Easy Run เป็นหนึ่งในโปรแกรมการฝึกวิ่ง ที่นักวิ่งระยะไกลทุกคนต้องใส่ไปในตารางการฝึกซ้อม หรือนักวิ่งที่วิ่งมาได้ไม่นานนัก ก็นิยมใช้การวิ่ง Easy Run เพื่อปูพื้นฐานต่าง ๆ ให้แข็งแรง ซึ่งการวิ่ง Easy Run จะไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อน จะเป็นการวิ่งที่ช้า ๆ โดยส่วนมากจะใช้เวลาในการฝึกซ้อมต่อครั้งค่อนข้างนาน ด้วยความเรียบง่ายนี้ก็แฝงด้วยความน่าเบื่ออยู่ไม่น้อย แล้วเราจะอดทนกับความน่าเบื่อนี้ได้นานแค่ไหนครับ Easy Run คืออะไร เหมาะกับใคร และจะใช้เวลาในการวิ่งนานแค่ไหน Easy Run หรือที่เรียกกันว่า Long Run คือการวิ่งที่ให้ความรู้สึกที่ไม่เหนื่อยจนเกินไป และวิ่งด้วยความเร็วที่คงที่ ซึ่งความเร็วของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับฟิต บางคนความเร็วจะอยู่ในระดับที่เร็วมาก เมื่อวัดจากความเร็วของเรา แต่ก็เป็นความเร็วที่เขาสามารถวิ่งได้แล้วยังรู้สึกสบาย Easy Run จะเหมาะกับนักวิ่งที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และระบบในร่างกายให้แข็งแรง หรือนักวิ่งที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง สร้างความทนทานให้กล้ามเนื้อมากขึ้น โดยการให้กล้ามเนื้อได้เกิดความคุ้นชินกับความเมื่อยล้า ซึ่งเป็นหนึ่งในการฝึกซ้อมที่สำคัญสำหรับนักวิ่งระยะทางไกล เวลาที่จะใช้ในการวิ่งก็จะนานแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเร็ว และระยะทางที่เรากำหนดในการฝึกซ้อม Easy Run หรือ Long Run จะใช้เวลาฝึกซ้อมแต่ละครั้งค่อนข้างนาน ถ้าเป็นนักวิ่งเพื่อสุขภาพ อาจจะใช้เวลาวิ่งประมาณ 30 นาทีต่อครั้ง จำนวน 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ด้วยความเร็วที่คงที่ และสม่ำเสมอ และไม่รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป สำหรับนักวิ่งที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ ก็จะวิ่งด้วยความเร็วที่คงที่ และสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน แตกต่างกันที่ระยะทาง และระยะเวลาในการวิ่ง ซึ่งจะวิ่งในระยะทางที่มากกว่า และใช้เวลานานกว่าการวิ่งเพื่อสุขภาพ โดยส่วนมากนักวิ่งควรจะกำหนดการวิ่ง Easy Run หรือ Long Run ลงในตารางฝึกซ้อม อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง โดยวางแผนกำหนดระยะทางตามเป้าหมาย และความฟิต โดยจะเพิ่มระยะทางเป็นจำนวน 10% ในแต่ละสัปดาห์ ยกตัวอย่างเช่น วันอาทิตย์นี้กำหนดเป้าหมายการวิ่งไว้ที่ 10 กิโลเมตร วันอาทิตย์ถัดไปเป้าหมายการวิ่งก็คือ 11 กิโลเมตร ขอบคุณภาพจาก : www.pxfuel.com/en/free-photo-ebinb จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังวิ่ง Easy Run จะใช้การวัดจากความรู้สึกที่ไม่เหนื่อยเกินไป อาจใช้การพูดคุยเป็นตัววัด ถ้าเรายังสามารถที่จะพูดคุยได้อย่างสบาย นั้นคือเรากำลังวิ่งอยู่ใน Easy Run ซึ่งจะสอดคล้องกับโซนอัตราการเต้นของหัวใจใน Comfort Zone หรือโซน 2 ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถวัดค่าอัตราการเต้นของหัวใจจากนาฬิกาออกกำลังกาย (Smart Watch) แต่ถ้าจะต้องการค่าที่แม่นยำมากขึ้น อาจต้องใช้การทดสอบโดยวัดจากการวิ่งความเร็วสูงสุดของเรา เพื่อคำนวณหาค่า Comfort Zone ที่แท้จริง (Test Threshold Running Pace) ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช่รูปแบบการวิ่งที่เหมาะสมกับทุกคน จะมีเพียงตัวของเราเองเท่านั้นที่จะรู้ว่า รูปแบบ และการวิ่งแบบไหนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเรา เมื่อเกิดล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ ด้วยปัจจุบันการมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวดเร็ว และสะดวกสบาย ทำให้ในสังคมปัจจุบันดูเหมือนว่าเรา จะต้องเร่งรีบ และรวดเร็วไปหมดทุกอย่าง จนถึงกับมีชื่อโรคที่ไม่เคยได้ยินเกิดขึ้น นั้นคือ "โรคทนรอไม่ได้" (Hurry Sickness Syndrome) ทำให้เราไม่สามารถที่จะมีสมาธิกับสิ่งที่เราทำอยู่ได้นาน ซึ่งมีผลต่องานบางอย่างที่จำเป็นต้องใช้ทักษะในการฝึกฝน นอกจากนี้ถ้าเราสังเกตุตัวเอง เราจะมีความรู้สึกที่มีความพยายามอดทนลดน้อยลง เมื่อมีอะไรไม่ได้ดั่งใจของเรา ก็จะพยายามหาทางลัดเพื่อจะมาตอบสนองความต้องการ หรืออาจจะทิ้งสิ่งนั้นไปเพื่อไปหาสิ่งใหม่ ที่คิดว่าจะตอบสนองต่อความต้องการได้ดีกว่าสิ่งเดิม แน่นอนว่าอาการเหล่านี้ จะเกิดกับการวิ่ง Easy Run หรือ Long Run เพราะการวิ่งด้วยความเร็วที่ค่อนข้างช้า และใช้เวลานานมากกว่าการวิ่งปกติของเรา ทำให้นักวิ่งบางคนรวมถึงตัวผมเอง อาจเกิดความเบื่อจนต้องล้มเลิก ไม่สามารถวิ่งได้ครบระยะ หรือพยายามที่จะเร่งความเร็วเพื่อให้การฝึกซ้อมจบไว ๆ ซึ่งการวิ่งเพื่อประสิทธิภาพที่ดี จำเป็นต้องใช้ทักษะในการฝึกฝน ถ้าไม่มีความสม่ำเสมอ และวินัย ก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ขอบคุณภาพจาก : www.flickr.com/photos/tomsaint เมื่อการวิ่ง Easy Run ไม่ได้ช่วยฝึกเพียงแค่เรื่องวิ่ง อาการล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ บางทีอาจต้องฝึกมาจากข้างในจิตใจ เพื่อให้เรากลายเป็นคนที่ใจเย็นขึ้น อดทนได้มากขึ้น และจิตใจที่สงบขึ้น ซึ่งการฝึกวิ่ง Easy Run สามารถช่วยฝึกจิตใจของเราได้ด้วยเช่นเดียวกัน ได้ฝึกรู้สิ่งที่ชัดเจนในใจ มีความมุ่งมั่นกับเป้าหมาย จะช่วยให้ไม่ใส่ใจกับสิ่งรบกวนรอบตัวต่าง ๆ ได้ฝึกรู้ทันตัวเอง เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่เราจะต้องเผชิญ ว่าตอนนี้เรารู้สึกอย่างไร เรากำลังเหนื่อยมากเกินไปหรือไม่ หรือเรากำลังจะโกรธจนขาดสติ จนขาดการยับยั้งชั่งใจ ได้ฝึกหายใจที่ลึกมากขึ้น การได้หายใจที่ลึกจนถึงช่วงท้อง ทำให้เรามีความใจเย็นขึ้น ซึ่งแตกต่างกับช่วงเวลาที่หงุดหงิดจะหายใจที่สั้นถี่ ได้ฝึกการเอาชนะใจตัวเอง และอดทนทำสิ่งนั้นจนประสบความสำเร็จ แม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ และยาวนาน ผมเชื่อว่าการจะได้มาซึ่งบางสิ่งบางอย่าง จะต้องใช้ทั้งเวลาในการเรียนรู้ และฝึกฝน ไม่มีสิ่งใดได้มาง่าย ๆ โดยปราศจากการทุ่มเทแรงกาย และแรงใจ แม้ว่าจะเป็นการก้าวเดินที่ช้า แต่มันเป็นทางที่ชัดเจน และถูกต้อง แตกต่างกับทางลัดที่ไม่มีอยู่ในโลกของความสำเร็จที่ยั่งยืน และที่สำคัญของผู้ชนะก็คือ ใครที่มีความอดทนกับความน่าเบื่อ เพื่อรอความสำเร็จที่จะได้มาได้นานกว่ากัน อ้างอิง https://blog.mapmyrun.com/6-tips-on-how-to-run-long-when-youve-never-run-long www.facebook.com/longyoungrun/posts/536322810199825 www.brighttv.co.th/lifestyle/โรคทนรอไม่ได้-ภัยร้ายที ฝึกให้เป็นคนใจเย็นอย่างไร ท่ามกลางอากาศร้อนและหงุดหงิดง่ายแบบนี้ | R U OK EP.84 www.myprocoach.net/blog/how-to-test-threshold-running-pace www.verywellfit.com/talk-test-fitness-term-1231121