ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตั้งแต่ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด ๑๙ ได้ระบาดอย่างรวดเร็ว และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงได้ในเร็ววัน มีการให้ข้อมูลและการรณรงค์ในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการแพร่ระบาด ยอดผู้ป่วย รวมถึงแนวทางให้ถือปฏิบัติในภาวะการณ์เช่นนี้ ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงไป วิถีชีวิตที่ถูกลดกรอบความสุขลง จากผลที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่ผลร้ายสำหรับผู้ที่ติดเชื้อเท่านั้น ทุกอย่างเป็นผลพวงร่วมกันหมด ส่งผลให้หลาย ๆ คนมีสภาวะจิตใจที่แย่ลง เกิดความเครียด วิตกกังวล ในสถานการณ์เช่นนี้ เราจะอยู่กับมันยังไง มาครับ วันนี้ผมมีแนวทางการจัดความเครียด ความวิตกกังวลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ชีวิตต้องดำเนินต่อครับ ๑. เสพข่าวอย่างมีสติ แน่นอนครับ โลกที่เทคโนโลยีอยู่รอบตัว ทำให้สามารถรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว และความรวดเร็วนั้นบางครั้งมันมีทั้งข่าวที่ยังไม่ผ่านการคัดกรอง อีกทั้งหลายข่าวล้วนแต่บั่นทอนจิตใจเราครับ ดังนั้นการเสพข่าวอย่างมีสติ ไตร่ตรองให้รอบครอบ จะทำให้เราเสพข่าวอย่างมีความสุขครับ อีกอย่างครับลองใช่คำเหล่านี้ดู เห็นไหมล่ะ ว่าแล้วเชียว เช่น เราคิดไว้แล้วว่ายอดการระบาดของโรคเพิ่มขึ้นทุกวัน พอเราได้ฟังหรือรับรู้ข่าว ที่เป็นอย่างที่เราคิดไว้ แล้วผุดคำนี้ออกมา ผมว่ามันดูผ่อนคลายขึ้นนะครับ ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะดูแย่ขึ้นก็ตาม แต่เราต้องอย่าแย่ตามมันครับ ๒. จัดโต๊ะทำงานให้น่าอยู่ งานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตก็ว่าได้ ไม่ยากเลยเลยในการออกแบบความสุขเล็ก ๆ ในการทำงาน เพียงเริ่มที่โต๊ะทำงาน ใช้เวลาไม่กี่นาที ช่วงสถานการณ์เช่นนี้ อาจเป็นการทำงานที่บ้าน ผมว่ายิ่งดีนะ ปรับเปลี่ยนโมเมนท์ได้หลากหลายดี งานก็เดินแถมลดความเสี่ยงให้สังคมด้วย ลองดูครับคุณอยากหาความสุขแบบไหนมาใส่โต๊ะล่ะ ส่วนตัวผมชอบไม้เล็ก ๆ ในกระถางจิ๋ว ๆ วางเรียงรายกัน ตามมุมโต๊ะดูงามตาดี ละสายตาจากหน้าจอพอได้เชยมอง ผมว่ามันก็ดูผ่อนคลายดีนา ๓. ดนตรีหรือสื่อ Media ต่าง ๆ ดนตรีนั้นคือชีวิต จังหวะคอยลิขิตให้ชีวิตก้าวไป เคยได้ยินเพลงนี้ไหมครับ อาจจะเก่าหน่อย ผมว่าดนตรีมันดีนะช่วยให้เราผ่อนคลาย สบายอารมณ์ แต่นั่นก็ไม่ใช่ทุกช่วงเวลาที่จะฟังเพลง มันได้มีสื่อชนิดต่าง ๆ ให้เราได้เลือกชมครับ อย่าลืมนะครับเราต้องการผ่อนคลายความเครียด ดังนั้นจึงเลือกดูเลือกฟังในสิ่งที่ทำให้เรายิ้มได้ครับ ๔. ยิ้มและหัวเราะให้มาก ๆ เคยไหมครับยิ้มอย่างไม่มีเห็นผมหรือนึกอะไรที่มันมีความสุขออกมาในหัวแล้วแอบบยิ้มอยู่คนเดียว ลองยิ้มดูครับตอนนี้เลย รู้สึกยังไงครับ กำลังคิดอยู่ใช่ไหม ผมว่ามันมีความสุขนะ ถึงจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ตาม เมื่อได้ยิ้มออกมาผมว่ามันผ่อนคลายได้ครับ อีกอย่างครับหัวเราะให้มาก คุณเห็นคนหัวเราะแล้วรู้สึกอย่างไร ผมคุณคงคิดว่าเขาต้องมีความสุขมากเลย งั้นเราจะหัวเราะกับตัวเองไม่ได้เชียวรึ ลองดูครับ ตอนนี้เลย เห็นไหมถึงจะสุขแบบทุกข์ ๆ ผมว่ามันก็โอเคนา ๕. ครอบครัวและคนรอบกาย สำคัญครับยิ่งช่วงเวลานี้ คุยกันให้เยอะครับ เดี๋ยวนี้ห่างไกลกันแค่ไหนนั่นเพียงแค่ร่างกาย ความก้าวไกลของเทคโนโลยีมันดีตรงนี้แหละ มันอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีหากเราได้ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันมากขึ้น บางครั้งยิ้มคนเดียวมันเหงา ชวนกันยิ้มและหัวเราะกันให้มากครับ เพื่อนรอบกายคุยกันได้แต่อย่าใกล้กันเกินครับเราต้อง social distance ตามคำแนะนำครับ ยิ้มและหัวเราะผ่านหน้าจอก็หายเครียดแล้วครับ การจัดการความเครียดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ถึงบางครั้งจะจัดการในรูปแบบเดียวกัน แต่ด้วยภาวะจิตใจแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราเลือกได้ครับว่าจะอยู่กับความเครียดอย่างไร แต่ยังไงก็แล้วแต่ ขอให้เครียดอย่างมีความสุขก็พอครับ เรื่องและภาพ moobanarak