จากประสบการณ์ในการทำเว็บไซต์หลากหลายแนวที่ผ่านมาถึงจะมั่นใจว่าบทความที่ดีพร้อมกับรูปประกอบที่เหมาะสมกับเนื้อหาจะเพียงพอแล้วที่จะทำให้มีทั้งอันดับที่ดีใน Google หรือแม้แต่การแชร์คอนเทนต์ของคนอ่าน แต่หากลองมาวิเคราะห์กันแบบจริงจังแล้วโดยเฉพาะจากการที่ไปแอบส่องบรรดาบล็อกเกอร์หรือเจ้าของเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่อยู่ในต่างประเทศพบว่าแทบไม่มีใครที่จะมีเพียงแค่คอนเทนต์และรูปเพียงอย่างเดียวครับ เพราะจะมีการเพิ่มคอนเทนต์ที่มากกว่านั้นและจากการที่เอามาปรับใช้ก็ถือว่าได้ผลดีพอสมควรและเชื่อว่าถ้าคุณทำตามจะทำให้บล็อกของคุณน่าสนใจมากขึ้นหลายเท่าครับ เช่นวิธีต่อไปนี้1. รีวิวรีวิวเป็นสิ่งที่คนอ่านอยากรู้มากที่สุดโดยเฉพาะสินค้าและบริการ ยกตัวอย่างเว็บไซต์ของผมเป็นเรื่องของการท่องเที่ยวคนที่อ่านก็ชอบรีวิวที่พัก โรงแรม โฮสเทล แบบนี้มากที่สุด หรืออย่างถ้าหากว่าบล็อกของคุณทำเกี่ยวกับการรักษาผมร่วงก็ไม่ควรจะมีแค่วิธีการรักษาหรือการดูแลเส้นผม แต่แนะนำว่าควรเพิ่มรีวิวสินค้าที่น่าใช้มาเพิ่มเติมด้วยไม่แน่อีกหน่อยอาจจะได้สปอนเซอร์จากผลิตภัณฑ์หรือบริการเข้ามาแบบง่าย ๆ เลยด้วย2. อินโฟกราฟิกอินโฟกราฟิกนั้นมีความน่าสนใจกว่ารูปถ่ายธรรมดาหลายเท่าและเพิ่มโอกาสที่จะถูกแชร์ได้มากกว่าแต่ก็ทำยากและเสียเวลาค่อนข้างพอสมควรเลย หากว่าต้องการจะทำแนะนำเว็บไซต์ที่สามารถทำได้ฟรี(แต่ก็มีข้อจำกัด) เช่น https://www.canva.comhttps://snappa.comhttps://th.venngage.comโดยหากทำเสร็จแล้วแนะนำว่าให้นำภาพไปโพสต์ลงบน Pinterest ด้วยครับเพื่อเรียกทราฟฟิคหรือคนเข้าชมเว็บไซต์ได้อีก 1 ทาง3. จัดอันดับเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะให้ความสนใจเรื่องของอันดับเรื่องนี้เป็นเหมือนกันหมดทั้งโลก การจัดอันดับหรือลิสต์เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากแต่ใช้เวลานานเพราะต้องอาศัยเวลาในการรวบรวมข้อมูลแต่ในระยะยาวถือว่าคุ้มค่ามาก เช่น 5 อันดับยารักษาสิวที่ดีที่สุด 10 อันดับจังหวัดที่น่าเที่ยวที่สุดในภาคใต้ เป็นต้น รับรองว่าคนเห็นแล้วต้องอยากคลิกเข้ามาอ่านเนื้อหาอย่างแน่นอน4. วิดีโอตามตำราของนักการตลาดออนไลน์พบว่าวิดีโอเกิดการกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจได้สูงกว่าเซลล์เพจแบบที่ไม่มีวิดีโอ คุณสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ๆ กับสินค้าที่ฝรั่งขาย 100 % เวลานี้มีวิดีโอเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น การทำวิดีโอมีประโยชน์หลายอย่างเพราะนอกจากจะทำให้มีคอนเทนต์ที่ดีในบล็อกแล้วยังช่วยให้มีวิดีโอในช่อง Youtube ของตัวเองอีกด้วย หากว่ายิ่งทำเยอะก็จะยิ่งได้ประโยชน์ทั้ง 2 ทางเลยครับ5. สัมภาษณ์วิธีนี้คนไทยยังไม่ค่อยใช้มากเท่าไหร่แต่ฝรั่งใช้กันมากเพราะดูแล้วยุ่งยากมากที่สุด เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่สามารถหาผู้เชี่ยวชาญมาแชร์ประสบการณ์ได้ เช่น แนวธุรกิจ การเงิน เป็นต้น จากที่ผู้เขียนเห็นบ่อย ๆ คือเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับ SEO ก็มักจะเชิญนักทำ SEO ระดับมืออาชีพมาให้สัมภาษณ์อยู่เรื่อย ๆ ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก ส่วนเจ้าของบล็อกก็ลองเลือกดูครับว่ามีอันไหนที่สามารถทำได้บ้าง เพราะมันก็ไม่มีสูตรสำเร็จอยู่แล้วขึ้นอยู่กับการติดตามผลว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเองที่สุดแต่เชื่อว่าถ้าลองทำจะต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน ขอบคุณภาพประกอบจาก : ภาพปก DiggityMarketing ภาพประกอบที่ 1 PatternPictures / ภาพประกอบที่ 2 almariel1 / ภาพประกอบที่ 3 karanja / ประกอบที่ 4 Tumisu / ภาพประกอบที่ 5 jesben