Amazon (Online Shopping) : เคล็ดไม่ลับแต่หลายคนอาจมองข้ามมันไป หลายคนรู้จักกันดีกับ Amazon ไม่ใช่สถานที่ ไม่ใช่ร้านขายกาแฟ แต่จะพูดถึงเว็บไซต์ซื้อของออนไลน์ แนะนำตัวมันก่อนเลยละกัน เผื่อบางคนยังไม่รู้ Amazon คือเว็บในการซื้อของออนไลน์ที่มีขายแทบทุกอย่างบนโลกเลยทีเดียวซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือมากและเป็นที่นิยมในหลายๆประเทศ และสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศอเมริกา ดังนั้นในอเมริกาจึงนิยมเป็นอย่างมากเพราะมีสิทธิประโยชน์เยอะแยะมากมาก ยิ่งไปกว่านั้นสินค้าเมื่อได้มาแล้วไม่ถูกใจสามารถนำไปคืนได้ตามเงื่อนไข ในวันนี้จะมาแนะนำเคล็ดไม่ลับเล็กๆน้อยๆสำหรับการซื้อของให้ถูกใน Amazon 1. Prime member สิทธิประโยน์แรกคือ Prime นี่แหละ ที่สำคัญมันฟรีในทุกๆอีเมลสำหรับการกดเข้าไปสมัครจะฟรี 30 วัน โดยสิทธิประโยชน์ของ Prime มีมากมายเช่น ส่งสินค้ารวดเร็วภายใน 2 วัน บางครั้งสั่งวันนี้ได้พรุ่งนี้เลยก็อาจจะเป็นไปได้ และสิทธิประโยชน์ในการอ่านหนังสือฟรี ดูหนังฟรี ฟังเพลงฟรี ตลอดอายุการใช้งาน Prime เลยนะ แต่ว่าสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ไปศึกษาต่อในอเมริกาไม่เพียงแค่ฟรี 30 วัน แต่ฟรีถึง 6 เดือนด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสมัครต่ออายุหลังจาก 6 เดือนยังเสียแค่ $0.99 ต่อเดือนอีกด้วยในช่วงโปรโมชั่น (ราคานี้อาจเปลี่ยนแปลงได้) ฉะนั้นใครเป็นนักเรียนที่เรียนอยู่รีบไปสมัครเลย แต่ต้องใช้อีเมลจากมหาลัยที่เราเรียนเท่านั้นนะนั่นคืออีเมลของมหาลัยที่เราเรียนซึ่งทุกมหาลัยในอเมริกาจะมีอีเมลเฉพาะแต่ละมหาลัย คลิกตรง Prime แล้วกดสมัครสมาชิกได้เลย ง่ายๆแค่นี้เอง 2. Prime Wardrobe ในหลายครั้งการซื้อเสื้อผ้ามีปัญหามากมายทั้ง ขนาดไม่ได้ สีไม่สวย เนื้อผ้าไม่ดี ทาง Amazon เลยมี Prime Wardrobe ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ชื่อนี้อาจจะแปลกตาไม่ค่อยคุ้นกันเท่าไหร่ แต่วิธีนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ซื้อเสื้อผ้า รองเท้าหรือเครื่องประดับต่างๆ เพราะว่าเป็นการลองซื้อผ้าของคุณก่อนตัดสินใจซื้อมันเจ๋งใช่มั้ยหล่ะ ได้ลองสี size และเนื้อผ้าที่เราต้องการก่อนจะซื้อ โดยเงื่อนไขคือ Amazon จะส่งสิ่งของมาให้เราตัดสินใจภายใน 7 วันว่าชอบสินค้าชิ้นไหน จะเลือกชิ้นไหนโดยชิ้นที่เราไม่ได้เลือกก็เอาใส่กล่องและส่งคืนโดยจะมีพนักงานมารับสินค้าที่เราคืนอีกด้วย ไม่ต้องไปส่งเองให้เสียเวลา แต่ถ้าเราซื้อ 3-4 ชิ้นจะได้ลด 10% และถ้าซื้อมากกว่านั้นจะได้ลด 20% เงื่อนไขนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ โดยถ้าเราต้องการใช้บริการนี้ให้เลือกช่อง Prime Wardrobe ภาพจาก https://www.makeuseof.com/tag/what-is-amazon-prime-wardrobe/ 3. Subscribe & Save วิธีการกด Subscribe & Save เป็นการบอกว่าเราจะซื้อสินค้านี้ทุกๆกี่เดือนโดย Amazon จะหักเงินเราไปในทุกๆครั้งที่เราซื้อ หมายความว่าถ้าเราตั้งให้สินค้าส่งทุกๆ 3 เดือน สินค้าจะมาส่งทุก 3 เดือนโดยอัตโนมัติและตัดเงินเราโดยอัตโนมัติเช่นกัน แต่แลกมาด้วยการลดราคา 5% ในแต่ละครั้งและถ้าครบกี่ครั้งๆ(แล้วแต่ชนิดของสินค้า) จะได้ลดเพิ่มอีก 15% ดังนั้นวิธีนี้เหมาะมากกับคนที่ต้องซื้อของเป็นประจำทุกเดือนให้เขาส่งมาให้ทุกๆเดือนหรือทุกๆกี่เดือนก็ได้แล้วแต่เราซึ่งเราสามารถเปลี่ยนและยกเลิกได้ตลอดเวลา แต่!!!! จุดบอดเล็กๆคือยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้นี่แหละทำให้เราประหยัดแม้จะซื้อสินค้าเพียงครั้งเดียวเราก็สามารถกดไปก่อนแล้วไปยกเลิกทีหลัง แต่ห้ามลืมยกเลิกหล่ะไม่งั้นเดือนถัดไปอาจะเสียเงินและสินค้ามาส่งโดยไม่รู้ตัว จากรูปให้เลือก Subscribe & Save จะเห็นว่าเราได้ส่วนลด 5% ครั้งแรก ถ้าไม่ต้องการซื้ออีกก็ยกเลิกได้เลยหลังจากซื้อเสร็จแล้ว โดยไปยกเลิกที่ปุ่ม cancel Subscribe & Save แค่นี้ก็ไม่ต้องซื้อสินค้าต่อเนื่องและจะเห็น 15% อันนั้นจะได้ลดเมื่อสั่งสินค้าครบครั้งที่ 5 อย่างต่อเนื่อง 4. Promotion การซื้อของใน Amazon นั้นในบางครั้งถ้าเราอยากได้ของในราคาถูกที่สุดเราต้องอ่านว่าสินค้ายี่ห้อไหนที่มีโปรโมชั่นหรือคูปองซื้อถ้ามีให้เราเลือกช่องนั้นด้วยเผื่อที่จะได้คูปองฟรีโดยไม่ต้องใช้ Code หรือในบางกรณีเราจะได้ลดราคาถ้าเราซื้อเกิน 1 ชิ้นไปเช่นกันโดยระบบจะเขียนไว้ข้างใต้สินค้าเราว่า Multiple discount แต่ถ้าทำตามด้านบนแล้วไม่มีอย่าพึ่งท้อลองใช้เว็บไซต์นี้ในการหาส่วนลด https://www.retailmenot.com/view/amazon.com เว็บนี้จะช่วยเราในการหาส่วนลดหรือ Code เอาไว้กรอกตอนสุดท้ายก่อนจ่ายเงิน ดังนั้นก่อนจะซื้อลองเช็คให้ดีก่อนแล้วคุณจะได้ของราคาถูกมาครอบครองแน่นอน กดเลือกตามลูกศรได้เลย ให้เลือกคูปองก่อนกดซื้อนะจะได้ลดราคาเเต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องกังวลกดต่อไปจนเห็นช่องให้กรอก code แล้วเข้าลิงค์ที่บอกไปหา code มาใส่ ง่ายๆแค่นี้เอง 5. Comparison Amazon มี function ในการเปรียบเทียบราคาในแต่ละบริษัทที่ขายให้เราลองกดเข้าไปดูก่อนทุกครั้งเพราะเราไม่รู้ว่าหน้าจอที่เราซื้อตอนนั้นถูกที่สุดหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นเราสามารถดูวันที่จะมาส่งได้อีกด้วยเพราะในบางครั้งบริษัทที่ราคาถูกแต่มาส่งไม่ทันวันที่เราต้องการ เราจะได้เลือกอีกบริษัทหนึ่งที่มีเงื่อนไขตรงกับที่เราต้องการได้ ของจะได้มาส่งก่อนวันที่เราต้องการใช้มันยังไงหล่ะ เป็นยังไงบ้าง เทคนิคเล็กๆน้อยๆ อาจจะไม่ได้ลดเยอะแยะมากมายเพราะปกติของในนี้ก็มีราคาที่ไม่แพงอยู่แล้วแต่ถ้าเราซื้อสินค้าเยอะๆก็ลดราคาไปได้หลายบาทเลยนะ เป็นร้อยเป็นพันเลยนะ อย่าดูถูกวิธีการเล็กๆน้อยๆ นอกจากลดราคาแล้วบางวิธียังได้สินค้าตามที่เราต้องการอีกด้วย อย่าลืมไปลองทำตามกันหล่ะ แล้วดูซิว่าเราจะประหยัดไปได้แค่ไหน ภาพหน้าปกจาก https://www.techradar.com/news/more-amazon-delivery-restrictions-are-coming รูปภาพทุกรูปจาก www.amazon.com