใดก็ตาม ที่ทำให้ สาร จริงๆไม่เคยได้ถูก "สื่อ" ออกมาเสียที เมื่อเรามีแต่คำทักทาย ให้แก่กัน แล้วการพูด จะมีความสำคัญอย่างไรเล่า สิ่งเหล่านี้อาจจะเห็นชัดในภาษาญี่ปุ่นที่จะมีธรรมเนียมปฏิบัติ สวัสดีกันทั้ง เช้า กลาง วัน เย็น หรือคำทักกันที่ว่า วันนี้อากาศแจ่มใสดีนะ คำพูดเหล่านี้ถูกใช้ไปอย่างฟุ่มเฟือยในแต่ละวัน โดยได้ถูกมาแสดงให้เห็นในหนังเรื่องนี้Good Morning เป็นภาพยนตร์ของผู้กำกับชั้นครูอย่าง Yasujirō Ozuเรื่องราวว่าด้วย เรื่องของสองพี่น้องครอบครัวฮายาชิ มิโนรุ (รับบทโดย Kôji Shitara) และอิซามุ (รับบทโดย Masahiko Shimazu) ที่อยากจะได้ทีวีแต่พ่อแม่ไม่ยอมซื้อให้ จึงประท้วงพ่อแม่โดยการไม่ยอมพูดอะไร ทั้งกับคนในบ้าน ป้าข้างบ้าน เพื่อนข้างบ้าน โรงเรียน ยันที่เรียนพิเศษ แม้พ่อแม่อาจมองเป็นเรื่องงอนง้อ ขำขันตามภาษาเด็ก แต่การไม่พูดของพวกเขาก็ทำให้เกิดผลกระทบหลายๆอย่างตามมา มิโนรุ พี่ชาย (ขวา) รับบทโดย Kôji Shitaraอิซามุ น้องชาย (ซ้าย) รับบทโดย Masahiko Shimazu พ่อ รับบทโดย Chishu Ryuแม่ รับบทโดย Kuniko Miyake ในเรื่องยังเล่าถึงการผิดใจกันระหว่างเพื่อนบ้าน ความไม่คืบหน้าในความสัมพันธ์ของหนุ่มสาว ที่มีการพูด เป็นเหตุนอกจากเนื้อหาที่เรียบง่ายแล้ว เรายังได้เสพงานภาพงดงามที่มีไวยกรณ์เฉพาะตัวของผู้กำกับ การตั้งกล้องนิ่งๆ ผ่านมุมมอง Tatami shot (การวางกล้องขนาบกับเสื่อทาทามิ) หรือการให้นักแสดงมองมายังกล้องโดยตรงเพื่อนำผู้ชมเข้าถึงตัวละครมากขึ้น ทั้งหมดนี้คือเอกลักษณ์ที่ถูกสร้างสรรค์โดยผู้กำกับอย่าง Yasujirō Ozu ซึ่งงานของเขาถือเป็นงานที่ทรงคุณค่า เป็นต้นแบบในการศึกษา และเป็นที่ยกย่องของผู้กำกับรุ่นหลัง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ ความเป็นมนุษย์ที่ถูกแสดงออกมาในหนัง ทำให้ Good Morning ยังคงมีความร่วมสมัยเสมอ แม้ในภาษาไทยอาจจะไม่ได้มีวัฒนธรรมการทักทายเข้มข้นแบบในภาษาญี่ปุ่น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าตัวละครรอบตัวทั้งหมดในชีวิตคุณ ทั้ง คุณแม่ที่ไม่เคยตามใจคุณในวัยเด็กจนคุณต้องอาละวาดและเธอมักขู่ว่าจะไปฟ้อง คุณพ่อ มนุษย์เงินเดือนผู้เป็นเสาหลักของบ้านที่ไม่ค่อยมาจุ้นจ้านกับคุณเท่าไหร่ แต่หากดุทีก็เป็นไม้ตายที่สยบคุณได้ไม่ยาก มนุษย์ป้าข้างบ้าน ที่มักจะมีเรื่องนินทาต่างๆ นาๆ มาเล่าให้แม่คุณฟังได้เสมอ เพื่อนๆ ที่อาจจะเริ่มผิดใจกันด้วยวัยที่โตขึ้น เจ้านาย ที่ตำหนิคุณทั้งๆ ที่เป็นความผิดของเพื่อนร่วมงาน คนที่คุณแอบรัก ที่ดูเหมือนจะไม่มีท่าทีรักคุณตอบเลย ลุงข้างบ้านจอมโวยวาย ที่คุณมักจะเห็นบ่อยๆตามทีวี หรือแม้แต่ตัวคุณเอง ก็ต้องประสบความวุ่นวายอีรุงตุงนังอยู่กับไอ้การสื่อสารที่เรียกว่า การพูด นี่แหละ