Dr.Dmat ฝ่าวิกฤตทีมแพทย์กู้ภัย ซีรี่ย์การแพทย์ที่คอดูซีรี่ย์การแพทย์ควรดู!! "ไม่อยากทำพลาด...ด้วยมือคู่นี้อีกแล้ว ไม่อยากจะพรากชีวิต...ของใครอีก" นี่คือคำพูดในละครญี่ปุ่นเรื่อง Dr.DMAT เรื่องราวทีมแพทย์กู้ภัยพิบัติและอุบัติเหตุที่รุนแรงในญี่ปุ่น และสิ่งที่น่าสนใจคือ ละครเรื่องนี้จะให้ความสำคัญของเรื่องบทความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกน้อยมาก ไม่ได้เน้นฉากสวีทหวานซึ้ง แต่สิ่งที่เรื่องนี้นำเสนอเป็นความสัมพันธ์ที่ชวนอบอุ่นหัวใจ ฟีลอารมณ์แบบดู team dragon ,code blue ที่โฟกัสเน้นเรื่องราวอาชีพหมออย่างเดียว โดยที่ความสนุก ความเร้าใจจะเกิดผ่านตัวละครหลักของเรื่องนี้ซึ่งก็คือตัวคุณหมอยาคุโมะ ฮิบิกิ แพทย์ประจำโรงพยาบาลอาริสึกาวะในโตเกียว เขาเคยผิดพลาดในการรักษาฮารุโกะ(น้องสาวของตัวเอง) จนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ยาคุโมจึงหลีกหนีจากแผนกฉุกเฉินมาโดยตลอด เขาทำงานอยู่แผนกอายุรกรรม จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้รับคำสั่งจากอิเสะซากิ คัตสึอิจิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ให้ไปเป็นสมาชิกของทีมแพทย์กู้ภัย DMAT (ดีแมท) การตัดสินใจเลือกชีวิต เพื่อตัดสินลำดับความสำคัญการช่วยชีวิตก่อนหลังถือเป็นหัวใจสำคัญของซีรี่ย์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ การเลือกหนึ่งชีวิตกับอีกหนึ่งชีวิต ซึ่งการเลือกของคุณหมอยาคุโมจะมีผลต่อความเป็นความตายของคนไข้ เพราะถ้าเขาลังเลเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็จะมีหนึ่งชีวิตที่ต้องจากไป โดยการตัดสินใจนี้เป็นภาระอันหนักอึ้งสุดๆสำหรับคุณหมอยาคุโมเลยล่ะค่ะ โดยในแต่ละตอนจะนำเสนอพาร์ทที่คุณหมอยาคุโมจัดการกับสถานการณ์ต่างๆค่ะ โดยมีขีดจำกัดเนื่องด้วยคุณหมอเป็นหมออายุรกรรม แต่ในเคสบางรายต้องการหัตถการที่ต้องเป็นหมอด้านศัลยเเพทย์มาช่วยเท่านั้น หมอยาคุโมของเราซึ่งมีขีดจำกัดความเฉพาะด้านทางสายงานนี้ จึงคิดค้นอุปกรณ์ขึ้นมาทดแทนเพื่อช่วยเหลือชีวิตตรงหน้า โดยขนานนามศาสตร์ทางการแพทย์นี้ว่า"การแพทย์เฉพาะหน้า" นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจ ว้าวไปกับการนำเสนอการแพทย์แบบนี้ในเรื่องมากๆ นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ชวนติดตามต่อนั่นคือการเลือกชีวิตซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญของทีมดีแมทค่ะ คุณหมอยาคุโมจะต้องตัดสินใจว่าจะส่งใครไปก่อนไปหลังเพราะมีรถรีเฟอร์แค่คันเดียว คุณหมอต้องประเมินสถานการณ์ของคนไข้ในแต่ละเคสให้ขาดเพื่อลดการสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด หรือดีที่สุดคือการไม่สูญเสียใครไปเลย นั่นแหล่ะค่ะเป็นเหตุผลที่ทำให้เราตกหลุมรักละครเรื่องนี้หนักมาก ตอนเรานั่งดูเรื่องนี้ก็ลุ้นไปว่าคุณหมอยาคุโมจะก้าวข้ามผ่านความกลัวภายในใจของตัวเองแล้วกลับมาเป็นหมอที่คอยช่วยชีวิตผู้อื่นอีกครั้งได้ไหม มันลุ้นมากจริงๆ ในช่วงพาร์ทหลังของซีรี่ย์เรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องราวของภัยพิบัติที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างซาบซึ้งค่ะ ซีรี่ย์เรื่องนี้ถ่ายทอดให้ผู้คนได้เห็นถึงวินาทีชีวิตของผู้ประสบภัย และเรื่องราวของคนที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือชีวิต "เราต้องช่วยชีวิตผู้คนให้ได้มากที่สุด ช่วยคนที่มีโอกาสรอดให้ได้มากที่สุดดีกว่าช่วยใครไว้ไม่ได้เลย" เพราะแม้จะสิ้นหวัง แม้จะท้อใจสักเพียงใดที่ช่วยใครไม่ได้แม้แต่เพื่อนรักของตัวเอง แต่เขาก็ไม่ลดละความพยายามในการช่วยเหลือผู้คนให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ภัยพิบัติร้ายแรงในครั้งนี้ ซึ่งตัวละครคุณหมอยาคุโมเองก็ได้พูดประโยคที่สุดแสนประทับใจคนฟังไว้ว่า "ผมก็ไม่เหลือพลังแล้วแต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ ถ้าพระเจ้าทำให้เกิดภัยพิบัติ ถ้าพระเจ้าขโมยชีวิตของคน คนที่จะเอาคืนมาก็คือมนุษย์อย่างเราไม่ใช่เหรอครับเพราะปาฏิหาริย์ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ …พวกเราถึงอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอครับ" จากเหตุการณ์ภัยพิบัตครั้งนี้มีทั้งผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย และคนรอดตาย แต่ไม่ว่าจำนวนคนเสียชีวิตหรือมีชีวิตมีอยู่เท่าไร ไม่ว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเดินหน้าช่วยชีวิตที่ยังเหลือรอดต่อไป เพราะภารกิจของทีมดีแมทคือการรับมือกับภัยพิบัติภายใต้ซากปรักหักพังพวกนั้น และสิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำคือต้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตให้ได้มากที่สุด! พอดูแล้วมันทำให้เราเห็นวินาทีของคนที่ประสบภัยและวิถีชีวิตพร้อมจิตอาสาของคนที่ทำอาชีพหมอช่วยเหลือผู้อื่น ยอมเสียสละเวลาส่วนตัว คนรอบตัว บางทีอาจเสียสละคนที่ตัวเองรัก เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้มีชีวิตรอดปลอดภัยให้ได้มากที่สุด!!! การช่วยเหลือ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งสามารถทำได้ ที่ว่ามันมหัศจรรย์ก็เพราะ...คนเราสามารถช่วยเหลือกันได้ แม้เราจะไม่เคยรู้จักกัน แต่เราก็ช่วยเหลือกัน เพียงเพราะเป็นเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง เป็นเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเดียวกัน นี่อาจเป็นความสวยงามของมนุษย์ ท่ามกลางความโหดร้ายของโลกใบนี้ก็เป็นได้ เครดิตรูปภาพรูปหน้าปกจาก 1รูปในเนื้อหาบทความ 2 3 4 5 6 7 และ 8