ในปัจจุบันที่โลกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย มีช่องทางการทำเงินแบบง่าย ๆ มานำเสนอคนรุ่นใหม่ที่ต้องการ ประสบความสำเร็จแบบไม่ต้องลงทุน ลงแรงอะไรมากนัก เพียงใช้เทคโนโลยีการสื่อสารให้เกิดประโยชน์เพื่อสร้างฐานลูกค้าสร้างช่องทาง ในการทำเงิน เริ่มตั้งแต่การเป็นยูทูปเบอร์ การมีช่องสื่อเป็นของตัวเอง การขายของออนไลน์ไม่ต้องมีหน้าร้านก็สามารถ "ไลฟ์สด" ขายของได้ และปัจจุบันก็มีช่องทางการค้าขายแบบใหม่เรียกว่า "Dropship" หลักการของการขายของแบบ "DropShip" เป็นการค้าขายแบบที่ผู้ขายไม่ต้องสต๊อคสินค้าเอง เป็นเพียงผู้นำเสนอสินค้าจากผู้ผลิต หรือหาสินค้าจากร้านค้าอื่นมานำเสนอต่อลูกค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ โดยไม่ต้องขึ้นตรงกับร้านค้า หรือผู้ผลิตว่าจะต้องขายสินค้าราคาเท่าไร กำหนดราคาสินค้าได้เอง ไม่ต้องทำการจัดส่ง เพราะร้านค้า หรือผู้ผลิตทำการจัดส่งให้ การค้าขายแบบ "DropShip" แม้ว่าจะไม่ต้องลงทุนสต๊อคสินค้าด้วยตัวเองแต่จะได้สินค้าไปขายนั้นควรมีการพูดคุยตกลงกันกับเจ้าของสินค้า หรือผู้ผลิตก่อน หรืออย่างน้อยต้องสมัครเข้าไปเป็น "เครือข่าย" ของผู้ผลิตหรือร้านค้านั้น ๆ เรียกได้ว่าต้องได้รับอนุญาตให้ใช้ภาพสินค้าของผู้ผลิต หรือร้านค้าต้นทางเพื่อนำไปโพสเสนอขายหาลูกค้าอีกที แต่ปัจจุบันกลับมีผู้ทำ "Dropship" ที่ข้ามขั้นตอนของการ "ตกลงทางธุรกิจ" ด้วยการถือวิสาสะนำรูปของร้านค้าออนไลน์ไปใช้ หรือแอบไปถ่าย รูปตามร้านค้า โรงงานต่าง ๆ ก่อนได้รับอนุญาต เป็นการเข้าข่าย "ละเมิดลิขสิทธิ์" เพราะการที่จะนำรูปสินค้าของใครไปใช้ได้นั้น จำเป็นต้องขออนุญาตทางเจ้าของรูปก่อน แม้ว่าจะมีเจตนาเพื่อการค้าร่วมกัน แต่ร้านค้าเจ้าของรูปจะสามารถเชื่อใจได้อย่างไร นักธุรกิจวัยรุ่นยุคใหม่ ควรใส่ใจมารยาทพื้นฐานแบบนี้ด้วย ไม่ใช่คิดเอง เออเองว่าเป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายแล้วจะทำอะไรแบบข้าม ขั้นตอน เพราะหากเจอร้านค้าหรือบริษัทที่เคร่งครัดเรื่องกฏหมายอาจเกิดการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้ที่ชอบซื้อของออนไลน์ก็จำเป็นที่จะต้องระมัดระวังมากขึ้นในการซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ เพราะร้านค้าออนไลน์นั้นอาจมีเพียงรูปสินค้ามาหลอกลวง ทำให้โอนเงินไปแล้วแต่ไม่ได้รับสินค้า ซึ่งพบเห็นกรณีเช่นนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จสิ่งหนึ่งที่ควรตระหนักคือ ความซื่อสัตย์ ขอบคุณภาพจาก Pixabay ภาพปก ภาพที่1 ภาพที่ 3 ภาพที่ 2 โดยผู้เขียน