จากข่าวอัปเดตวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ Apple เตรียมอัปเดต iOS 14.5 Beta เวอร์ชั่นทดลองให้ได้ใช้งาน โดยเป็นไปในเชิงอะลุ่มอล่วย ให้เจ้าของเครื่องสามารถปลดล็อคหน้าจอได้ แม้จะสวมหน้ากากอนามัยอยู่ก็ตาม โดยมีเงื่อนไขคือต้องมี Apple Watch ติดอยู่ที่ข้อมือ และต้องตั้งรหัสไว้เพื่อความปลอดภัย แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อมองภาพรวมแล้ว ก็ถือเป็นการรักษาความปลอดภัยในยุคที่ต้องเว้นระยะห่างเช่นนี้ ทำให้ไม่ต้องถอดหน้ากากมาแสดงตัวบนหน้าจอโทรศัพท์อีกต่อไป ซึ่งอย่างน้อยก็จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถสวมหน้ากากอนามัยติดตัวได้ตลอด จนเกิดเป็นความเคยชินในการป้องกันไวรัสโควิด-19 และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทาง Apple ได้ให้ผลิตภัณฑ์ใส่ใจกับสุขภาพผู้ใช้ โดยเมื่อปี 2561 ดีนนา เรคเทนวัลด์ เด็กสาวชาวสหรัฐฯ จากรัฐฟลอริด้า ได้ไปเข้าร่วมกิจกรรมที่โบสถ์ตามปกติ แต่เมื่อเธอนั่งลงได้ไม่นาน Apple Watch ของเธอก็แจ้งเตือนผ่านฟีเจอร์ Heart Rate ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นแรงกว่าปกติ โดยที่มีโอกาสช็อกเสียชีวิตได้ เธอและครอบครัวจึงได้พากันไปตรวจที่โรงพยาบาลและพบว่าดีนนามีอาการไตวาย และรีบทำการรักษาได้ทัน เมื่อกุมภาพันธ์ 2562 โทราฟ ออสแวง ชายสูงอายุชาวนอร์เวย์ ได้เตรียมใช้ Apple Watch บันทึกข้อมูลการนอน แต่ไม่นานเขาก็เบลอและล้มลงจนสลบไป และเมื่อโทลาฟตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่เขาเห็นตำรวจสี่นายกำลังล้อมตัวและช่วยเหลือเขาอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่แพทย์ได้รับการแจ้งจาก Apple Watch ของโทลาฟว่าความดันโลหิตของเขาลดต่ำลง และอาจจะเกิดอันตรายได้ จึงได้รีบเข้าไปช่วยเหลือ และพบโทลาฟนอนหมดสติในห้องน้ำ โดยมีแผลแตกที่ศีรษะ และโทลาฟก็กล่าวกับสื่อว่า Apple Watch ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ และยังมีอีกหลายคนที่สามารถรอดช่วงวินาทีเป็นตายมาได้ ผ่านเทคโนโลยีของ Apple ซึ่งทำให้ ทิม คุก ซีอีโอของบริษัทได้ส่งจดหมายถึงผู้รอดชีวิต เพื่อแสดงความขอบคุณและจะนำไปเป็นแรงบันดาลพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปในอนาคต เชิงอรรถ iOS 14.5 tries to solve Face ID’s mask problem with your Apple Watch Teenage girl reveals how Apple Watch saved her life Apple Watch Series 4 fall detection summons emergency services, saves elderly man