ถ้าเข้ามาในวงการนิทานภาษาอังกฤษแล้ว คุณยังไม่รู้ว่าจะหานิทานแบบไหนอ่านให้ลูกฟัง ขอบอกว่าลองเลือกจากนักเขียนที่ได้รับรางวัล นั่นหมายถึงได้รับการันตีมาแล้วว่า เค้าสามารถสร้างผลงานที่โดดเด่น เป็นที่ยอมรับในวงการศึกษาและผู้เชี่ยวชาญ เราขอแนะนำ Dr. Seuss หนึ่งในนักเขียนนิทานภาษาอังกฤษที่โด่งดังที่สุดDr. Seuss เป็นนามปากกาของ Theodor Seuss Geisel ถือว่าเป็นนักเขียนชื่อดัง ที่สร้างชื่อไปทั่วโลก ด้วยนิทานที่มีคำคล้องจองอ่านสนุก และ ภาพวาดที่เป็นเอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือน ในสายตาผู้ใหญ่อย่างเรา ดูภาพในนิทานแล้วอาจจะรู้สึกงง ๆ ว่านิทานนี้โด่งดังได้อย่างไร รูปดูแปลก ๆ ขัดตายังไงก็ไม่รู้ แต่รู้ไหมว่า นิทานแบบนี้แหละ ที่ถูกใจเด็กทั่วโลกมาแล้วเค้าเขียนนิทานมากกว่า 60 เรื่อง ขายดีทุกเรื่อง จนได้รับการโหวตชื่อให้เป็นหนึ่งในผู้แต่งนิทานเด็กที่โด่งดังที่สุด และขายดีมาก ก็แค่ 600 ล้านเล่มทั่วโลก !! และมีการแปลภาษาไป 20 ภาษาทั่วโลก แค่อ่านก็ขนลุกแล้วนะคะ 600 ล้านเล่มนี่ ไม่ใช่ธรรมดาแล้ว นอกจากนั้นเค้ายังได้รับรางวัลจากนิทานที่แต่งไว้มากมาย จนนับไม่ถ้วน สำหรับนิทานเรื่องที่ทำให้เค้าโด่งดังที่สุด ก็น่าจะเป็นเรื่อง The Cat in the Hat ซึ่งจัดทำขึ้นในปี ค.ศ.1954 จากการได้รับมอบหมายให้แต่งบทเรียนที่ไม่น่าเบื่อ สำหรับนักเรียนชั้น First-Graders โดยใช้คำทั้งหมด 236 คำ ซึ่งมีผลทำให้เด็กในสมัยนั้นอ่านหนังสือได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และหนังสือเรื่องนี้ก็ยังมีความโด่งดังจนถึงปัจจุบันนี้ หลังจากนั้นเค้าก็ผลิตนิทานคุณภาพออกมาเรื่อย ๆ มีการนำไปทำแอนิเมชัน รวมถึงทำภาพยนตร์อีกด้วยเช่นเรื่อง Loraxจุดเด่นของนิทาน Dr.Seuss1. คัดเลือกคำที่ใช้ในนิทาน มีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กอ่านง่าย2. มีคำคล้องจอง อ่านแล้วสนุก เป็นจังหวะไพเราะ3. ประโยคซ้ำ ๆ อ่านบ่อย ๆ เด็กจำได้4. มีการใช้คำแนวโฟนิกส์ เพื่อให้เด็กมีพื้นฐานการสะกดคำ5. การแต่งเรื่อง เน้นเรื่องเกินจริงบ้าง เพื่อเสริมจินตนาการ แต่อ่านแล้วสนุก6. สามารถดึงเด็กเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการอย่างแนบเนียน7. มีสไตล์การวาดรูปเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รูปแปลกตา แหวกแนวเล่าประสบการณ์ การอ่านนิทานของ Dr.Seuss เราเริ่มต้นอ่านนิทานของ Dr.Seuss ให้ลูกฟังตอนอายุประมาณ 4- 5 ปี เริ่มต้นด้วยเรื่อง The Cat in the Hat ปรากฎว่าลูกยังไม่ค่อยสนใจเท่าไร รู้สึกผิดหวังลึก ๆ เพราะเห็นว่าเป็นนิทานชื่อดัง น่าจะมีประโยชน์ ได้แต่สงสัยว่า..ทำไมลูกไม่ชอบ เว้นว่างไปอีก 1 ปี ตอนที่เค้าเริ่มเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อยู่ ๆ เค้าก็หยิบหนังสือเรื่องนี้มาอ่านอย่างออกรสชาติ เมามันจนแม่ตกใจตาโต เอ้ย..มันดีมาก..หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยการอ่าน Green Eggs and Ham ซึ่งเธออ่านได้แบบสบาย ๆ เพราะในหนังสือจะมีการใช้คำง่าย คำที่พบบ่อย พร้อมกับคำซ้ำ ที่อ่านวนไปวนมา จนเด็กจำได้โดยอัตโนมัติDo you like green eggs and ham?I do not like them, Sam I amI do not like green eggs and ham.ข้อดีของหนังสือ Dr.Seuss1. ปูพื้นฐานการอ่านภาษาอังกฤษอย่างได้ผลชัดเจน2. ได้ความสนุกสนานเพลิดเพลินกับนิทาน3. ได้เรียนรู้โฟนิกส์ และต่อยอดการสอนโฟนิกส์ได้ด้วย4. ทำให้เด็กมั่นใจในการอ่าน ไม่กังวลว่าจะอ่านผิดจะเห็นว่านิทานแต่ละเล่มมีคุณประโยชน์ในวันที่เหมาะสม ถ้าวันนี้ลูกยังไม่พร้อมที่จะเรียนรู้ ไม่ใช่ว่านิทานเล่มนั้นไม่ดี แต่เด็กอาจจะยังไม่ถึงวัยที่จะเรียนรู้ นิทานของ Dr.Seuss มีมากมาย ลองเลือกให้เหมาะกับลูกของคุณนะคะ เพื่อช่วยปูพื้นฐานการอ่านภาษาอังกฤษให้กับเค้าค่ะ ภาพทั้งหมดโดย Lek-Farmfunbookนิทาน Dr.Seuss สามารถหาได้ตามร้านหนังสือ Asia Book, Kinkuniya