ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ทั่วโลกต่างประสบปัญหาโรคระบาด Covid-19 รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วยเช่นกัน โรคไวรัส Covid-19 นี้มีศูนย์กลางการแพร่เชื้อมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสและมีการแพร่กระจายของเชื้อผ่านระบบทางเดินหายใจ การสัมผัส รวมทั้งทางสารคัดหลั่งต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วเป็นวงกว้าง อีกทั้งโรคนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาที่แน่นอน เนื่องจากเป็นโรคไวรัสที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แน่นอนว่าทั่วโลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขี้น รวมทั้งประเทศไทยเองที่ได้รับผลกระทบและสร้างความเปลี่ยนแปลงอันได้แก่ 1 การเว้นระยะห่างทางสังคม แน่นอนว่า covid-19 เป็นโรคที่แพร่เชื้อผ่านทางการหายใจ การไอ-จาม การสัมผัส ทั้งนี้เราต่างต้องมีพื้นที่เพื่อเป็น save sone ซึ่งกันและกัน จากที่เคยใกล้ชิด จับมือ กอดคอ ทำกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน กลายมาเป็นต้องใส่ mask ใส่ถุงมือ ใส่ชุดป้องกันเชื้อ เข้าหากัน ภาพที่มองไปยังผู้คนเหล่านั้น ทำให้นึกถึงประโยคที่ว่า“มนุษย์ทุกคนต่างก็ใส่หน้ากากเข้าหากัน” ในวันนี้ประโยคเปรียบเปรยนั้นได้กลายเป็นภาพที่เกิดขึ้นจริงในรูปธรรม 2 พรก.ฉุกเฉิน และ เคอร์ฟิว การออกพระราชกำหนด เพื่อจัดระเบียบการใช้ชีวิติของประชาชน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยมีข้อกำหนดคือห้ามออกจากเคหะสถานในช่างเวลา 22.00-04.00 นาฬิกา ประกาศใช้ทั่วประเทศในวันที่ 3 เมษายน 2563 ซึ่งแน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ทำงานในช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก บางงานหรือบางอาชีพ ต้องหยุดชั่วคราวทำให้รายได้ลดลง 3 stay at home เนื่องจากการเกิดโรคไวรัส Covid-19 นี้ทำให้ประชาชนต้องงดการออกไปข้างนอกให้ได้มากที่สุด ทำให้ช่วงนี้หลาย ๆ ครอบครัวได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น และสร้างความอบอุ่นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ถือได้ว่าเป็นข้อดีเล็ก ๆ ที่แฝงมากับภัยในครั้งนี้ 4 พฤติกรรมการใช้ชีวิต พอเราอยู่ในช่วงที่มีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเช่นนี้ แน่นอนว่า เราเริ่มหันมาโฟกัสเรื่องความสะอาดและรักษาสุขภาพกันมากขึ้น ระมัดระวังตัวมากขึ้น ใส่ใจตัวเองและคนรอบมากขึ้น และรักตัวเองมากขึ้น 5 การทำงานรูปแบบ online เห็นได้ว่าเราดำเนินกิจกรรมรูปแบบ Online เกือบ 100% เนื่องด้วยโลกเราอยู่ในยุคดิจิตอล การ Online จึงเป็นทางเลือกที่ถูกนำมาใช้ในหลายด้าน เช่น การเรียน การทำงาน การค้าขาย เพราะเรายังคงต้องใช้ชีวิตและรับผิดชอบภาระงาน ทำให้เกิด เป็น concept ที่ว่า work for home ทำงานที่บ้าน หรือถ้าคิดในมุมขำขัน เพียงแค่เราอยู่บ้านก็สามารถช่วยชาติได้แล้ว เพราะไม่ต้องไปข้างนอกลดการแพร่กระจายของเชื้อ เชื่อว่าต้องมีใครสักคนที่คิดจินตนาการว่าอยากทำงานอยู่บ้าน ไม่ต้องเดินทางออกไปข้างนอก ไม่ต้องเหนื่อยนั่งบีทีเอส ตื่นมาก็เปิดคอมพิวเตอร์ทำงานได้เลย แบบไม่ต้องคิดว่าต้องแต่งตัวไปออฟฟิศอย่างไร ณ ตอนนี้ภาพเหล่านั้นได้เกิดขึ้นจริงแล้ว แล้วโควิด ทำให้เรามองเห็นอะไร ธรรมชาติได้หยุดพัก เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้หรอก ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นสิ่งที่คู่กันแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้กลับทำให้มนุษย์ได้คิดว่า ที่ผ่านมาเราล้ำเส้นธรรมชาติมากเกินไป เราทำลายเขาอย่างไม่รู้ตัว เราเชยชมเขาเพื่อบำบัดตัวเรา ชายหาดที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนและขยะนานา ตอนนี้มีเพียงหาดทรายขาวเนียนละเอียด สัตว์ทะเลที่เกือบจะได้ชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว กลับมาวางไข่เพิ่มจำนวนอีกครั้ง แม้แต่สัตว์น้ำในทะเลอย่างวาฬยังว่ายน้ำเข้ามาใกล้เขตของชายหาด มลพิษทางอากาศจากทั่วโลกลดลง อุณหภูมิของโลกเย็นตัวลง มีคนเดือดร้อนก็ยังมีคนที่พร้อมช่วยเหลือ ต้องยอมรับว่า ผู้คนขาดรายได้ ขาดแคลนอาหาร ลูกจ้างที่ถูกหยุดงานที่หาความแน่นอนไม่ได้ ผู้ที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ พนักงานโรงงานที่ต้องหยุดงาน ไม่เพียงแต่ต้องระวังป้องกันโรคไวรัสซ้ำยังต้องกลายเป็นผู้ว่างงานอย่าง ไม่มีกำหนด แต่ในความเดือดร้อน ในหนทางที่ดูจะมืดมิดลง ยังมีเพื่อนมนุษย์ที่พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วย ดังเช่น เรื่องราวของการแบ่งปัน ช่วยเหลือ ที่มีคนกลุ่มหนึ่งอยากจะสร้างตู้เพื่อแบ่งปันอาหารให้แก่ผู้อื่น จึงได้ออกมาตั้งคำถามกับสิ่งที่จะทำและมีผู้มาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งที่ฉันรับรู้ได้จากคลิปดังกล่าวคือ ถ้าเราอยากรู้ผลลัพธ์ เราก็แค่ลงมือทำ แล้วเราจะได้คำตอบนั้นเอง และนี่คือจุดเริ่มต้นของ “ตู้แบ่งปัน” และเมื่อลงมือทำ ก็มีผู้คนไม่น้อยที่พร้อมเข้ามาช่วยเหลือ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง เข้ามาแบ่งเป็น ราวกับสังคมกำลังทำหน้าที่ของมัน หน้าที่และจริยธรรมที่มนุษย์ทุกคนพึงมีในตัวเอง เมื่อมีผู้ให้ก็ย่อมมีผู้รับ การให้จึงจะสมบูรณ์ จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่การสร้างความดีที่ยิ่งใหญ่ไปทั่วทุกภาคของประเทศไทยที่มีเรื่องราวดี ๆ เช่นนี้เกิดขึ้น ความสามัคคี จากเหตุการณที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดเจนว่า ทุกๆคนอยากจะมีบทบาทมีส่วนร่วมในการทำความดี เท่าที่กำลังจะมี อย่างการทำ face shield บริษัทที่ผลิตอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของ face shield ได้นำอุปกรณ์ต่างๆมาช่วยทำอีกด้วย หรือแม้แต่การช่วยเหลือทางอ้อม ในกรณีที่มีแม่ค้าคนหนึ่งตัดสินใจที่จะทำอาหารเพื่อไปแจกให้กับบุลคลากรทางการแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้อง จากที่ออกกำลังทรัพย์ส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือจนความดีนี้ส่งถึงผู้อื่นและได้รับการสนับสนุนวัตถุดิบ เพื่อมาช่วยอีกแรง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่แสดงให้เห็นว่า คนไทยไม่เคยทิ้งกัน ไม่ว่าจะเกิดวิกฤติเลวร้ายเพียงใดเราร่วมทุกข์ร่วมสุขและผ่านมันไปด้วยกัน ครั้งนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น และแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณที่ลำบาก แต่สิ่งที่ไม่เคยหายไปจากคนไทยคือ รอยยิ้ม เรายังคงมีรอยยิ้มให้กัน รอยยิ้มที่รับรู้ได้ภายใต้หน้ากาก ยิ้มเพื่อส่งต่อพลัง ยิ้มเพื่อให้กำลังใจ ยิ้มเพื่อแทนคำขอบคุณ และยิ้มกับให้กับตนเอง เรียบเรียงโดย : Panida เครดิตภาพจาก https://bit.ly/3e9hx3R https://bit.ly/30SlaHo https://bit.ly/3dfDPja https://bit.ly/3hCBh1B https://bit.ly/2Y6aBi9 https://www.flickr.com/photos/glouk/4518299997/