7 Rooftop เมืองไทยที่ควรไปสัมผัสบรรยากาศ สวัสดีครับ วันนี้ Boo Planet จะพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวที่สูงกัน คนกลัวความสูงก็อ่านได้ไม่ว่ากัน ถ้าจะไปเที่ยวจริง ๆ ก็ไม่ได้ลำบากยากเย็นอะไรครับ อย่ามองลงไปด้านล่างก็พอ 7 Rooftop หรือชั้นดาดฟ้า เปิดหลังคาหรือ Open Air ที่ผมจะพาไปก็มีหลายหลากอารมณ์แตกต่างกันไป แต่ว่าแต่ละแห่งมีบรรยากาศและจุดเด่นที่ควรไปสัมผัสกันสักครั้งนึง ปกติก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว มีที่ไหนบ้าง เชิญติดตามกันเลยครับ 1. King Power Mahanakhon Sky Walk เริ่มกันจากตึกที่สูงที่สุดของประเทศไทย ณ ปัจจุบันนี้ครับ คิงเพาเวอร์มหานคร ที่ถนนนราธิวาชราชนครินทร์ บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี ตัวอาคารคิงเพาเวอร์มหานคร โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่เด่นชัดแต่ไกล มีความสูง 314 เมตร ชั้นดาดฟ้า ที่จะพาไปอยู่ที่ชั้น 78 ครับ ก่อนอื่นจะต้องซื้อตั๋วขึนไปชม ถ้าจะขึ้นไปชั้น Skywalk อย่างเดียว 765 บาท ถ้าจะไปสั่งเครื่องดื่มที่ Sky Bar ต้องจ่ายต่างหาก (จริง ๆ มีหลายราคาหลายแพคเก็จ) เลือกแบบนี้เพราะจะมาถ่ายรูปอย่างเดียว ที่นีเปิดตั้งแต่ 10โมงเช้าถึงเที่ยงคืน เวลาสวย ๆ ก็ประมาณแดร่มลมตก 5-6 โมงเย็นครับ มีตั๋วแล้วขึ้นไป จะต้องสแกนกระเป๋าแบบสนามบินครับ น้ำ ของมีคม ไฟแช้ก ห้ามนำติดตัวขึ้นไป พอขึ้นลิฟท์ ผนังลิฟต์จะเป็นวิดีโอกราฟฟิคแนะนำอาคารและประเทศไทย ดูหวือหวาทันสมัยดีครับ เพราะนอกจากสูงที่สุดแล้วยังเป็นอาคารที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ ทันสมัยดีมาก ลิฟท์จะไปจอดที่ชั้น 74 ให้เราเดินชมวิวแบบมีกระจกรอบด้าน 360 องศา Observatory จะเดินวนสัก 1 รอบ หรือไม่ดูก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 75 ไปเปลี่ยนลิฟท์ไปชั้น Rooftop ชั้น 75 จะมีห้องน้ำซึ่งมีกระจกมองเห็นวิวภายนอกและด้านล่างได้ด้วยครับ จากชั้น 75 จะขึ้นไป Rooftop ชั้น 78 จะมีลิฟต์แก้วแค่ 1 ตัว ถ้าไม่อยากรอคิวขึ้นลิฟท์ก็เดินขึ้นบันได ก็ได้ครับ ขึ้นมาชั้น Rooftop ไฮไลท์ที่ต้องทำคือ ถ่ายรูปเซลฟี่ กับจุดที่มีตัวหนังสือเขียน ภาษาอังกฤษ ว่า 314 เมตร สูงที่สุดในกรุงเทพฯ อย่างนึงล่ะ และอีกอย่างนึง คือ ลงไปเดินที่พื้นกระจก เขาบอกว่าเป็นพื้นกระจกลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งบริเวณที่เป็นพื้นกระจก เราจะต้องสวมถุงผ้าหุ้มรองเท้าก่อน และไม่ให้นำมือถือ หรือพวกส่ิ่งของต่าง ๆ ลงไป คงเป็นการป้องกันไม่ให้กระจกเสียหาย จะมีแนวโซ่กั้นไว้ คนถ่ายรูปจะต้องยืนด้านนอกพื้นกระจก ถ้าไปคนเดียวคงต้องไหว้วานให้คนอื่นหรือเจ้าหน้าที่ถ่ายให้ครับ ด้วยความพิเศษของที่นี่ถือว่ามาที่นี่แล้วกลับไปคุยได้ไปอีกนานเลยครับ 2. Sirocco เป็น sky bar อยู่บนยอดตึกของโรงแรม Le Bua อาคาร State Tower ชั้น 63 สกายบาร์ที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดังมาสิบกว่าปีแล้ว ยิ่งพอเป็นฉากของหนังต่างประเทศแล้ว ทำให้ได้รับความนิยมเข้าไปอีก จุดเด่นคือ อาคารเป็นการออกแบบของ อาจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิคชื่อดัง ที่มักออกแบบอาคารสูงที่สถาปัตยกรรม กรีกโรมัน มีโดมขนาดใหญ่อยู่ด้านบน ของที่นี่คือ The Dome Le Bua ด้วยความสูงและด้านบนเปิดทำให้รู้สึกเสียววาบเวลาเดินด้านริม ๆ ของอาคาร ยิ่งที่เป็นบันไดด้วยแล้ว หวิว มากครับ จุดเด่นก็จะอยู่ตรงบาร์ที่เหมือนเป็นมุขยื่นออกไปมองเห็นวิวกรุงเทพฯชัดเจน และอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาด้วย ควรจะไปดึก ๆ หน่อย 3 ทุ่มขึ้นไปสั่งค็อกเทลแรง ๆ มาดื่ม ฟังเพลงเฮาส์มิวสิค ชมวิวกรุงเทพฯไปด้วย ฟิลนี้ แหละครับต้องลองไปสักครั้ง ถ้าไปสั่งดื่มแบบที่ว่า ก็ไม่ต้องจองก็ได้ครับครับ แต่ถ้าจะดินเนอร์เป็นมื้อสุดหรูต้องจองที่นั่งล่วงหน้าครับ สิ่งที่สำคัญของที่นี่คือ มีกฎระเบียบการแต่งตัวครับ ห้ามใส่ขาสั้น หรือชุดที่ดูเป็นชุดกีฬา เสื้อกล้าม รองเท้าผู้ชายต้องมีหุ้มด้านหน้า เด็กต่ำกว่า 12 ปี ไม่อนุญาต อันนี้ควรจะทำความเข้าใจและเตรียมตัวไปครับ พวกฝรั่งที่มาที่นี่ก็แต่งตัวหรูหราเลย จ่ายราคาหนักทั้งที จัดให้คุ้มครับ หลังจากที่ได้รับความนิยมจากหนัง ราคาอาจจะแรงขึ้น เครื่องดื่มและอาหารก็จะมี ++ ด้วยนะครับ ส่วนตัวคิดว่าที่นี่สวยสุดในบรรดา rooftop ของกรุงเทพฯ ครับ 3.Red Sky นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Rooftop บนตึกสูงของกรุงเทพฯ ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน Red Sky อยู่บนชั้น 55 ของโรงแรม Centara Grand ที่ห้าง CTW นั่นเอง จะต้องขึ้นลิฟท์ ไปชั้น 23 ที่เป็นล้อบบี้ของโรงแรม แล้วไปเปลี่ยนลิฟท์ที่จะขึ้นไป High Zone เช่นกันครับ เรื่องเครื่องแต่งกาย แต่อาจจะไม่เข้มงวดเท่าทาง Sirocco สำหรับ Red Sky จุดเด่นที่เรามองเห็นจากด้านล่างคือจะมีโครงเหล็ก โค้งสีขาว ซึ่งมีคอนเซ็ปท์จาก กลีบบัว แล้วจะมีบันได้ขึ้นไปสู่ชั้นดาดฟ้าหรือ rooftop อีกชั้นนึง ซึ่งก็จะมีกระจกรอบด้าน และเดินได้โดยรอบ ที่ Red Sky จะมีที่นั่งเยอะพอสมควร จะมานั่ง Chill Out สั่งเครื่องดื่ม ฟังเพลง ชมวิว ที่เป็นจุดกลางกรุงเทพฯ เห็นได้ชัดทุกด้าน บางช่วงถ้ามาหัวค่ำหน่อย จะเป็น Happy Hour สั่ง 1 แถม 1 คุ้มไปเลย 4.Vana Nava Skybar เปลี่ยนไปที่หัวหินกันบ้างครับ เป็น sky deck ที่อยู่ที่ชั้น 27 ของโรงแรม Holliday Inn หัวหิน เป็นโรงแรมที่เพิ่งเปิดไม่นานมานี้เอง ถึงจะดูไม่สูงเท่าพวก rooftop ของกรุงเทพฯ แต่ขึ้นไปแล้วรู้สึกสูงมาก เนื่องจากหัวหินตึกน้อยกว่าก็น่าจะเป็นไปได้ ที่นี่ก็มีส่วนที่เป็นพื้นกระจกใส ให้ออกไปทดสอบความเสียวความกล้าเช่นกันครับ ด้านนอกบางวันลมจะแรงและอากาศเย็นมาก จุดเด่นของที่นี่คือวิวครับ ตัวโรงแรม Holliday Inn หัวหิน ตั้งอยู่ตรงท้ายสุดของเมืองหัวหินพอดี ทำให้มองเห็นวิวของทั้งเมือง และทางด้านเขาตะเกียบได้อย่างชัดเจน 5. Pattaya Park Tower หอคอยโรงแรมพัทยาปาร์ค เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดของพัทยา ชั้นดาดฟ้าของที่นี่อยู่ที่ชั้น 56 ครับ ซึ่งลิฟท์ที่จะขึ้นชมหอคอยอยู่คนละส่วนกับโรงแรม จะต้องซื้อตั๋วขึ้นไปก่อน คนละ 200 บาท แต่ถ้าจะทานอาหารบุฟเฟต์ ที่ภัตตาคารหมุนได้ชั้น 52-53 จ่ายค่าอาหารแล้วขึ้นไปเล่นกิจกรรมชั้น 55 ได้ฟรีครับ ถ้าตั๋ว 200 บาท ขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 55 ซึ่งด้านข้างจะเป็นกระจกโดยรอบ ตั๋วสามารถไปฉีกแลกเครื่องดื่มได้ครับ มี ชา กาแฟ น้ำส้ม ส่วนที่เหลือเก็บไว้ครับ ดื่มแล้วจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน คือชั้นดาดฟ้า จะมีกิจกรรมให้เล่น 3 รูปแบบ เลือกเอาอย่างใดอย่างนึง แบบที่ 1 แบบเดี่ยว อันนี้จะหวาดเสียวสุดเป็นสลิงห้อยลงมา แบบที่ 2 จะเป็นแบบคู่ เข้าไปยืนในกรงเหล็ก แบบที่ 3 จะเป็นนั่งกระเช้าลงมา สามารถนั่งได้ครั้งละ 8 คน แต่พอลงมาด้านล่างจะเดินกลับไกลสุด 555 ก่อนทำกิจกรรมจะต้องเซ็นชื่อลงบนตั๋วก่อน แล้วไปให้ เจ้าหน้าที่ปั๊มตรารับบัตรคิว รอเเรียกตามหมายเลข คนที่มีโรคประจำตัว กลัวความสูง น้ำหนักเกิน จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูครับว่าเล่นได้หรือไม่ ถ้าเด็กเล็กจะให้เล่นได้แค่แบบที่ 3 คือที่เป็นกระเช้าลงมา ถ้ามีฝนตก ลมแรงก็จะหยุดให้บริการ กิจกรรมจะเล่นได้ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็นครับ 6.Swing Bar ที่ ChingCha Hostel สำหรับ rooftop บรรยากาศดีแห่งที่ 6 กลับมาที่กรุงเทพฯ อีกครั้งนึงครับ บริเวณเสาชิงช้า แน่นอนในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ไม่สามารถสร้างตึกสูงได้ Swing Bar และ ChingCha hostel เป็นการรีโนเวทตึกแถวเก่ามารองรับนักท่องเที่ยว ไอเดียดีทีเดียวครับ มีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วย Swing Bar อยู่บนดาดฟ้าชั้น 6 ภายในอาคารไม่น่าจะมีลิฟท์ ผมขึ้นบันไดด้านหลังที่คล้าย ๆ บันได้ทางหนีไฟ ขึ้นไปเล่นเอาหอบเหมือนกัน แต่ด้านบนบรรยากาศดีครับ เนื่องจากพื้นที่ไม่มาก มีการจัดที่นั่งให้เรียงหันหน้ามองวิว เป็นแนวยาว ถ้ากลัวไม่ได้ที่นั่งริม ๆ แบบนี้ ก็คงต้องโทรมาจองกันครับ ช่วงหัวค่ำน่าจะเหมาะที่สุด จะมองเห็น เสาชิงช้า และวัดสุทัศน์เทพวรารามยามค่ำคืนที่มีแสงไฟจากถนนสวยงาม 7. ภูทับเบิก rooftop สุดชิลแห่งสุดท้ายที่ Boo Planet เลือกสรรค์มาให้ คือ ภูทับเบิก ครับ ไม่ได้ระบุว่าที่ไหน เนื่องจากภูทับเบิกได้รับความนิยมมากในช่วงหลายปีมานี้ เจ้าของที่พักส่วนใหญ่เป็นคนพื้นเมืองตรงจุดนั้นการสร้างอาคารอาจจะไม่ต้องคุมธีม อะไรมาก มีที่พักหลายแห่งที่เราจะเห็นว่า ด้านบนของที่พักก็สร้างลักษณะเป็นดาดฟ้า ให้เอาไว้ชมวิว นั่งพักผ่อน กิน ดื่ม กันได้สบาย ๆ ไฮไลท์ สำหรับ rooftop ของภูทับเบิก คือ หมูกะทะ ครับ บนยอดภู อากาศเย็น ๆ แบบนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการกิน หมูกะทะ อีกแล้ว มันจะสนุกทุกครั้งที่ได้ย่างหมู เนื้อ ใส่ผัก ใส่โน่นนี่ หรือจะมีเบียร์ดื่มแก้หนาว แหม Made My Day จริง ๆ เป็นวันที่คุณจะจดจำไปได้อีกนานเลย จบแล้วครับ 7 rooftop เมืองไทยที่ควรไปสัมผัสบรรยากาศ ขอบคุณสำหรับการอ่านและติดตามครับ เรื่องและภาพทั้งหมด โดย Boo Planet