“คุณไม่สามารถคุยด้วยเหตุผลกับเสือได้ เมื่อหัวคุณอยู่ในปากของมัน”เป็นคำพูดจาก วินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill) หรือ เซอร์วินสตัน ลีโอนาร์ด สเปนเซอร์ เชอร์ชิล (Winston Leonard Spencer-Churchill) อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษที่ขึ้นมารับตำแหน่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คำพูดนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีนักการเมืองอังกฤษคนหนึ่งเสนอให้วินสตัน ขอเจรจาสงบศึกกับกองทัพเยอรมันของ ฮิตเลอร์ (Hitler)การขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของเชอร์ชิล เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งในรัฐสภาว่าจะรับมือกับสงครามที่กำลังเข้ามาใกล้อย่างไรดี การลาออกของนายกรัฐมนตรี เนวิว แชมเบอเลน (Neville Chamberlain) และเป็นผู้เสนอให้เชอร์ชิลขึ้นมาเป็นแทน เพราะเป็นคนเดียวในฟากฝั่งรัฐบาลที่ฝ่ายค้านให้การยอมรับท่ามกลางความไม่เห็นด้วยและการคัดค้านที่มากมายต่อการรับตำแหน่งของเชอร์ชิล ซึ่งไม่เชื่อมั่นว่าเขาจะนำพานาวานี้ให้ฝ่าคลื่นลมไปได้ ทั้งกับบรรดานักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน รวมถึงพระเจ้าจอร์จที่ 6 (George VI) เองก็ทรงไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่อาจคัดค้านได้ แม้แต่เจ้าตัวเอง ในช่วงที่จะเข้ารับตำแหน่งก็ยังไม่มั่นใจ จะมีแค่คนเดียวที่มองเห็นว่าเชอร์ชิลทำได้ ก็คือ คลีเมนไทน์ (Clementine Churchill) ภรรยาของเชอร์ชิลนั่นเองเชอร์ชิล มีความมุ่งมั่นที่จะต่อต้านการเติบโตของกองทัพเยอรมัน และไม่เห็นด้วยอย่างมากต่อข้อเสนอให้ขอเจรจาขอสงบศึกของนักการเมือง รวมถึงนายทหารบางคนที่ไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย แต่เชอร์ชิล ไม่เชื่อว่าเยอรมันจะยอมรับข้อเสนอของอังกฤษ และไม่ต้องการให้อังกฤษต้องเสียเอกราชและเกียรติภูมิคำปราศรัยต่อประชาชนเมื่อขึ้นรับตำแหน่ง ถึงเนื้อหาบอกว่าจะไม่ยอมให้กับนาซีเยอรมันที่กำลังบุกภาคพื้นยุโรปอย่างต่อเนื่อง และจะลุกขึ้นต่อต้าน แต่น้ำเสียงก็สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจ และความกังวลเป็นอย่างมากยิ่งในแต่ละวันก็ได้รับข่าวสารของการที่ประเทศต่างๆ ทยอยถูกบุกยึดจนทหารทั้งของฝรั่งเศสและอังกฤษต้องถอยร่นอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ นั่นก็คือเหตุการณ์ปาฏิหารย์ที่ดันเคิร์ก (Dunkirk) ภายใต้ปฏิบัติการที่ชื่อ ไดนาโม (Dinamo) ที่สามารถระดมเรือทั้งจากของรัฐบาล เอกชน และประชาชน ไปช่วยอพยพทหารทั้งฝั่งอังกฤษและฝรั่งเศสกว่า 330,000 คน ให้สามารถข้ามกลับมายังอังกฤษได้ ทำให้เกิดกำลังใจขึ้นอย่างมาก รวมถึงกับเชอร์ชิลด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีความลังเลที่จะประกาศถึงการไม่ยอมแพ้ และตอบโต้กลับของเชอร์ชิลก็ยังมีอยู่ เลยได้ตัดสินใจที่จะลงจากรถยนต์ส่วนตัว ไปนั่งรถไฟใต้ดิน และไปฟังเสียงประชาชน ไปสอบถามประชาชนด้วยตัวเองว่าเราจะยอมแพ้กันดีไหม เสียงของประชาชนที่ไปพบต่างตอบพร้อมกันว่า เราจะสู้ ซึ่งก็ป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เชอร์ชิลตัดสินใจลุกขึ้นสู้ และประกาศในที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 1940 ที่มีการเรียกการประกาศนี้ ว่า “We shall fight on the beaches” ขอเอาบางส่วนมาของการประกาศมาเล่าให้ฟังนะครับ“...We shall go on to the end, we shall fight in France, we shall fight on the seas and oceans, we shall fight with growing confidence and growing strength in the air, we shall defend our Island, whatever the cost may be, we shall fight on the beaches, we shall fight on the landing grounds, we shall fight in the fields and in the streets, we shall fight in the hills; we shall never surrender...” “...เราจักก้าวเดินไปถึงจุดจบ เราจักสู้ในฝรั่งเศส เราจักสู้ในท้องทะเลและมหาสมุทร เราจักสู้ด้วยความเชื่อมั่นและพลังที่เติบใหญ่ในท้องนภา เราจักปกป้องเกาะของเราแม้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เราจักสู้บนชายหาด เราจักสู้บนลานบิน เราจักสู้บนท้องทุ่งและท้องถนน เราจักสู้ในหุบเขา เราจักสู้บนเนินเขา เราจักไม่มีวันยอมแพ้...”ภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือเป็นหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดของนักแสดงชื่อดังอย่าง Gary Oldman จนส่งให้เขาได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมของปีล่าสุด (2018) ในบทนี้ รวมถึงดาราอื่นๆ อีกหลายคนที่สร้างผลงานการแสดงในระดับสุดยอดให้กับเรื่องนี้ นอกจากนั้น งานสร้างทั้งบท การแต่งกาย การตัดต่อ และที่สำคัญการจัดแสงของเรื่องนี้สวยมาก โดยเฉพาะฉากที่เชอร์ชิลเข้าเฝ้าพระเจ้าจอร์จที่ 6 เพื่อรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งดงามปานประหนึ่งภาพวาด สวยมากครับแนะนำครับ ถ้ามีโอกาสอยากให้หามาชมกัน เครดิตภาพ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4