ภาพจาก https://unsplash.com/photos/UH-xs-FizTk การจะเลี้ยงลูกให้ดีนั้นไม่ใช่เพียงแต่ว่า ส่งเสียการศึกษาเล่าเรียน อย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องสั่งสอนลูกให้เป็นคนดีด้วย และ ที่สำคัญมากที่สุด เมื่อขึ้นชื่อว่าลูกแล้วก็ต้องการได้รับความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่จากผู้เป็นพ่อ และ แม่ ซึ่งพ่อแม่แต่ละคนก็จะมีวิธีการในการเลี้ยงลูกที่แตกต่างกันไป บางครอบครัวก็เข้มงวด บางครอบครัวก็เลี้ยงแบบเป็นกันเอง บางครอบครัวก็เลี้ยงแบบตามใจ ซึ่งสุดท้ายแล้ว คนที่เกิดเป็นลูกจะโตมามีลักษณะอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญดังนั้นวันนี้ผมจึงได้นำลักษณะสำคัญ 7 ข้อที่พ่อแม่ควรมี เพื่อที่จะอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูลูก ให้โตมาเป็นคนที่ดีมีคุณภาพของสังคม และ ประเทศชาติภาพจาก https://unsplash.com/photos/httxBNGKapo 1. ต้องไม่ขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตมาพูด แน่นอนว่าเด็กทุกคนที่เกิดมาย่อมมีเรื่องที่ต้องทำผิดพลาดเป็นประจำ แต่ว่าถ้าหากพ่อแม่นำความผิดพลาดนั้นขุดคุ้ยขึ้นมาพูด และ ซ้ำเติมลูกอยู่บ่อยครั้ง จะทำให้ลูกรู้สึกไม่มีที่พึ่งพาทางใจ และจะหนีไปพึ่งอย่างอื่นแทน เช่น ยาเสพติด การพนัน ทางที่ดีแล้วเมื่อเกิดความผิดพลาดควรสั่งสอนลูก ตามเหตุ และ ผล เพื่อให้เขาจดจำเป็นบทเรียนแก่ตัวเขาเอง 2. คอยดูแลให้ลูกมีระเบียบวินัยอยู่เสมอ ระเบียบวินัยนี้ค่อนข้างสำคัญมากเมื่อเขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่เขาจะมีชีวิตที่มีคุณภาพ หรือ ไร้คุณภาพก็ขึ้นอยู่กับระเบียบวินัยเป็นสำคัญ หาแค่เพียงคุณสั่งสอนเขาไปหนึ่งครั้ง แล้วเขาก็จะเริ่มทำเป็นนิสัยของเขาไปเองโดยที่คุณไม่ต้องไปสอนเขาอีกหลาย ๆ ครั้งแต่ถ้าหากคุณไม่ได้สอนเขาเลย เขาก็ทำตามใจของเขาจนเคยชินสุดท้ายผลลัพธ์ก็คือ เขาจะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ไร้คุณภาพนั่นเอง 3. ต้องไม่ตามใจลูกมากเกินไป บ่อยครั้งที่ลูกอยากจะได้ในสิ่งที่ต้องการ บ่อยครั้งที่จะออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ในที่ที่ไม่เหมาะสม บ่อยครั้งที่เรียกร้องสิ่งที่เกินความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต พ่อแม่ที่ดีมีหน้าที่ที่จะพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ว่าสมควรแก่การได้รับหรือไม่ โดยพิจารณาด้วยเหตุ และ ผลตามประสบการณ์ของพ่อแม่ที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกอยากได้อะไรก็ต้องได้จนเกิดเป็นนิสัยที่ไม่ดีนั่นเองภาพจาก https://unsplash.com/photos/Wr3HGvx_RSM 4. พ่อแม่ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี เมื่อลูกเกิดความผิดพลาดใด ๆ ก็ตาม หรือว่ามีปัญหาค้างคาใจที่อยากจะหาผู้ปรึกษา แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนแล้วก็คงต้องเป็นพ่อแม่ที่ลูกจะหันหน้าเข้าหาปรึกษา ถ้าหากลูกทำผิดพลาดอะไรไป พ่อแม่ควรเป็นผู้รับฟังที่มีเหตุผล ไม่ใช้คำหยาบคาย ไม่ใช้ความรุนแรงไม่ใช้อารมณ์ และ ถ้าลูกมีเรื่องจะปรึกษา ไม่ควรบังคับให้เขาทำตามที่ใจเราต้องการ แต่ควรแนะนำให้ทางเลือกที่ดีที่สุดแก่ตัวเขาเอง เพื่อให้เขาได้ทำการตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าเกิดความผิดพลาดใดก็จะเป็นบทเรียนต่อตัวเขาในอนาคต 5. ต้องเข้าใจในตัวของลูก หลายครั้งพ่อแม่อาจส่งเสริม หรือ สนับสนุนให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่ชอบ เช่น ให้ไปเรียนพิเศษ ทั้ง ๆ ที่ลูกเป็นคนชอบออกกำลังกาย อยากจะเตะฟุตบอล แต่พ่อแม่ก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ แบบนี้คือไม่ถูกต้อง พ่อแม่ควรจะเข้าใจในความรู้สึกของลูก ๆ และ สนับสนุนในความต้องการของลูก ถึงแม้มันอาจจะไม่ก่อประโยชน์ใด ๆ ก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วถ้าหากสิ่งนั้นทำให้ลูกของเรามีความสุข พ่อแม่ก็ควรจะยินดีกับลูกด้วย บางครั้งพ่อแม่ก็ต้องอดทน อย่างบางครอบครัว ลูกชอบเพลงร็อค แต่พ่อแม่ชอบเพลงลูกทุ่ง เมื่อลูกเปิดเพลงร็อคพ่อแม่ก็ต้องอดทนฟังเพลงร๊อคกับลูกไม่ใช่สั่งให้ลูกปิด และ เปิดเพลงลูกทุ่งที่ตัวเองชอบภาพจาก https://unsplash.com/photos/8pfI-L-acL4 6. แสดงออกถึงความรักด้วยความจริงใจ พ่อแม่ต้องเป็นฝ่ายแสดงออกความรักต่อลูก เพื่อให้ลูกสัมผัสได้ถึงความรักที่เขามีต่อตัวลูก ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดเท่านั้น แต่จะต้องแสดงออกผ่านทางการกระทำด้วย เตรียมกับข้าวเย็นให้ลูกอาจดูเหมือนเป็นงานที่แม่บ้านทุกคนจะต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว แต่มันจะต่างอะไรกับข้าวที่ลูกไปซื้อกินข้างนอก ที่ต่างกันก็เพราะว่ากับข้าวที่แม่ทำที่บ้านนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักจากคุณแม่ ซึ่งอยากให้ลูกได้กินของดี ๆ อร่อย ๆ นี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกสัมผัสได้ว่าผู้เป็นพ่อเป็นแม่นั้นรักเขามากเพียงไรภาพจาก https://unsplash.com/photos/FqqaJI9OxMI 7. ต้องไม่เปรียบเทียบลูกตัวเองกับลูกคนอื่น นี่คือเรื่องสำคัญมากที่กระทบจิตใจของลูกได้ หลายครั้งลูกค้าได้เกรดเฉลี่ยไม่ดีเท่าคนอื่น พ่อแม่ก็กล่าวโทษลูกว่าไม่ตั้งใจเรียน ไม่ส่งงานบ้าง จากนั้นก็จะบังคับไปเรียนพิเศษ งดดูโทรทัศน์ งดเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะสร้างความกดดัน และ ความทุกข์ใจให้ลูกอย่างมหาศาล เมื่อเขากลับบ้านมาเขาจะรู้สึกไม่มีความสุขที่ได้อยู่กับพ่อแม่ นานวันเข้าจึงเกิดความห่างเหินระหว่างครอบครัว ทางที่ดีนั้น เมื่อลูกได้เกรดเฉลี่ยไม่ดีแล้วพ่อแม่ควรให้กำลังใจว่า เทอมหน้าเอาใหม่ หรือ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว แม่ภูมิใจในตัวลูก เมื่อทำแบบนี้ลูกจะรู้สึกว่าที่บ้านเป็นสถานที่ที่อบอุ่น และ ไว้วางใจได้ เขาจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับมา