วันที่ 5 ของการเดินทาง วันนี้แพลนตามที่ทัวร์จัดไว้ให้คือ เที่ยวเมืองอิสตันบูลล้วนๆ ผมก็ไม่ค่อยคาดหวังอะไรมาก นอกจาก "ที่นี่ street food น่าลอง เดี๋ยวต้องซื้อหน่อยละ" เริ่มมาวันนี้ไปเที่ยวที่ฮาเกีย โซเฟียก่อนเลย ที่นี่เมื่อก่อนเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา ต่อมาเปลี่ยนเป็นสุเหร่าของศาสนาอิสลาม ตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่แสดงถึงความหลากหลายของคนตุรกี ว่ามีทั้งคนศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามเป็นประชากรส่วนใหญ่ในประเทศ (อันนี้ตามความเข้าใจผมนะครับ ถ้าผิดตรงไหนก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย) เดินรอบๆพิพิธภัณฑ์แล้ว ผมก็เดินออกมาซื้อขนมที่ขายตามรถเข็น รถพวกนี้สามารถเจอได้ทั่วไปในอิสตันบูล ที่ผมซื้อมาเป็นขนมเหมือนเอาขนมปัง Au Bon Pain มา แล้วเอาช็อคโกแลตมาทาบนขนมปังเป็นแซนวิช ระหว่างที่ทานแซนวิชไป ก็เดินไปที่พระราชวังโทพคาปิ (Topkapi Museum) เดินชมบรรยากาศในพระราชวังเก่า ที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นเหมือนมิวเซียมให้คนเข้าไปดู เดินไปก็นึกถึงอารมณ์คนต่างชาติมาเดินดูพระที่นั่งอนันตสมาคมของไทย อารมณ์น่าจะคล้ายๆกัน ด้านนอกของพระราชวังติดกับช่องแคบบอสฟอรัส เราสามารถเดินออกไปดูวิวริมแม่น้ำ และมองข้ามไปอีกฝั่งของตุรกีได้ด้วย เสร็จแล้วก็เดินไปทานข้าว แล้วค่อยไปท่าเรือ เพื่อที่จะไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ นั่งชมบรรยากาศสองฝั่งของตุรกี บางคนจะนั่งอยู่ข้างในก็ได้ บางคนจะออกไปเดินที่หัวเรือก็ได้ หรือจะทำแบบผม แล้วเดินไปถ่ายรูปที่ชั้นบนของเรือก็ได้ แต่ลมจะพัดแรงหน่อย (ไม่หน่อยหรอก ถ้าเราทิ้งตัวไปข้างหลัง ลมน่าจะพัดจนเราล้มหน้าทิ่มอ่ะ 55555) หลังจากนั่งกินช็อคโกแลตไป ชมวิวไปสักพัก ก็กลับขึ้นฝั่งที่ท่าเรือเดิม แล้วไปที่ Spice Market เพื่อที่จะไปซื้อของฝาก+ช็อปของกิน ไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้นแหละ ได้ของมาเรียบร้อย ตอนนั้นซื้อถั่วพิสตาชิโอ่มา 1 ถุง (300 กรัม) กับ ฮันนี่ เตอร์กิช ดีไลท์ กล่องเล็ก มา 1 กล่อง (อร่อยมากกกกก อยากกลับไปซื้ออีก) ระหว่างที่เดินไปรอบๆ ก็เจอร้านรถเข็นขายพวงกุญแจ คนขายก็ชวนคุยแบบเฟรนลี่มาก แล้วก็ถามว่า "พวงกุญแจอันนี้ (พวงกุญแจกล้อง) ซื้อมาจากไหน" ผมก็บอกไปว่า "หัวหิน ที่เที่ยวที่หนึ่งในประเทศผมเอง" เขาก็ถามว่ามาจากไหน ผมบอกไปว่ามาจากกรุงเทพฯ เขาเลยเอาป้ายที่เขียนราคาหน้าร้านเขามาให้ดู ป้ายนั้นมีคำว่า "อันละ 2 ลิร่า" อยู่ด้วย ผมก็ชมไปนะ ว่าเขียนสวย แล้วก็คิดในใจว่า "คนไทยมาเยอะถึงขั้นเขาเขียนไทยเป็นเลยเหรอ 5555" เสร็จแล้วก็ขอซื้อพวงกุญแจ ผมเอามา 3 อัน แล้วก็ถามว่า "Can you do 3 for 5 Lira?" เขาก็ถามกลับว่า "I don't know, can I?" ผมก็แบบ "ตอบไงดีวะ 555555" แล้วตอบไปว่า "Yes?" เขาก็ยอมขายให้ 5 ลิร่า ผมก็รับมา แล้วก็เอาพวงกุญแจมาห้อยที่กระเป๋าทันที พอใกล้ถึงเวลานัดแล้ว ผมก็ออกมาเดินรอบๆ Spice Market ก็เจอร้านขายอาหารสัตว์อยู่รอบๆ แล้วก็เจอ... ให้ทายว่าเจออะไร 3 2 1 เจอ.... แมว อีกแล้ว!! 555555 แล้วไม่ได้เจอนอนอยู่นะ เจอมันกินอาหารที่เจ้าของร้านขายอยู่ด้วย Turkey Only ครับท่านผู้อ่าน 555555 พอทุกคนมารวมตัวกันแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางไปอีกตลาด ที่ชื่อว่า Grand Bazaar ที่นี่มีเพื่อคนสายช็อปล้วนๆ ไล่ตั้งแต่เสื้อบอล แม็กเน็ต กระเป๋าหนัง รวมไว้ที่นี่หมดเลย ผมเดินไปรอบๆ ได้แม็กเน็ตมา 3 อัน แล้วก็อยากได้เสื้อบอลกลับบ้านไปอีกสักตัว ผมก็เดินเจอร้านหนึ่งขายเสื้อโรม่า หร้อมปักชื่อ Cengiz Under ด้านหลัง แต่ว่าตัวนั้นราคาเกินเป้าที่ผมตั้งไว้ เลยขอผ่านไป ไปอีกร้านหนึ่ง เจอเสื้อทีมชาติโปแลนด์ พร้อมเบอร์ 9 และชื่อ Lewandowski ด้านหลัง ตัวนี้ราคา 65 ลิร่า แต่ว่าผมมีแค่ 50 ลิร่า เขาเลยบอกว่า "เอางี้ ลดให้ได้ แต่ว่าอาจจะไม่มีไซส์" ซึ่งมันก็ไม่มีจริงๆ มีแต่ไซส์ S ที่ไม่มีใครในบ้านผมใส่ได้ 55555 ผมเลยบอกไปว่าไม่มีใครใส่ได้ เขาเลยบอกอีกว่า "Here, I'll sell you for 30 Lira, you can buy it for your nephew or brother" ผมก็แบบว่า ไม่มีใครใส่ได้ไง ลูกพี่ลูกน้องผมก็ต้อง M อย่างต่ำ ผมเลยตัดปัญหาง่ายๆ โดยบอกว่าต้องรีบไปแล้ว เพราะเดี๋ยวต้องไปนัดเจอคนอื่นอีก เพราะตอนนั้นใกล้เวลานัดแล้วจริงๆ ผมก็รีบเดินออกมาแล้วก็กลับไปที่จุดนัดพบ ก่อนที่จะไปกินข้าวแล้วกลับที่พัก