หลายๆ คนคงเคยใช้ Excel Filter กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่รู้เทคนิคที่จะทำให้เราใช้ Filter ใน Excel ได้รวดเร็วมากขึ้น ถ้าจำได้และใช้คล่องๆ ก็จะช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้นมากเลยนะ มีอะไรบ้างไปดูกันเลย 😁 ทิปที่ 1: Ctrl + Shift + Lคลิกเลือกที่ Cell ใดก็ได้ที่ต้องกการให้ด้านบนมี Filter หลังจากนั้นใช้ Shortcut Ctrl + Shift + L(ภาพแสดงการเรียกใช้งาน Filter โดยใช้ Shortcut key Ctrl + Shift + L)ใช้ Shortcut key Ctrl + Shift + L เรียกกใช้ Filter น่าจะเร็วกว่าการใช้เมาส์ไปกดเรียกคำสั่ง Filter ออกมา (ภาพแสดงการเรียกใช้คำสั่ง Filter) ทิป 2: เพิ่ม Filter เข้าไปใน Quick Access Toolbarวิธีก็ช่วยให้เราเรียกใช้ Filter ได้เร็วมากขึ้นอีกเล็กน้อย วิธีเพิ่มก็ง่ายๆ แค่ไปคลิกขวาที่คำสั่ง Filter และเรียกใช้คำสั่ง "Add to Quick Access Toolbar" เพียงเท่านี้ก็จะมีคำสั่ง Filter ไปอยู่ที่ Quick Access Toolbar แล้ว ง่ายสุดๆ (ภาพแสดงการเพิ่มคำสั่ง Filter ไปที่ Quick Access Toolbar)(ภาพแสดงคำสั่ง Filter ที่ถูกเพิ่มเข้าไปที่ Quick Access Toolbar) ทิป 3: คลิกขวาเพื่อเรียกกใช้คำสั่ง Filter โดยตรงวิธีนี้ก็เพียงแค่คลิกกขวาที่ข้อมูลที่เราต้องการทำ Filter แล้วก็เลือกได้เลยว่าจะ Filter ตาม Value, Color, Font Color หรือ Icon เลือกได้ตามสะดวก หลังจากเรียกใช้ Filter แล้ว เราก็สามารถปรับเปลี่ยน Filter ของเราได้ตามปกติทิป 4: Detailed FilterMicrosoft Excel ได้เตรียมเงื่อนไขสำหรับใช้ใน Filter ไว้ให้เราหลายตัวด้วยกกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร ตัวเลขหรือวันที่ โดยเราสามารถเลือกใช้เงื่อนไขเหล่านั้นได้ง่ายๆ เลย(ภาพแสดงการใช้งาน Text Filters)(ภาพแสดงการใช้งาน Number Filters) ทิป 5: ค้นหาใน Filterหลังจากที่เราเรียกใช้งาน Filter แล้ว และถ้าต้องการแสดงเฉพาะข้อมูลที่ต้องการ ให้เอาเมาส์ไปคลิกที่ Filter ที่หัวคอลัมน์ที่ต้องการแล้วเลือกข้อมูลที่ต้องการแสดงได้ หรือจะใช้การค้นหาใน "Search box" ก็ทำได้เช่นกัน โดยโปรแกรม Microsoft Excel จะเลือกข้อมูลที่เข้ากับเงื่อนไขที่เราใส่ลงไปใน Search box (ภาพแสดงการใช้ Search box ใน Fitter โดยในตัวอย่างค้นหาด้วยตัว "a" ตัว Filter จะแสดงข้อมูลที่มีตัว a ออกมาให้) ทิป 6: ใช้ Wildcards ในการค้นหาใน Filterใน Microsoft Excel นั้น Wildcard คือตัวอักขระพิเศษที่เป็นเหมือนตัวแทนของตัวอักษรตัวใดๆ ก็ได้ ดังนั้นถ้าเราต้องการค้นหาข้อความบางอย่างแต่ไม่แน่ใจว่าคืออะไร เราสามารถใช้ Wildcard แทนที่ได้ Asterisk (*) หรือดอกจัน เป็น wildcard ที่ใช้งานกันโดยทั่วไป โดย asterisk (*) จะแทนตัวอักษรจำนวนกี่ตัวก็ได้ เช่นถ้าต้องการหา score มากกว่า 90 เราสามารถใส่ข้อมูลพร้อมกับ wildcard ในช่อง Search box ดังนี้ " 9* " (ภาพแสดงการใช้ wildcard ในช่อง Search box)(ภาพแสดงผลลัพธ์จากการใช้ wildcard ในช่อง Search box) Question mark (?) หรือเครื่องหมายคำถาม เป็น wildcard อีกแบบหนึ่ง แทนตัวอักษรเพียงหนึ่งตัว ซึ่งจะช่วยให้เราค้นหาข้อมูลในแบบที่เฉพาะเจาะจงได้มากขึ้นไปอีกเช่น ถ้าเราต้องการข้อมูลของคนที่มีชื่อขึ้นต้นด้วยตัว J และตามด้วยตัวอักษรอีก 3 ตัว เราสามารถค้นหาในช่อง Search box โดยใช้ตัวอักษร J และตามด้วยเครื่องหมายคำถามอีก 3 ตัว โดยจะได้เป็น "J???" สำหรับชื่อใดๆ ที่ไม่เข้าเงื่อนไขก็จะถูกซ่อนเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะขึ้นต้นด้วยตัว J แต่ตัวอักษรตามหลังไม่ครบ 3 ตัวก็จะไม่ถูกแสดงออกมาโดยในภาพแรกทดลองพิมพ์ตัว J ลงไปในช่อง Search box จะเห็นว่าใครที่มีตัว J จะแสดงขึ้นมา ในที่นี่พบอยู่ 2 ชื่อด้วยกัน(ภาพแสดงการใช้ wildcard ใ่นช่อง search box โดยพิมพ์ตัว J เท่านั้น) ภาพที่สองทดลองใช้การพิมพ์ J??? (J และ wildcard ? อีก 3 ตัว) จะได้เงื่อนไขเป็น ชื่อที่ขึ้นต้นด้วยตัว J และตามด้วยตัวอักษรอีก 3 ตัว โดยจะพบเพียง 1 ชื่อเท่านั้นที่เข้าเงื่อนไข (ภาพแสดงการใช้ wildcard ใ่นช่อง search box โดยพิมพ์ตัว J และตามด้วย wildcard ?) Tide (~) หรือตัวหนอน ตัวนี้จะใช้วางข้างหน้าตัวอักขระที่ปกติเป็น wildcard เพื่อบอก Microsoft Excel ว่าตัวที่พิมพ์นี้ไม่ใช่ wildcard นะ โดยจะเป็นการค้นหาตัวดอกจัน (~*) หรือเครื่องหมายคำุถาม (~?) หรือค้นหาตัวหนอน (~~) โดยไม่ได้ใช้ความสามารถของ wildcard และไม่ถือว่าตัวที่พิมพ์เป็น wildcardวิธีการใช้ก็แค่พิมพ์ตัวหนอน (~) เอาไว้ข้างหน้าแค่นั้นเอง ปกติเราจะใช้แป้นตัวหนอน (~) ในการเปลี่ยนภาษาใช่ไหมครับ เราสามารถพิมพ์ตัวหนอนได้ง่ายๆ นะ โดยการกดปุ่มตัวหนอนค้างไว้สักพักหนึ่่ง ตัวอักษรจะปรากฏขึ้นมา(ถ้ามีขึ้นมาเยอะก็ลบทิ้งเอานะ 😐)สมมตินะว่าเรามีข้อมูลเพิ่มขึ้นมาอีกบรรทัด สำหรับชื่อของนักเรียนคนนี้เป็น *** (ดอกจัน 3 ตัว)(ภาพแสดงข้อมูลที่มี *** อยู่ในข้อมูล)จากภาพด้านล่างได้ทดลองใช้การพิมพ์ *** เพื่อค้นหาข้อมูลที่ต้องการ แต่ Microsoft Excel นั้นเข้าใจว่า *** คือ wildcard เลยทำการแสดงข้อมูลทั้งหมดออกมา(ภาพแสดงการพิมพ์ *** ลงไปในช่อง Search box โดย *** ยังทำงานในหน้าที่ของ Wildcard อยู่) ทดลองใหม่ ใช้ตัวหนอน (~) เพื่อบอก Microsoft Excel ว่า ตัวอักษรที่ตามหลังมาไม่ใช่ wildcard แต่อย่างใด จะเห็นว่าเราได้ข้อมูลที่ต้องการแล้ว (ภาพแสดงการพิมพ์ ~* ลงไปในช่อง Search box โดย ~ นั้นบอกว่า ตัวดอกจันที่ตามหลังมา ไม่ได้ทำหน้าที่เป็น wildcard แต่อย่างใด) ทิป 7: SlicerSlicer จะทำให้เราใช้งาน Filter ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้เมาส์ไปคลิกที่ Filter ซ้ำไปซ้ำมา แต่ในขั้นแรกก่อนที่จะใช้งาน Slicer นั้นเราจำเป็นต้องเปลี่ยนข้อมูลของเราให้อยู่ในรูปของ Table ซะก่อน วิธีง่ายๆ ก็ลากคลุมข้อมูลทั้งหมดของเราแล้วไปที่ Tab Insert เลือกที่คำสั่ง Table หรือจะใช้ Shortcut key Ctrl + T ก็ได้นะครับ 😎(ภาพแสดงการเปลี่ยนข้อมูลให้อยู่ในรูปของ Table)(ภาพแสดงข้อมูลที่อยู่ในรูปของ Table) หลังจากนี้เราสามารถใช้งาน Slicer ได้แล้วครับ วิธีการก็ง่ายมาก โดยให้เอาเมาส์ไปกดเลือกที่ cell ใดก็ได้ใน Table ไว้ก่อนนะแล้วก็ไปที่ Tab Insert กดที่คำสั่ง Slicer หลังจากนั้นจะเห็นว่ามีหน้าต่างเล็กๆ ปรากฏขึ้นมา โดยจะแสดงชื่อหัวคอลัมน์ใน Table ที่เราทำงานอยู่ โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกคอลัมน์ไหนบ้างมาใช้งาน(ภาพแสดงการใช้งานคำสั่ง Slicer) (ภาพแสดงผลการเพิ่ม Slicer) ลองใช้ Slicer โดยเลือก Gender หรือเพศที่เป็นผู้หญิงออกมา จะเห็นว่าข้อมูลก็เลือกเฉพาะเพศหญิงออกมาให้ เหมือนกับการเลือกด้วย Filter เลยครับ แต่สะดวกกว่า(ภาพแสดงการใช้งานคำสั่ง Slicer เพื่อเลือกข้อมูล) สุดท้ายนี้จะบอกว่า ในเงื่อนไขต่างๆ เราสามารถเลือกได้มากกว่า 1 เงื่อนไขด้วยนะ เช่น Grade ตอนนี้มี A, B+ และ B เราสามารถเลือกได้มากกว่า 1 ตัว (ปกติถ้าเราเอาเมาส์ไปคลิกเลือกจะได้แค่ตัวใดตัวหนึ่ง) ให้เราใช้การกดปุ่ม Ctrl บนคีย์บอร์ดพร้อมกับกดเลือกตัว Grade อื่นๆ ที่ต้องการไปด้วย ในภาพจะลองเลือก B และ B+ ออกมาข้อมูลก็จะเปลี่ยนไปตามที่เราเลือกไว้ ง่ายสุดๆ (ภาพแสดงการใช้ Slicer พร้อมเลือกเงื่อนไขมากกว่า 1 เงื่อนไข)วันนี้มีทิปมาให้ 7 แบบกันก่อน ถ้าใครมีอะไรเด็ดๆ มากกว่านี้มาบอกด้วยนะครับ 😁ภาพโดยนักเขียนหมีขั้วโลก ทอดกรอบ〔´(エ)`〕เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !