Digimon Adventure เป็นการ์ตูนในตำนานของเด็กไทยในช่วงปี 1999 เพราะมันเป็นการ์ตูนที่สร้างอิทธิพลหลาย ๆ อย่างเป็นที่น่าจดจำให้กับเด็ก ๆ ในวัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นฉากแปลงร่าง Evolution ของเหล่าดิจิมอน เนื้อเรื่องที่กลมกล่อมไปจนถึงตอนจบที่เรียกน้ำตา หรือจะเป็นเพลงประกอบอย่าง Butterfly กับ BraveHeart จนมีฉบับภาษาไทยในชื่อ ปีกรัก และ หัวใจที่กล้าแกร่ง ที่เป็นเพลงชาติของการ์ตูนเรื่องนี้ก็ว่าได้ด้วยความโด่งดังจึงไม่แปลกที่จะมีภาคต่ออย่าง Digimon Adventure 02 และทิ้งช่วงภาคหลักไปนานพอสมควร จนในปี 2016 ก็มี Digimon Adventure Tri. ซึ่งเป็นภาคที่สามและต่อเนื่องในปี 2020 ก็มี Digimon Adventure: Last Evolution Kizuna มาในรูปแบบฉายลงโรงภาพยนตร์ กับเรื่องราวที่สานต่อจากภาคหลัก และเหมือนว่าจะเป็นการเปลี่ยนร่างครั้งสุดท้ายที่แฝงแง่คิดแทงใจวัยรุ่น-วัยทำงานทีเดียวสำหรับในบทความนี้อาจจะไม่ได้เอ่ยถึงความสนุกสนานในภาพยนตร์มากนัก แต่จะมุ่งไปที่สาระสำคัญที่ภาพยนตร์สื่อออกมาเสียมากกว่า ซึ่งสิ่งที่ได้รับอย่างชัดเจนก็คือ "การโตเป็นผู้ใหญ่" "การจมอยู่กับอดีต" โดยตัวหนังถ่ายทอดประเด็นเหล่านี้ได้ดีและน่าจะแทงใจคนดูในช่วงวัยรุ่นหรือวัยทำงานตอนต้นนั่นเอง เพราะว่ากลุ่มคนในวัยนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตพอสมควร**ข้อความต่อไปนี้จะมีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญบางส่วนในภาพยนตร์**เป็นผู้ใหญ่มันไม่ง่ายในเรื่องราวของ Digimon Adventure: Last Evolution Kizuna พรรคพวกของ ไทจิ นอกจากจะเผชิญหน้ากับ Eosmon ดิจิมอนตัวใหม่ที่ช่วงชิงสติปัญญาของมนุษย์แล้ว พวกเขายังต้องเจอกับโชคชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เมื่อพบว่าการพัฒนาร่างของดิจิมอนกับการเติบโตของเด็กที่ถูกเลือกจะทำให้สายสัมพันธ์จากกันเร็วขึ้น แน่นอนว่าโดยเฉพาะตัวของ ไทจิ กับ ยามาโตะ ที่เป็นผู้ได้รับผลโดยตรงย่อมรับไม่ได้ที่จะต้องบอกลาเพื่อนคนสำคัญไปครับเหตุการณ์นี้มันก็สื่อได้ในชีวิตจริงของเราที่เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ย่อมเสียสิ่งที่มีความสุขหรือความทรงจำดี ๆ ในวัยเด็กไป การก้าวสู่โลกของการทำงานที่ต้องคิดให้เยอะขึ้น จะทำตัวเหมือนเด็กก็คงจะไม่ได้แล้ว แม้กระทั่งในวัยที่ต้องเข้ามหาวิทยาลัยซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เป็นช่วงชีวิตที่การวางเป้าหมายเห็นชัดเจนมากขึ้นมันเป็นอะไรที่รับได้ยากและเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงจะไม่อยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อเผชิญโลกอันโหดร้าย แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อมันคือสิ่งที่ต้องเผชิญ ไม่เว้นแม้แต่เด็กที่ถูกเลือกครับ โดยในหนังก็ขยี้ประเด็นนี้ตลอดเวลา บางทีก็เหมือนกับบอกคนดูว่า พวกนายควรโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว!!จมปลักกับอดีตไม่ยอมก้าวไปข้างหน้าด้วยประเด็นดังกล่าวมันไม่ใช่ทุกคนนักที่จะยอมรับแล้วก้าวต่อไป ยังมีอีกหลายคนที่ยังจมปลักกับอดีต ยังไม่อยากยอมรับความจริงว่าในวันหนึ่งคนเราก็ต้องเติบโต ต้องเผชิญการสูญเสีย การจากลา ซึ่งตัวตัวละครที่ชื่อ เมโนอา เบลุชชี่ ก็เป็นตัวละครที่สื่อถึงการไม่ยอม Move on ได้ดีครับ เนื่องจากเธอไม่อาจยอมรับการจากลาของดิจิมอนได้ จึงได้หาวิธีการที่ "เลือดเย็น" เพื่อรักษาความทรงจำดี ๆ ในอดีตตลอดไปเพราะคิดว่าหากโตเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องเจอกับการสูญเสีย ดังนั้นหากยังเป็นเด็กตลอดไปก็จะมีแต่ความทรงจำดี ๆ หากเป็นแบบนั้นมันก็ไม่ทำให้คนเราเติบโตได้ครับ เพราะชีวิตคนเราก็ต้องมีทั้งเรื่องดีและไม่ดีปนกันไป ยิ่งอยู่กับอดีตมากเท่าไหร่มันก็แค่ยืดเวลาให้นานขึ้นเท่านั้น เพราะในอนาคตมันจะต้องมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เราต้องก้าวไปข้างหน้า ดั่งเช่นที่ ไทจิ กับ ยามาโตะ ช่วยเธอออกจากก้นบึ้งของความมืดฟังดูแล้วดูเหมือนการเติบโตเป็นผู้ใหญ่มันดูโหดร้ายเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นในการเติบโตมันก็มีเรื่องราวดี ๆ แฝงอยู่ครับและการจากลามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเศร้าเสมอไป สิ่งที่เรียกว่าการจากลาที่สวยงามมันยังมีอยู่ อย่างในช่วงท้ายของเรื่องที่ดูเหมือนว่า ตัวของไทจิจะได้หัวข้อทำวิทยานิพนธ์ของตัวเองได้แล้ว ทางด้านยามาโตะเองก็ตัดสินใจได้แล้วว่าตนเองต้องการจะทำอะไรต่อไปในอนาคตDigimon Adventure: Last Evolution Kizuna จึงเป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่นอกจากจะได้ความบันเทิงและได้ย้อนอดีตในยุคที่ต้องแหกขี้ตาตื่นตอนเช้ามานั่งเกาะจอทีวีแล้ว มันยังให้แง่คิดดี ๆ อีกด้วยครับ ซึ่งตัวหนังยังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์อยู่ในตอนนี้ หากใครเป็นแฟนดิจิมอนตัวจริง บอกเลยว่าห้ามพลาดเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวงที่มา: รูปภาพปก / รูปภาพ 1 / รูปภาพ 2 / รูปภาพ 3 / รูปภาพ 4