หน้ากากอนามัย ถูกผลิตขึ้นเพื่อให้ผู้ที่ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับด้านสุขภาพสวมใส่ขณะดำเนินการทางการแพทย์ ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อในผู้ป่วยและบุคลากรที่รักษาโดยหน้ากากอนามัยมีหน้าที่ดักจับแบคทีเรียที่ติดกับละอองของเหลวที่ออกมาจากปากหรือจมูกของผู้สวมใส่ โดยคนส่วนมากยังเข้าใจผิดว่าหน้ากากอนามัยถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันผู้สวมใส่จากการสูดดมแบคทีเรียที่ลอยมาทางอากาศเนื่องจากแบคทีเรียที่มากับอากาศมีขนาดเล็กเกินไปทำให้หน้ากากอนามัยไม่สามารถดักจับได้ โดยหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วจัดเป็นขยะติดเชื้อจึงจำเป็นอย่างมากในการทิ้งและกำจัดอย่างถูกวิธี ตั้งแต่ต้นปี 2020 ได้มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้มีผู้ติดเชื้อในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย และหนึ่งในวิธีที่สามารถลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ได้ดีคือสวมหน้ากากอนามัย ถึงแม้การแพร่ระบาดจะลดน้อยลงแต่กลับกันขยะที่เกิดจากหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลของ RE-THINK Taiwan ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรได้ระบุว่าพบหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วบนชายหาดเกือบทุกแห่งของไต้หวันตั้งแต่ช่วงแรกของโรคโควิด-19ระบาด และเป็นไปได้ว่าหน้ากากส่วนหนึ่งได้ถูกทิ้งอยู่ในทะเลแล้ว การกำจัดขยะจากหน้ากากอนามัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่เชื่อใหม่และสะดวกแก่หน่วยงานภาครัฐในการนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีอีกด้วย โดยขั้นตอนการทิ้งหน้ากากอนามัยสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียง 7 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. ถอดหน้ากากอนามัยโดยห้ามสัมผัสด้านใน และด้านนอกของหน้ากาก 2. พับ หรือม้วนหน้ากากอนามัยเก็บส่วนที่สัมผัสร่างกายไว้ด้านใน 3. ใช้สายรัดพันไว้รอบหน้ากาก 4. ใส่ถุง โดยแยกจากขยะประเภทอื่น พร้อมรัดปากถุงให้แน่น เพื่อป้องกันการกระจายของเชื้อ 5. เขียนบนถุงขยะนั้นว่าเป็นขยะติดเชื้อ 6. ทิ้งลงในถังขยะติดเชื้อ (ถังสีแดง) หรือจุดที่กำหนดไว้ให้ 7. หลังจากทิ้งให้ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ ขอบคุณข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, Greenpeace Thailand, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ภาพหน้าปกถ่ายโดยนักเขียน /ภาพประกอบที่ 1 ขอบคุณ Sky News /ภาพประกอบที่ 2 ขอบคุณ taiwan environmental information center /ภาพประกอบที่ 3 ขอบคุณ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา