ไม่ว่าใครต่างก็อยากมีสุขภาพดีกันทั้งนั้น เพราะการมีสุขภาพดีไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกายหรือสุขภาพจิต ต่างก็ส่งผลต่อตัวเราเเละคนรอบข้างทั้งนั้น หากคุณมีสุขภาพกายที่ดีก็คงไม่ต้องมารู้สึกทุกข์ทรมานหรือเจ็บปวด เมื่อถึงเวลาป่วย มีประโยคหนึ่งที่บอกเอาไว้ว่า เงินซื้อสุขภาพไม่ได้ นั่นหมายความว่า ถึงเเม้จะมีเงินมากเเค่ไหน ก็ไม่อาจมีสุขภาพที่ดีได้ เพราะการมีสุขภาพที่ดีต้องเริ่มต้นด้วยตัวเอง เเต่จะมีสักกี่คนกันล่ะ ที่ตระหนักถึงการมีสุขภาพที่ดี หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนเลยด้วยซ้ำว่า สิ่งที่ตัวเองกำลังทำนั้น จะเป็นตัวบั่นทอนสุขภาพของตนในอนาคต เเต่บางคนกลับไม่ต้องให้มาบอก เพราะในเเต่ละวันเขาก็คอยหมั่นดูเเลรักษาสุขภาพตัวเองอยู่เเล้ว ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงอยากจะมานำเสนอบทความหัวข้อ 6 พฤติกรรมเเย่ ๆ ที่คุณห้ามทำ ถ้าอยากมีสุขภาพดี เพื่อให้คุณ ได้ตระหนักเเละรู้เอาไว้ว่า ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดี ต้องไม่ควรทำ 6 พฤติกรรมเเย่ ๆ ดังต่อไปนี้ 1. นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/935777/ การนอนน้อยหรือการไม่นอนเลย ถือว่าเป็นการทำลายสุขภาพที่ค่อนข้างหนักเลยทีเดียว เพราะการนอนเปรียบเสมือนการปล่อยให้ร่างกายของเราได้พักผ่อน จากการทำกิจกรรมต่าง ๆ มาตลอดทั้งวัน เมื่อคุณเริ่มนอนหลับ ร่างกายจะเริ่มทำงานในโหมดใหม่ทันที เเต่เป็นการทำงานที่น้อยลง ต่างจากตอนที่คุณตื่นอยู่ การทำงานของร่างกายตอนหลับ คือการตรวจดูข้อผิดพลาดต่าง ๆ ภายในร่างกายของเรา เเละเริ่มทำให้ร่างกายของเรานั้นเเข็งเเรงขึ้น ถ้าหากคุณไม่ปล่อยให้ร่างกายของคุณเข้าสู่โหมดนอนหลับ นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาตรวจเช็คดูสภาพร่างกายของคุณ หนำซ้ำพวกเขายังต้องทำงานหนักขึ้นอีกด้วย ส่งผลให้คุณเริ่มเกิดอาการเหนื่อยล้าเเละง่วงอยู่ตลอดเวลา ถ้าทำพฤติกรรมเเย่ ๆ เเบบนี้ซ้ำ ๆ คุณอาจจะกลายเป็นคนที่อ่อนเพลียเหมือนคนง่วงอยู่ตลอด เเถมร่างกายยังทำงานไม่เต็มที่อีกด้วย ถ้าให้เปรียบคงเหมือนการเอารถเข้าอู่ตรวจเช็คทุกเดือน ถ้าเดือนนี้คุณไม่ได้เอารถเข้าอู่เลย คุณก็จะไม่รู้ว่ารถคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า จะเข้าอู่อีกทีคงเป็นช่วงที่รถคันนั้นพังหรือมีอาการผิดปกติ 2. ไม่รับประทานอาหารเช้า ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/103124/ อาหารเช้าคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถฟันฝ่ากิจกรรมของวันนี้ลงได้ หากคุณไม่ได้รับประทานอาหารเช้า เท่ากับว่าคุณได้พลาดพลังงานก้อนใหญ่ไปเเล้ว เพราะอาหารเช้าจะเป็นตัวเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี การที่คุณรับประทานอาหารเช้าก่อนไปเรียนหรือไปทำงาน จะทำให้สมองเเล่นเเละความจำดี ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า เเต่ถ้าหากไม่ได้กินอาหารเช้าเลย คุณจะรู้สึกได้ทันทีเลยว่า วันนี้ไม่มีพลังงานเลย จำอะไรไม่ได้ดีเท่าทีควร เวลาครูหรือหัวหน้างานสั่งก็มักจะทำพลาดอยู่บ่อย ๆ ร้ายเเรงกว่านั้นถ้าคุณไม่ได้กินอาหารเช้าติดต่อกันเป็นเวลานานอาจเสี่ยงเป็นโรคอ้วนเเละโรคกรดไหลย้อนได้ เพราะการงดมื้อเช้า เเล้วไปกินอีกทีมื้อเที่ยง คุณจะกินเยอะเป็นพิเศษเพราะความหิว จึงอาจก่อให้เกิดโรคอ้วนขึ้นได้ ส่วนโรคกรดไหลย้อนนั้น มันเกิดจากการที่คุณกินอาหารไม่เป็นเวลา ถ้าปล่อยไว้นานวันเข้า อาจจะส่งผลเสียหนักข้อขึ้นไปกว่านี้ก็เป็นได้ 3. ไม่เคยออกกำลังกายเลย หรือนาน ๆ ทีถึงจะออกกำลังกาย ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/2282590/ ข้อนี้ผู้เขียนคิดว่าหลายคนคงทำบ่อย โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่อยู่ในเมืองกรุง กว่าจะมีเวลามาออกกำลังกายทีคงต้องรอหยุดยาว หรือไม่ที่พักก็คงอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะหรือฟิตเนสพอดี เเต่ถึงกระนั้นผู้เขียนเองก็คิดว่า ถึงเเม้ว่าตัวเราอยู่ใกล้กับสถานที่ออกกำลังกายสักเเค่ไหน ถ้าใจเรามันไม่อยากจะออกก็คงไม่มีทางที่จะลุกไปออกอยู่ดี อยากจะบอกว่ามันมีข้อเสียนะครับ ไอ้การที่เราไม่ได้ไปออกกำลังกายบ่อย ๆ หรือไม่ไปออกกำลังกายเลย เมื่อปล่อยไว้นานเข้าร่างกายของเรา จะสูญเสียความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ เเละสูญเสียความเเข็งเเรงไป เช่น จากปกติที่เราสามารถวิ่งหรือทำกิจกรรมเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว เเต่คราวนี้กลับทำไม่ได้หรือทำไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งยังเหนื่อยเร็วอีกต่างหาก นั่นก็เป็นเพราะการที่คุณไม่ออกกำลังกาย หรือออกกำลังกายน้อยเกินไปนี่เเหละ หากคุณอยากเห็นความเเตกต่างนี้ ลองไปท้าวิ่งเเข่งกับคนที่เขาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอดูสิ เเล้วคุณจะพบว่าความต่างนี้มันเป็นยังไง หากปล่อยให้ร่างกายอ่อนเพลียเเบบนี้นานเข้า ๆ มันอาจจะส่งผลเสียไปตอนที่คุณเริ่มอายุเยอะขึ้นก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น คุณต้องเริ่มต้นออกกำลังกายตั้งเเต่วันนี้เลย ! 4. ออฟฟิศซินโดรม โรคร้ายที่เกิดจากพฤติกรรมยอดเเย่ ของการนั่งทำงานท่าเดิมนานเกินไป ขอบคุณรูปภาพจาก https://pixabay.com/images/id-2559795/ คุณเคยรู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หลังจากที่ได้เริ่มนั่งทำงานเป็นเวลานานบ้างหรือเปล่า ? นั่นเเหละคืออาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังจะเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม ออฟฟิศซินโดรมคือโรคที่เกิดจากการนั่งทำงาน หรือนั่งเล่นติดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป โดยที่ไม่ลุกออกไปขยับร่างกายเลย อาการปวดนี้เกิดจากการที่เส้นประสาทส่วนปลายถูกกดทับ หากปล่อยไว้นานเข้า อาจเกิดเป็นปัญหาเรื้อรังในภายหลังได้ วิธีการรักษาคือต้องพบเเพทย์อย่างเดียว หรือถ้าเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองปวดกล้ามเนื้อบ่อย ๆ ก็ให้เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ เช่น จากปกติมักจะนั่งทำงานยาว 8 ชั่วโมงรวด ก็ลองหั่นเวลาออกไปสามถึงสี่ส่วน เเล้วในเเต่ละส่วนให้มีช่วงเวลาพักเบรคร่างกายสัก 5 นาที เพื่อจะได้ลุกออกไปยืดเส้นยืดสาย ล้างหน้าล้างตาเเล้วกลับมาทำงานใหม่ การทำเเบบนี้มันสามารถช่วยทำให้คุณหลุดพ้นจากการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้ หรือใครที่ทำอาชีพเป็นฟรีเเลนซ์ก็สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ได้เช่นกัน หรือถ้าหากมีเวลาว่างในช่วงวันหยุด ลองเข้าไปใช้บริการร้านนวดเเผนไทย เเล้วให้เขานวดให้คุณ เพื่อยืดเส้นยืดสาย คลายกล้ามเนื้อ ถึงเเม้จะรู้สึกเจ็บสักหน่อย เเต่ถ้าหากทำบ่อย ๆ เดี๋ยวคุณจะชินเอง เเถมยังช่วยลดอัตราเสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรมได้ด้วยนะ 5. ติดสูบบุหรี่ ขอบคุณรูปภาพจาก https://pixabay.com/images/id-83571/ การสูบบุหรี่คือตัวทำลายสุขภาพชั้นเยี่ยมเลยก็ว่าได้ มีหลายหน่วยงานออกมารณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ นั่นก็เพราะมันทำลายสุขภาพของตัวคุณเอง เเถมมันยังทำลายสุขภาพของคนอื่นอีกด้วย จริงอยู่ว่าการสูบจะทำให้รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น เเต่นั่นมันเป็นเพียงข้ออ้างเล็ก ๆ ที่กลบข้อเสียที่ใหญ่เท่าภูเขา เมื่อคุณสูบบุหรี่ไปนานเข้า ร่างกายจะเริ่มฟ้องออกมาให้คุณรู้ถึงผลเสียของมันเอง เช่น อาการเจ็บคอจนต้องไอหรือกระเเอมอยู่ตลอดเวลา ฟันเหลือง รู้สึกเเสบที่หน้าอก กลิ่นตัวเเรงจนไม่มีคนเข้าใกล้ เเละอื่น ๆ อีกมายมาย ที่ร้ายเเรงที่สุดคือ เป็นโรคมะเร็งเเละตายจากไปในที่สุด เห็นไหมครับว่าผลเสียของมันเยอะขนาดไหน รู้อย่างนี้เเล้วเลิกพฤติกรรมเเย่ ๆ เเบบนี้เถอะครับ เพื่อตัวคุณเองเเละเพื่อคนรอบข้าง ถ้าหากคุณอยากเลิกเเต่ไม่สามารถเลิกมันได้จริง ๆ คุณสามารถไปติดต่อสายด่วยเลิกบุหรี่ได้ที่เบอร์ 1600 6. ติดการดื่มเครื่องดื่มเเอลกอฮอล์ ขอบคุณรูปภาพจาก https://pixabay.com/images/id-428392/ พฤติกรรมติดการดื่มเครื่องดื่มเเอลกอฮอล์ เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพได้ดีพอ ๆ กับการสูบบุหรี่เลยก็ว่าได้ เพราะการดื่มเครื่องดื่มเเอลกอฮอล์มันส่งผลเสียต่ออวัยวะต่าง ๆ ที่อยู่ภายในร่างกายไม่ว่าจะเป็น ระบบประสาท ระบบหัวใจ สมอง ตับ ระบบหลอดเลือด เเละอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เห็นได้เด่นชัดเเละผู้คนมักนิยมนำมาบอกต่อกันคือ การส่งผลต่อตับ เมื่อดื่มเข้ามาก ๆ จะทำให้ตับเเข็ง เเละตับอ่อนทำงานหนักมากเกินไป เนื่องจากเเอลกอฮอล์จะไปเร่งการทำงานของตับอ่อน นอกจากเรื่องของการทำลายสุขภาพเเล้ว เเอลกอฮอล์ยังก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทอีกด้วย เมื่อดื่มเข้าไปมากเกินไป ร่างกายจะไม่มีสติ ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรหรือพูดอะไรลงไป ทำให้มันอาจไปกระทบกับคนอื่นได้ ก่อให้เกิดเป็นการทะเลาะวิวาทขึ้นมา ร้ายเเรงที่สุด อาจก่อให้เกิดคดีฆาตรกรรมเลยก็เป็นได้ เเต่ถ้าหากดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ เครื่องดื่มเเอลกอฮอล์ก็มีข้อดีเหมือนกัน เช่น สามารถช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาได้ อย่างไรกันบ้างครับ อ่านเเล้วรู้สึกอยากเลิกทำพฤติกรรมเเย่ ๆ เหล่านี้บางหรือเปล่า ยอมรับว่าตัวผู้เขียนเองก็เคยมีพฤติกรรมเเย่ ๆ ตามที่เขียนมาเหมือนกันนะ เเต่ปัจจุบันนี้เลิกทำเเล้ว เพราะเป็นห่วงสุขภาพของตัวเองในอนาคต ยิ่งถ้าเป็นสองข้อหลังจะไม่อยากทำเด็ดขาด เพราะนอกจากมันจะส่งผลเสียต่อตนเองเเล้ว มันยังส่งผลเสีย ต่อผู้คนรอบข้างหรือคนใกล้ชิดของเราอีกด้วย หากคุณรู้สึกว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนใกล้ตัว ก็ลองเเชร์ไปให้เขาอ่านดูนะครับ ถึงเเม้ผมจะบอกยังไง หลายคนก็คงไม่อาจสุขภาพดีขึ้นได้ นอกจากเขาจะเปลี่ยนเเละเลิกพฤติกรรมเเย่ ๆ เหล่านี้ด้วยตัวเอง ไว้เจอกันใหม่ในบทความครั้งหน้า สำหรับบทความครั้งนี้ผมต้องขอตัวลาไปก่อน ขอบคุณเเละสวัสดีครับ ขอบคุณรูปภาพปกจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/1134204/