New Normal คือ สิ่งที่เมื่อก่อนยังไม่เกิดขึ้นหรือไม่ได้รับความนิยม แต่เรื่องดังกล่าวจะกลายเป็นเรื่องปกติในสังคม ยกตัวอย่างเช่น - การประชุมออนไลน์ จากเมื่อก่อนเป็นตัวเลือกสำรองเพราะคนยังเดินทางมาประชุมแบบเห็นหน้าได้ ต่อไปนี้ จะเป็นทางเลือกสำคัญในการจัดประชุมในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องมาพบกัน ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง โดยปัจจุบันมีพระราชกำหนดว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 เป็นแนวทางในการประชุมแบบออนไลน์ - การทำงานที่บ้าน (Work From Home) จากเมื่อก่อนการทำงานต้องมารวมกันในที่ทำงาน การทำงานที่บ้านจะเป็นการทำงานในเวลานอกทำการ เช่น ตอนกลางคืนหรือวันเสาร์ วันอาทิตย์ ต่อไปนี้ Work From Home จะเป็นเรื่องปกติที่องค์กรต่างๆ จะพิจารณาให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการทำงาน สาเหตุที่ทำให้เกิด New Normal คือมีเหตุการณ์สำคัญมากระทบเช่น สถานการณ์แพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส (COVID-19) ทำให้เกิดวิธีการทำงานหรือวิธีการดำเนินชีวิตใหม่ๆ ที่จะกลายเป็นเรื่องปกติใหม่หรือ New Normal ต่อไปนี้คือ New Normal 7 ข้อที่จะเกิดขึ้น และสิ่งปกติเดิมหรือ Old Normal 7 ข้อเช่นกันที่จะอยู่ในสังคมต่อไปยากที่จะเปลี่ยนแปลง 7 New Normal 1. ขาดอินเตอร์เน็ตเหมือนขาดใจ อินเตอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานเช่นเดียวกับไฟฟ้า น้ำประปา เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานและการเงิน เช่นการโอนเงินผ่าน Mobile Banking ,การจ่ายเงินมื่อซื้อของออนไลน์ ลองจินตนาการว่า ถ้าอินเตอร์เน็ตเกิดเสียนานๆ จะเกิดอะไรขึ้น อินเตอร์เน็ตจึงเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ขาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว 2. ความสะอาดคิอที่ 1 คนจะให้ความสำคัญกับความสะอาดมากขึ้น เพราะปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เชื้อไวรัส COVID-19 ไม่แพร่กระจายมากคือการล้างมือบ่อยๆ ไม่จับหน้าจับจมูกตัวเอง ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 คนจะล้างมือบ่อยมาก บางคนพูดทีเล่นทีจริงว่าล้างมือจนลายมือแทบจะหายไปหมดแล้ว 3. เสื้อผ้า หน้า ผม และหน้ากากอนามัย เราเลือกชุดทำงานพร้อมหน้ากากอนามัย การสวมหน้ากากอนามัยกลายเป็นเรื่องปกติ เพราะจะช่วยป้องกันเชื้อโรคในอากาศ ป้องกันควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ ป้องกันฝุ่น P.M.25 และหน้ากากอนามัยจะกลายเป็นแฟชั่น มีความสวยงามมีหลายรูปแบบให้เลือกใส่กัน 4. ห่างๆ แบบห่วงๆ โชคดีที่คนไทยไม่นิยมแตะเนื้อต้องตัวกันทำให้ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโรค ต่อจากนี้หลายธุรกิจจะต้องคำนึงถึงระยะห่างระหว่างบุคคลในธุรกิจของตนเอง เช่น การนั่งดูภาพยนตร์จะต้องนั่งแยกกัน (คนที่มาดูคนเดียวคงเฉยๆ แต่คนที่มาเป็นคู่อาจจะแปลกๆ หน่อย) ที่นั่งในระบบขนส่งสาธารณะ เช่นรถทัวร์ เครื่องบิน จะขายแบบเว้นที่นั่ง ซึ่งจะทำให้ราคาตั๋วแพงขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้คาดว่ายอดขายรถยนต์ส่วนตัวจะเพิ่มสูงขึ้น 5. ทำงานก็ได้ เลี้ยงลูกก็ดี หลายคนได้รับประสบการณ์ใหม่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นี้ก็คือทักษะการทำงานที่บ้านพร้อมกับต้องเลี้ยงลูกไปด้วยเนื่องจากโรงเรียนปิด ในช่วงแรก หลายคนอยากให้โรงเรียนเปิดเร็วๆ หรืออยากไปขอบคุณคุณครูที่ก่อนหน้านี้ช่วยเลี้ยงลูกที่โรงเรียน แต่เมื่อสถานการณ์บังคับโรงเรียนยังปิดต่อ พ่อแม่หลายคนคิดวิธีในการทำงานพร้อมเลี้ยงลูก เช่นการหาการหาบทเรียนออนไลน์ให้ลูกเรียน เรียนทำกับข้าวทาง Youtube กับลูก มีบางคนเอางานตัวเองให้ลูกทำก็มี ข้อดีของการทำงานที่บ้านคือทำให้สายสัมพันธ์ของครอบครัวแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น 6. ซื้อของออนไลน์เก่ง สำหรับคน GenY การซื้อของออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรืออาหาร เป็นเรื่องคุ้นเคยอยู่แล้ว ต่อไปนี้ คน Baby Boomer และ คนGenX จะสั่งออนไลน์ได้คล่องแคล่วมากขึ้น เพราะจะไปซื้อของที่ร้านค้าก็กลัวติดเชื้อโรค ถ้าไม่กล้าสั่งก็จะไม่มีของกินไม่มีของใช้ ระบบการจ่ายเงินออนไลน์ Mobile Banking จะไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับ ฺBaby Boomer และ GenY อีกต่อไป 7. เสน่ห์ปลายจวักจะกลับมา ข้อดีของการทำงานที่บ้านคือการลดเวลาในการเดินทาง ทำให้หลายคนมีเวลาฝึกทักษะอื่นๆ ที่ตนเองชื่นชอบหรือสถานการณ์บังคับ เช่น เมื่อไม่ต้องการออกไปซื้ออาหารก็ต้องหัดทำอาหารเองผ่าน Youtube หลายคนฝึกทำเก่งจะถึงขั้นทำขายผ่านออนไลน์ เช่น บริการ LILUNA Food Hero เป็นแอปพลิเคชั่นบนมือถือที่ให้คนทำอาหารโพสต์อาหารที่ทำได้ แล้วถ้าใครเห็นแล้วชอบทานก็สั่งอาหารได้เลย และนอกจากเรื่องทักษะการทำอาหารที่เพิ่มขึ้น หลายคนก็มีทักษะอื่นๆ เช่น ฝึกเต้น cover นักร้องที่ตนเองชื่นชอบ ฝึกตัดผมตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีๆ ที่ทำให้เรามีทักษะมากขึ้นเมื่อต้องอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ 1. น้ำใจคนไทย จากสถานการณ์ที่ยากลำบากในหลายๆ เรื่องเช่น ซึนามิ โคลนถล่ม น้ำท่วมหรือโรคระบาด เราได้เห็นน้ำใจคนไทยหลั่งไหลให้กันและกัน เช่นการบริจาคหน้ากากอนามัย face shield ให้กับโรงพยาบาล แจกสิ่งของให้กับคนที่ไม่มีรายได้ ถึงแม้จะมีปัญหาในการแจกสิ่งของบ้าง แต่น้ำใจคนไทยที่จะช่วยเหลือคนอื่นยังมีมากมายเหมือนเดิม 2. รถติด จากประสบการณ์ของผู้เขียนซึ่งอยู่กรุงเทพฯ และเดินทางไปทำงานตามปกติ พบว่าต้นเดือนเมษายน 2563 รถยนต์บนถนนจะน้อยมาก การจราจรไม่ติดขัด แต่พอช่วงหลังสงกรานต์ที่ไม่ได้หยุดงานเป็นครั้งแรกพบว่า การจราจรหนาแน่นมากขึ้น คาดว่าหลังจากยกเลิกมาตรการปิดเมือง บรรยายรถติดที่คุ้นเคยก็จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง 3.ฝุ่น P.M. 2.5 หลายปีที่ผ่านมา ในช่วงต้นปีจะมีปัญหาฝุ่น P.M 2.5 เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ และจังหวัดในภาคเหนือ ตอนนี้ยังไม่เห็นทางที่ จะแก้ปัญหานี้ได้ (การฉีดน้ำขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่น่าจะใช้ทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน) เรื่องฝุ่น P.M. 2.5 จะยังเป็น Old Normal ที่ได้เจอกันต่อไป 4. การเผาป่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกช่วงต้นปีเหมือนกับปัญหาฝุ่น P.M. 2.5 แม้ว่าจะมีกฏหมายลงโทษแต่ดูเหมือนว่าไม่ทำให้ปัญหานี้ลดลง อีกเรื่องที่เกี่ยวกับต้นไม้ที่เป็นปัญหามาตลอด คือการตัดต้นไม้ในกรุงเทพฯ เพราะจะมีปัญหาทุกครั้ง เช่นการตัดต้นไม้จนเหลือแต่ตอ คาดว่าเรื่องนี้จะยังเป็นปัญหาต่อไป 5. อุบัติเหตุช่วงเทศกาล ประเทศไทยมีเทศกาลหยุดยาวสำคัญอยู่ 2 เทศกาลคือ ปีใหม่ และสงกรานต์ ซึ่งจะเกิดอุบัติเหตุทำให้คนเสียชีวิตจำนวนมากหรือที่เราเรียกว่า 7 วันอันตราย ในปี พ.ศ. 2563 เทศกาลสงกรานต์ไม่ใช่วันหยุดจึงไม่มี 7 วันอันตราย คาดว่า เมื่อเหตุการณ์ไวรัสคลี่คลาย 7 วันอันตรายก็จะกลับมาในช่วง 2 เทศกาลดังกล่าวเหมือนเดิม 6. การเอารัดเอาเปรียบ ข่าวหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น แอลกอฮอลล์ขึ้นราคาเป็น 10 เท่า หน้ากากอนามัยขาดตลาด ไข่ไก่ขาดตลาดระยะหนึ่ง แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ในขณะที่หลายคนมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่น คนบางคนก็พร้อมที่จะหาทางเอารัดเอาเปรียบคนอื่นอยู่ตลอดเวลา 7. ขยะพลาสติก 1 ม.ค. 2563 เป็นวันเริ่มต้นการรณรงค์งดใช้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวก ซึ่งถือว่าได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ต้องอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ หลายคนสั่งอาหารผ่านระบบ food delivery สิ่งที่มาพร้อมกับอาหารคือบรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร ถุงพลาสติกที่ทำให้เกิดขยะจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะลดขยะเหล่านี้ ไม่ว่าจะ New Normal หรือ Old Normal ทักษะสำคัญในการใช้ชีวิตคือการปรับตัว ไม่ว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อเราทำใจยอมรับ เข้าใจ ศึกษาและปรับตัวก็จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการปรับตัวกับเรื่องใหม่ๆ ที่กำลังจะมาถึงครับ ขอขอบคุณภาพประกอบจาก www.canva.com . www.pixabay.com , https://commons.wikimedia.org/ , www.pxhere.com . www.flickr.com ภาพปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6 / ภาพประกอบที่ 7 / ภาพประกอบที่ 8 / ภาพประกอบที่ 9 / ภาพประกอบที่ 10 / ภาพประกอบที่ 11