6 วิธีเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนคิดบวก

"คิดบวก" คือ การมองโลกอย่างเป็นกลาง มีเหตุและผล และมองด้วยความเป็นจริง ไร้อคติ ไม่ใช่พวกโลกสวยอย่างที่ใคร ๆ เข้าใจ คนคิดบวก กับ คนโลกสวย ไม่เหมือนกันนะคะ อย่าเข้าใจผิดเชียวละ

"คนคิดบวก" นิสัยที่เห็นได้ชัดเลยคือ การมีทัศนคติที่เปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เวลาคนคิดบวก กับ คิดบวก มาเจอกันแล้วจำเป็นต้องถกเถียงอะไรกันสักอย่าง ส่วนใหญ่แล้วเขาจะถกกันอย่างสนุกสนานไร้อารมณ์โกรธ ต่างยกเหตุผลของตัวเองมากล่าวอ้าง เพื่อให้เข้าใจกัน ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนจุดยืน ซึ่งจะต่างจากคนทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ พวกเขาจะพยายามหาเหตุผลมาคิดก่อนตัดสินใจตัดสินคน เขามักจะเข้าใจโลกและไม่ค่อยโกรธ "ปลง" ได้ง่ายกว่าคนอื่น และ "สุข" มากกว่าคนอื่น  เช่นกัน

ภาพโดย Gino Crescoli จาก Pixabay

1. ไม่ทำตัวโลกสวย
คนโลกสวย คือ คนประเภทวาดโลกที่ใส่ความคาดหวังลงไปมาก และอยู่กับความคิดที่ว่ามันจะเป็นจริง เช่น เราจะเติบโตมาพบรักคนกับคนที่ดี 100 % ซึ่งในควาเป็นจริงไม่มีใครดีพร้อมขนาดนั้นหรอก คนทุกคนมีทั้งมุมที่ดีและไม่ดี เราต้องยอมรับในข้อเสียของกันและกัน และแน่นอนว่ามันต่างกับคนคิดบวก การคิดบวกเป็นการปรับมุมมองของเราด้วยการนำเหตุผลมานึกคิดตาม การให้โอกาสและระวังอยู่ในใจ การไม่ตัดสินใครทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักดี ไม่ใช่การวาดฝันและหวังไปเรื่อยเปื่อย พอผิดหวังก็โทษทุกสรรพสิ่งและไม่เคยพยายามเข้าใจ คนโลกสวยจึงเจ็บปวดจากการผิดหวังอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง

3. บันทึกเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในแต่ละวัน

การบันทึกจะฝึกให้เรา นึกถึงแต่เรื่องดี ๆ เพื่อปล่อยผ่านเรื่องแย่ ๆ ออกไป หลายคนชอบนึกคิด ยึดติดอยู่กับเรื่องราวแย่ ๆ ที่เกิดขึ้น บางคนก็ยังคงจดจำแม้ว่าเรื่อง ๆ นั้นจะผ่านไปแล้ว ดังนั้นการจดเรื่องดี ๆ จะทำคุณต้องนั่งนึกว่าคุณพบเจอเรื่องดีอะไรบ้าง แล้วระหว่างที่จดคุณจะรู้สึกดีกับเรื่องราวนั้นอีกครั้ง จงปล่อยผ่านเรื่องแย่ ๆ ทิ้งไปซะ และลองคิดตามนี้ดู หากคุณถือธนบัตรอยู่ 2 ใบ ใบละ 1000 หนึ่งใบ และ ใบละ 20 หนึ่งใบและมีคนแย่งธนบัตรใบละ 20 ของคุณไป คุณจะเสียเวลาไปวิ่งตามเขาทำไม ในเมื่อในมือของคุณยังมีธนบัตรใบที่มีค่ามากกว่าอยู่ เช่นเดียวกับความรู้สึกในต่ละวัน หากมีคน ๆ เดียว หรือเรื่อง ๆ เดียวทำให้คุณรู้สึกแย่ คุณจะทิ้งความรู้สึกสุขอื่น ๆ ในวันนั้นทั้งวันไปทำไม นึกถึงเรื่องดี ๆ ไว้ แล้วเราจะยังคงยิ้มได้ค่ะ

4. อย่ากังวลมากเกินไปกับสิ่งที่ยังไม่เกิด และไม่รู้ว่ามันจะเกิดหรือไม่

หลายคนกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น หลายคนคิดมากในเรื่องที่ไม่สามารถให้คำตอบแน่ชัดได้ ความกลัวเป็นอุปสรรคในทุก ๆ เรื่องของชีวิต อย่าให้ความกลัวมีอิทธิพลเหนือความตั้งใจของเรา และการคิดมากก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเป็นสุขขึ้น และบางครั้งคิดมากเท่าไรก็ไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้เลย แล้วจะไปย้ำคิดย้ำทำย้ำถามทำไมหนักหนา อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถ้ามันเป็นสิ่งดีเราก็แค่จดจำ ถ้ามันเป็นเรื่องไม่ดีเราก็แค่ใช้สติในการแก้ปัญหา

ภาพโดย Shahariar Lenin จาก Pixabay

5. นั่งสมาธิ

คนที่นั่งสมาธิเป็นประจำทุกวันมีแนวโน้มเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากกว่าคนที่ไม่เคยนั่งเลย เพราะการนั่งสมาธิเป็นการฝึกจิตใจให้ปล่อยวาง ไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน คิดมาก ช่วยให้เราสงบได้ดี และเมื่อจิดใจเราสงบแล้ว เราก็จะรู้ทันอารมณ์ และความคิดของตัวเอง ดังนั้นหากเรานั่งสมาธิเป็นประจำทุกวันร่างกายและจิตใจของเราจะปล่อยวางอะไร ๆ ได้ง่ายขึ้น แล้วเราก็จะไม่เก็บอารมณ์และเรื่องแย่ ๆ มาคิดตอกย้ำซ้ำเติมตัวเอง

6. ออกเดินทาง พบปะผู้คนที่หลากหลาย

การพบปะผู้คนที่หลากหลายจะช่วยให้เราได้พบปะผู้คนที่มากมายหลากหลายความคิด ช่วยให้เราได้ซึบซับความคิดบวกจากผู้อื่นมาไว้ในใจตัวเอง และเราก็จะได้แนวทางความคิดใหม่ ๆ ไว้กับตัวเองอีกด้วย

ภาพโดย Avi Chomotovski จาก Pixabay

ทำง่ายมากใช่มั้ยล่ะ ทำเป็นบางข้อก็ได้หรือนำทั้งหมดนี้ไปทำเลยก็จะดี ค่อยฝึกไป เพราะถ้าคุณเป็นคนคิดบวดได้ หญิงเถื่อนรับประกันเลยว่าชีวิตคุณจะมีความสุขได้ง่ายขึ้น เพราะทุกอย่างนี้มาจากประสบการณ์ของหญิงเถื่อนเอง หากคุณชอบบทความนี้ ก็สามารถแชร์บทความนี้ออกไปได้เลย และถ้าอยากจะติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวของเราได้ที่เพจเฟสบุ๊ค แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย หรือ ช่องทางยูทูป หญิงเถื่อน Traveler

ภาพจาก : Pixabay

เขียนและเรียบเรียง : หญิงเถื่อน