สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) ในประเทศไทย เดินทางมาถึงช่วงปลายของการแพร่ระบาดระยะที่ 2 แล้วนะคะ รัฐบาลและส่วนราชการที่ดูแลนโยบายด้านสาธารณสุขของประเทศกำลังดำเนินการอย่างเข้มข้น เพื่อชะลอการแพร่ระบาดในระยะที่ 3 โดยเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 นายกรัฐมนตรีได้แถลงมาตรการแต่ละด้านเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งหนึ่งในมาตรการนั้น คือ "ให้ทุกหน่วยงานได้พิจารณามาตรการเหลื่อมเวลาการทำงานและการทำงานที่บ้าน และส่งเสริมให้ใช้ระบบอินเทอร์เน็ต เช่น การประชุมทางไกล โดยให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยทำแผนการทำงานจากบ้านและรายงานผลการปฏิบัติต่อศูนย์ฯ" ซึ่งการทำงานที่บ้านนี้ ภาคเอกชนหลายแห่งได้ดำเนินการกันมาล่วงหน้าแล้วหลายปี แต่สำหรับภาคราชการถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ เพราะราชการเรายังไม่เคยมีนโยบายอย่างจริงจังในการทำงานที่บ้าน แต่สถานการณ์ครั้งนี้ทำให้ข้าราชการ และพนักงานออฟฟิศจำนวนมากต้องปรับตัวครั้งใหญ่ในการทำงานที่บ้าน และเรียนรู้การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้ ขอนำเสนอไอเดีย “7 แอปพลิเคชันทำงานที่บ้าน รู้ไว้ใช้งานช่วงวิกฤติโควิด-19” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย แต่ได้ผลดีในการทำงาน มาติดตามกันเลยค่ะMicrosoft Application เช่น Outlook, OneDrive, Word, Excel, OneNote, PowerPoint, Team, Hotmail โดยเป็นการ Transform การทำงานจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้สามารถมาทำงานบทสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ซึ่งแอปพลิเคชันนี้มีคุณสมบัติในการฝากไฟล์ แชร์ไฟล์ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานร่วมกันได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ OneDrive สามารถเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ได้มากถึง 5 GB และใช้งานได้ฟรีด้วย (ภาพประกอบจากแอปพลิเคชัน Word)Genius Scan : แอปพลิเคชันสำหรับการสแกนเอกสาร ใช้งานง่าย ได้ภาพที่คมชัด เพราะแอปฯ จะปรับแสง และองศาของภาพให้อออกมาจนเหมือนเอกสารฉบับจริง ซึ่งดีกว่าการใช้แอปพลิเคชันพื้นฐานของสมาร์ทโฟนถ่ายภาพแล้วส่งต่อแน่นอนค่ะ เพราะเอกสารภาพที่สแกนผ่าน Genius Scan จะไม่มีเงาของโทรศัพท์ที่ถ่ายภาพ และไม่มีความเอียงของภาพให้เวียนหัว (ภาพประกอบจากแอปพลิเคชัน Genius Scan)Facebook : เรามั่นใจว่าเป็นแอปพลิเคชันพื้นฐานของคนทำงาน ทำให้สามารถเชื่อมโยงเพื่อนร่วมงานทั้งสำนักงานหลายร้อยชีวิตไว้ใน Facebook Group โดยสร้างกลุ่มขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้เพราะ Facebook Group มีคุณสมบัติที่โดดเด่น คือ รองรับผู้คนจำนวนมาก แปะไฟล์และภาพได้ไม่จำกัด รวมทั้งระบบถ่ายทอดสด หรือ Live ที่จะช่วยให้ผู้บริหาร หรือหัวหน้าทีมสามารถ Live มอบหมายงาน หรือนโยบายเร่งด่วนให้แก่ผู้ปฏิบัติงานได้รับทราบในเวลาเดียวกัน ทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถรับรู้ข้อสั่งการ หรือแนวทางการทำงานไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ ผู้ปฏิบัติงานสามารถพิมพ์ข้อความเพื่อถาม-ตอบ ได้โดยทันที หรือกรณีไม่มั่นใจในข้อสั่งการ สามารถดู Live ดังกล่าวทบทวนย้อนหลังได้ด้วย นอกจากนี้ Facebook Group สามารถปักหมุดประกาศงานสำคัญที่เร่งด่วนได้ (ภาพประกอบจากแอปพลิเคชัน Facebook)LINE : เป็นแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ Facebook โดยเฉพาะองค์กรที่มีผู้ปฏิบัติงานอายุ 50+ แอปนี้อาจจะไม่เหมาะกับการวิดีโอคอลกับคนกลุ่มใหญ่ แต่เหมาะสำหรับการประชุมทีมย่อย ๆ ที่มีคนในทีมไม่มาก นอกจากนี้ คุณสมบัติของ LINE สามารถใช้แจ้งประเด็นข่าวสารที่กระชับ ได้ใจความ รวมทั้งการรับส่งไฟล์ ภาพ และคลิปต่าง ๆ ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานด้วย (ภาพประกอบจากแอปพลิเคชัน Line)LINE MAN : การทำงานบางอย่างต้องมีการรับ-ส่งเอกสาร ขอแนะนำให้เรียกผ่านแอปพลิเคชันที่วางใจได้ ซึ่งแอปพลิเคชันที่เราเรียกใช้งานประจำ คือ LINE MAN เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถกำหนดผู้จ่ายเงินค่าจัดส่งเอกสารได้ รวมทั้งยังมองเห็นเส้นทางการวิ่งรถของ LINE MAN ว่าเดินทางถึงไหนแล้ว ทำให้มั่นใจได้ว่าเอกสารถึงมือผู้รับแน่นอน (ภาพประกอบจากแอปพลิเคชัน LINE MAN)Canva : การทำงานในแต่ละวันของที่ทำงานเรา นอกจากการรายงานผลการปฏิบัติงานผ่านบันทึกข้อความแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการนำเสนอภาพถ่าย พร้อมแคปชั่นสรุปผลการปฏิบัติงานด้วย ดังนั้น Canva จึงเป็นแอปพลิเคชันที่สามารถสร้างภาพเพื่อนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ใบปลิว แผ่นพับ โปสเตอร์ คอลลาจภาพถ่าย รวมทั้งสไลด์นำเสนองานรายงานผู้บังคับบัญชาได้สะดวก และสวยงาม (ภาพประกอบจากแอปพลิเคชัน Canva)Lightroom : สำหรับคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับภาพถ่าย ซึ่งต้องมีการตกแต่งภาพ สามารถทำได้ง่าย ๆ แม้ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะปัจจุบันนี้ Lightroom ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรแกรมแต่งภาพขั้นเทพในตระกูลของ Adobe เปิดให้ใช้งานฟรีแล้ว แม้ภาพที่ถ่ายจากสมาร์ทโฟนก็สามารถปรับความคมชัด แสง สี หรือองศาของภาพได้ตามลักษณะการใช้งาน (ภาพประกอบจากแอปพลิเคชัน Lightroom)การทำงานที่บ้านอาจจะทำให้หลายคนรู้สึกไม่สะดวกสบายเหมือนการทำงานที่สำนักงาน แต่ขอให้มองว่า ทุกอย่างย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในภาวะวิกฤติ ซึ่งเราควรรู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม การทำงานที่บ้านมีข้อดีตรงที่ทำให้เราไม่ต้องเดินทางวันละหลายชั่วโมง ได้มีเวลาทบทวนการทำงานที่ผ่านมา มีเวลาดูแลบ้าน และใช้ชีวิตร่วมกับคนในครอบครัวเพิ่มขึ้น ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า มาตรการทำงานที่บ้านนี้ เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค ดังนั้น ขอให้อยู่บ้าน และไม่พาตัวเองออกไปเที่ยวเล่นในพื้นที่เสี่ยง มาตรการดังกล่าวจึงจะประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้อย่างแท้จริงค่ะ// เครดิตภาพปก (ฟรี) จาก Canva Application //