หากได้มีโอกาสบินลัดฟ้าไปเหยียบแผ่นดินเมืองน้ำหอมแล้วนั้น คนส่วนใหญ่ย่อมไม่พลาดที่จะไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส ได้แก่ หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟ มหาวิหารนอเทรอดาม หรือ ล่องเรือแม่น้ำแซน ณ เมืองปารีส อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมีโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิตอย่าพลาดท่องเที่ยวชมเมืองต่างๆในฝรั่งเศสเพื่อซึมซับวิถีชีวิตของคนฟรองค์เซ หรือ คนฝรั่งเศสนั้นเอง แต่หากคุณไม่มีโอกาสนั้น ผู้เขียนจะเป็นคนสร้างโอกาสให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศกลิ่นอายของฝรั่งเศสโดยเป็นไกด์นำทางพาคุณเยี่ยมชม 3 เมืองที่น่าสนใจไปด้วยกัน ได้แก่ เมืองวิชี่ เมืองดีฌง และเมืองมงโปลิเย่ หากคุณอดใจรอไม่ไหวแล้วนั้น เราเริ่มออกเดินทางกันนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ผู้นำทางเห็นว่าเราควรเริ่มต้นเยี่ยมชมเมืองดิฌง (Dijon) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือใช้เวลาเดินทางจากปารีสประมาณ 2 ชั่วโมงโดยรถไฟความเร็วสูง และอยู่ไม่ห่างไกลจากเมืองลียงที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของฝรั่งเศส กล่าวได้ว่า เมืองดีฌงเป็นเมืองหลวงของแคว้นบูร์กอญ มีสถานที่หน่วยงานราชการสำคัญต่างๆตั้งอยู่หลายแห่ง ทั้งนี้ เราควรจะเริ่มต้นเดินด้วยเท้าเที่ยวเยี่ยมชมในตัวเมืองดิฌง ซึ่งมีรูปแบบสถาปัตยกรรมของตึกบ้านเรือนที่มีลักษณะโดดเด่นได้รับอิทธิพลมาจากเยอรมันในบางส่วน อีกทั้ง มีพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่อยู่กลางเมือง มีสวนสาธารณะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ และมีโบสถ์วิหารขนาดใหญ่อยู่ใจกลางเมืองซึ่งด้านข้างซ้ายของรั้วมีสัญลักษณ์นกฮูกแกะสลักติดอยู่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าการใช้มือซ้ายแตะลงไปที่นกฮูกพร้อมกับอธิษฐานขอพรในสิ่งที่ตนปรารถนาย่อมจะสมหวังในที่สุด ก่อนออกเดินทางไปเมืองต่อไป อย่าลืมพลาดซื้อของฝากที่มีชื่อเสียงอย่างมากในแคว้นบูร์กอญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไวน์ขาวและมัสตาด เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับผู้มาเยี่ยมเยือน หลังจากได้พักผ่อนในระหว่างการเดินทางเป็นเวลา 2 ชั่วโมงจากเมืองดีฌง เราก็มาถึงเมืองวิชี่ (Vichy) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของประเทศฝรั่งเศส เมืองวิชี่มีขนาดเล็กถึงเล็กมากเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆหากเราพูดถึงวิชี่ในทางด้านประวัติศาสตร์เคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของนาซีเยอรมัน แต่หากพูดถึงด้านความสวยความงามหรือเครื่องสำอางซึ่งผู้หญิงเกือบทุกคนคงรู้จักกันดีในยี่ห้อวิชี่ซึ่งมีขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป รวมถึงมีแหล่งน้ำแร่ผลิตเป็นขวดยี่ห้อวิชี่และมีแหล่งน้ำแร่สำหรับดื่มฟรี รวมถึงผลิตภัณฑ์ลูกอมน้ำแร่มีไว้สำหรับจำหน่ายเช่นกัน ทั้งนี้บรรยากาศในเมืองวิชี่ มีความเงียบสงบร่มรื่น มีสวนสาธารณะบริเวณริมแม่น้ำที่อยู่รอบๆตัวเมือง ผู้คนที่อาศัยส่วนใหญ่เป็นวัยชรามักมีกิจกรรมเดินเล่นจูงสุนัขในยามเย็น นอกจากนั้น จะเห็นได้ว่ามีชาวต่างชาติจำนวนมากมาศึกษาภาษาฝรั่งเศสในสถาบันสอนภาษาคาวีแล่ม ณ เมืองแห่งนี้ตลอดทั้งปี ในที่สุดการเดินทางมาถึงเมืองสุดท้าย คือ เมืองมงโปลิเย่ (Montpellier) เป็นเมืองที่มีขนาดอันดับที่ 7 ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ติดกับทะเล มีบรรยากาศค่อนข้างร้อนกว่าภาคอื่นๆแต่กลับเป็นที่นิยมของชาวฝรั่งเศสมาพักร้อนกัน การใช้ชีวิตในเมืองมงโปลิเย่ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับเมืองวิชี่ เนื่องจากเมืองแห่งนี้คนส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนักศึกษามีมหาวิทยาลัยและโรงเรียนหลายแห่ง รวมถึงวัยกลางคนมาอาศัยเพื่อทำงาน จึงทำให้บรรยากาศของเมืองผู้คนค่อนข้างเร่งรีบในแต่ละวัน ทั้งนี้ เมืองมงโปลิเย่ยังปรากฏสถานที่สำคัญให้น่าเยี่ยมชมมากมาย ได้แก่ ประตูชัย พิพิธภัณฑ์ ทะเล สวนสาธารณะ สวนสัตว์ลักษณะเปิด เป็นต้น การเดินทางไปในสถานที่ต่างๆทั้งในเมืองและนอกเมืองนั้นค่อนข้างสะดวกสบายเพราะเนื่องจากมีรถรางวิ่งตลอดทั้งเมือง สุดท้ายนี้ การเดินทางย่อมมีวันสิ้นสุดลงหวังว่าคุณคงได้ซึมซับบรรยากาศกลิ่นอายในแต่ละเมืองที่มีความแตกต่างกันไม่มากก็น้อย หากคุณยังสนุกในการเดินทางกับผู้นำทางคนนี้คงได้มีโอกาสจัดทริปในครั้งต่อไปเพื่อร่วมกันเดินทางกันอีกครั้งในเมืองต่างๆของประเทศฝรั่งเศสที่ยังรอต้อนรับให้คุณไปสัมผัสความเป็นลาฟรองค์ ( La France ) หรือฝรั่งเศสนั้นเอง และต้องขอกล่าว่า อาเบียงโต (à bientôt) แล้วเจอกันใหม่ ภาพถ่ายโดยผู้เขียนนามปากกา Une vie des routes ( อูนวี เด้ครูด )