Emma เป็นภาพยนตร์อังกฤษที่สร้างจากนิยายและการเสียดสีของ Jane Austen (เจน ออสติน) ซึ่งต่อมาในปี 1995 ได้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์พีเรียดโรแมนติกคอมาดี้ย้อนยุคซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเวอร์ชั่นของเกวนเน็ต แพทโทรว และมาในปี 2020 นี้ก็ได้มีการเปิดตัวของภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาที่ราชอาณาจักร กำกับโดย Autumn de Wilde ซึ่งภาพยนตร์เองก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากนักวิจารณ์และคนดูว่าเป็นหนังที่น่าดูอีกหนึ่งเรื่องของปีนี้ค่ะ Emma เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวชีวิตของเด็กสาว เป็นหญิงสาวผู้สูงศักดิ์และฐานะร่ำรวยผู้มีความทะนงตัวนิด ๆ ดูแล้วน่ารักและน่าหมั่นไส้อยู่ในตัว รับบทโดย (Anya Taylor-Joy) สาวลูกครึ่งอังกฤษอาเจนตินา จากเรื่อง split Emma ตัวบทเองแฝงไว้ซึ่งความน่ารักและสดใส นางเอกมีวิสัยที่ชอบจับคู่ให้กับคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างเธอแต่สำหรับตัวเธอเองแล้วนั้นช่างด้อยประสบการณ์ในเรื่องรักเป็นอย่างมาก Emma ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในความรักของเพื่อนของเธอคือแฮเรียตสมิธ เพื่อนใหม่ของเธอหลังจากการแต่งงานของ มิสเทเลอร์ กับ มิสเตอร์เอลตัน โดยที่เธอเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าทั้งเพื่อนของเธอและเขานั้นมีใจต่อกัน แต่ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมิสเตอร์เอลตันนั้นมีความรักต่อเธอนั้นมากกว่า แต่เธอได้ปฏิเสธจึงทำให้มิสเตอร์เอลตันนั้นรู้สึกเสียใจและได้หนีหายหน้าไปเป็นเวลาหกสัปดาห์และก็ได้กลับมาพร้อมภรรยาของเขาส่วนคู่หูของเธอนั้นที่จริงแล้วก็แอบมีใจอยู่กับมิสเตอร์มาร์ตินที่เช่าที่นาของมิสเตอร์ไนท์ลีย์อยู่ก่อนแล้วแต่ต้องปฏิเสธไป เมื่อ Emma เข้ามาเป็นแม่สื่อในเรื่องคนรักให้กับมิสเทย์เลอร์ แต่ในที่สุดก็ต้องผิดหวัง ในงานเลี้ยงที่ในการมาของมิสเตอร์แฟรงก์ก็ทำให้ Emma ได้มีโอกาสเต้นรำกับมิสเตอร์ไนท์ลีย์และเริ่มรู้สึกพิเศษต่อกัน แต่ก็ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันกว่าที่จะสมหวังในรักของตน คิดที่จะปฏิเสธคำสารภาพรักของมิสเตอร์ไนท์ลีย์ เพราะไม่อยากให้แฮเรียตสมิธ เพื่อนของเธอนั้นผิดหวังในความรักอีก แต่ Emma ก็ได้รู้จากคำสารภาพจากมิสเตอร์ไนท์ลีย์ว่าเขานั้นรักเธอและก็ได้ขอเธอแต่งงานในที่สุด ในส่วนของแฮเรียตสมิธกับมิสเตอร์มาร์ติน Emma ก็ได้อาสาเป็นแม่สื่อให้กับทั้งสองได้สมหวังกันอีกครั้งอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ในที่สุดโดยรวมเนื้อหาของหนังอาจจะดูไม่มีอะไรมากมายนักอย่างที่หลาย ๆ คนคาดหวัง อีกทั้งหนังก็ยังมีการสอดแทรกให้เห็นถึงวัฒนธรรมการแบ่งชนชั้นและนิกายโปรเตสแตนต์ที่มีกำเนิดมาจากความคิดเห็นที่แตกแยกกันในเรื่องความเชื่อและการใช้ชีวิตของคริสตชนและของชาวอังกฤษในยุคนั้นซึ่งทำให้คนที่มีความแตกต่างทางความคิดและความเหลี่อมล้ำทางฐานะในสังคม และรวมถึงการเสียดสีในสังคมระหว่างชนชั้นด้วย อีกทั้งเรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณีการแต่งงานรวมถึงความเหมาะสมรวมทั้งหน้าตาและฐานะเมื่อแต่งงานไปแล้วทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็จะตกเป็นของฝ่ายชายทันที เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ Emma ไม่อยากที่จะแต่งงานกับผู้ใด และทำให้ได้เห็นถึงการให้ความสำคัญของผู้ชายในยุคนั้นว่ามีมากแค่ไหน ทั้งความเป็นอยู่ของชนชั้นล่างอย่างมิสเบตส์กับเจน แฟร์แฟ็กซ์ ที่ต้องอาศัยอยู่ในห้องกับเสียงเปียโนเป็นต้นส่วนขององค์ประกอบต่าง ๆ ของหนังเรื่องนี้ถือว่าสวยงามตามสไตล์อังกฤษจริง ๆ ค่ะ ด้วยบรรยากาศของหนังสามารถทำให้คนดูสามารถคล้อยตามอารมณ์ของหนังไปด้วยได้ง่ายขึ้น ส่วนพระเอกของเรามิสเตอร์ไนท์ลีย์ รับบทโดย (จอห์นนี่ ฟลินน์) ชายหนุ่มผู้คอยเฝ้าแอบมองสาวน้อย Emma อยู่เสมอไม่ห่างด้วยความรักและความเป็นห่วงนั่นเอง หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าผู้ที่มารับบทพระเอกไม่เหมาะกับบทและดูไม่เข้ากันนางเอกของเรื่องเลย แต่มุมกลับกันผู้เขียนกลับมองว่าความไม่ลงตัวกลับดูลงตัวและดูเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อนะคะ ดูน่ารักและเชื่อได้เมื่อมีซีนด้วยกันและยังดูลงตัวอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความสามารถของนักแสดงนำเองก็เลยสามารถทำให้คนดูอย่างเราเชื่อและรู้สึกไปกับบทบาทนั้นได้โดยง่ายดูแล้วไม่รู้สึกขัดเขินแต่ในที่สุดแล้วก็อยู่ที่จริตของคนดูละคะว่าชอบแบบไหนมากกว่า เสน่ห์ของหนังแนวพีเรียดเรื่องนี้ก็คือองค์ประกอบของหนังโดยรวม ภาพ แสง คอสตูม โลเคชั่น และบทบาทของนักแสดง ผู้เขียนให้ผ่านค่ะ ขอย้ำค่ะว่าโลเคชั่น คอสตูม ภาพและแสงของหนังสวยมากจริง ๆ ค่ะ เช่น จะเห็นได้จากชุดที่ Emma สวมใส่จะมีความแตกต่างจากคนอื่น ๆ สีของเสื้อผ้าจะช่วยให้ตัวละครมีความโดดเด่นและสวยงามได้โดยไม่ต้องมีบทพูดได้ โดยส่วนตัวชอบมากค่ะดูแล้วอังกฤษ ๆ (เสียงสูง) ใครชอบหนังแนวนี้อยู่แล้วรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ขอบคุณรูปภาพจากUnited International Pictures Thailand