ความพ่ายแพ้ต่อเซาแธมป์ตันที่เซนต์แมรีส์ 1-0 ทำให้หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทำแต้มสะดุดติดต่อกันเป็นนัดที่ 3 มีแต้มหยุดอยู่ที่ 33 คะแนน เท่ากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่ยังเหลือเกมในมือน้อยกว่า 1 นัด มีโอกาสทำแต้มแซงขึ้นเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกก่อนแดงเดือด หากเก็บนัดตกค้างกับเบิร์นลีย์ในคืนวันพุธที่ 12 มกราคมได้สำเร็จ บทสรุปโปรแกรมบ็อกซิ่งเดย์ เจอร์เก้น คล็อปป์ เก็บได้เพียง 2 คะแนนจากผลเสมอเวสต์บรอมวิช และนิวคาสเซิ่ล เกิดอะไรขึ้นกับลิเวอร์พูล? คำถามประดังเข้ามาถึงฟอร์มที่ช็อตไปดื้อ ๆ ทั้งที่ก่อนหน้าขาดผู้เล่นตัวหลักไปหลายคนยังเอาตัวรอดมาได้ แต่พอเริ่มทยอยกลับมาเริ่มแกว่งทันที จะพาไปรวบรวมถึงสาเหตุที่หากยังอยากจะลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ต้องรีบแก้ด่วน! 1. บุคลิกนักเตะในสนามต้องเข้มขึ้น หลายจังหวะลิเวอร์พูลเสียประโยชน์จากการตัดสินอย่างชัดเจน แต่เราเห็นผู้เล่นลิเวอร์พูลไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ปล่อยผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถูกการตัดสินผิดพลาดแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าอยากทำอะไรก็ได้ ชุดนี้ไม่มีขาวีนอย่างพวกพอล อินซ์ , ซามี ฮูเปีย หรือสตีเวน เจอร์ราร์ด ที่พร้อมวิ่งไปกางปีกปกป้องผลประโยชน์ของทีม อย่างน้อยกดดันให้ไปดู VAR ก็ยังดี พิษจากการตัดสินทำให้แต้มลิเวอร์พูลในช่วงหลังหล่นหายเป็นว่าเล่น 2. ขาดสายปะทะ นักเตะสเปกสายชน สายปะทะในทีมชุดนี้มีเพียงเฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่ยังเจ็บอยู่เพียงคนเดียวที่พอจะเอาพวกนักเตะในสไตล์ใช้พละกำลังโจมตีคู่แข่งได้อยู่ โดยเฉพาะทีมระดับกลางถึงท้ายตารางที่มักจะใช้แทคติกผู้เล่นสูงใหญ่กระแทก เห็นได้ชัดว่านักเตะลิเวอร์พูลมีอาการยวบให้เห็นเมื่อต้องเจอกับพวกเซมี่ อาจายี่ ที่เอาชนะลูกกลางอากาศโหม่งตีเสมอให้เวสต์บรอมวิช และป่วนได้ตลอดเกม ถ้าไม่ได้นักเตะสเปกนี้มาเพิ่มคงต้องติวที่มีอยู่แบบเข้ม ๆ เพราะกลายเป็นจุดอ่อนที่ทุกทีมรู้วิธีเอาชนะลิเวอร์พูลแล้ว 3. คู่เซ็นเตอร์ต้องลงตัว 3 นัดหลังสุด ฟาบินโญ่ , มาติป , นาธาเนียล ฟิลลิปส์ , รีส วิลเลี่ยมส์ หรือแม้แต่กัปตันทีมจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ถูกสลับมาเล่นตำแหน่งกองหลังตัวกลาง แต่แฟนเดอะค็อปทุกคนคงไม่โทษใครทั้งสิ้นเพราะเข้าใจว่ามันมีปัญหาจริง ๆ ทุกคนที่กล่าวมาแม้จะเล่นตำแหน่งนี้ได้ แต่ยังมีความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ จนนำไปสู่การเสียประตูให้เห็น เป็นเรื่องที่เจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังหาวิธีแก้รอยรั่วนี้โดยด่วน และจำเป็นต้องแก้ให้ได้โดยเร็วก่อนที่ปัญหาแนวรับจะถูกเปิดแผลไปมากกว่านี้จนกระทบการลุ้นแชมป์ 4. แนวรุกจบไม่ลง ลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างโอกาสยิง 3 นัดหลังสุดรวม 45 ครั้ง แต่เปลี่ยนเป็นประตูได้แค่ 2 ลูก มาเน่ , เฟอร์มิโน่ และซาลาห์ มีโอกาสจบสกอร์มากมายแต่ดูเหมือนจะพลาดเป้ากันไปหมด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะออกสตาร์ตเป็นตัวจริงติดต่อกัน 3 นัด ดูจะส่งผลกับสภาพร่างกายพอสมควร แต่ยังมีคำถาม มินามิโนะหายไปไหน? หรือลองใช้บริการชากิรี่สลับเป็นตัวจริงบ้าง แม้จะมีตัวเลือกแนวรุกหลายคนแต่คล็อปป์ดูจะเชื่อใจ 3 ประสานเป็นพิเศษ เป็นเรื่องที่ต้องได้รับการปรับแก้โดยด่วนเพราะตอนนี้ตารางคะแนนไม่มีช่องว่างผู้นำให้พลาดแล้ว 5. 4-3-3 ถูกดักทางได้แล้วหรือเปล่า? เป็นที่ทราบกันว่าแผนการเล่น 4-3-3 ของลิเวอร์พูล แม้แต่คนที่เพิ่งหัดดูบอลยังอธิบายได้เป็นฉาก ๆ ว่าแต่ละตำแหน่งเล่นกันยังไง ต้องปิดตัวไหน จนแทบจะเป็นแพทเทิร์นไปแล้ว ตรงจุดนี้ผู้จัดการทีมทุกคนต้องรู้เช่นกันจนรู้สึกว่าช่วงหลังทุกทีมวางแทคติกเตรียมรอดักมาจากบ้าน โดยเฉพาะวิงแบ็ก 2 ฝั่งแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับอเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่เคยเป็นจุดแข็งตอนนี้ไม่สามารถดันเกมจากแบ็กได้แบบเต็มที่มีตัวประกบ ตัวซ้อน จนออกอาการช็อตในที่สุด เป็นอีกจุดน่าสนใจว่าเจอร์เก้น คล็อปป์ จะวางหมากแก้เกมอย่างไรในนัดที่เหลือ โปรแกรมการแข่งขันของลิเวอร์พูลคืนวันศุกร์ที่ 8 มกราคมต้องไปเยือนแอสตัน วิลล่า ในเอฟเอคัพรอบ 3 ก่อนที่จะทำศึก แดงเดือด กลับมาเปิดแอนฟิลด์ทำศึกแตกหักลุ้นแชมป์กับปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม เวลา 23.30 น. ติดตามชมถ่ายทอดสดได้ทาง True Visions กันได้เป็นประจำเช่นเคย และลุ้นกันว่าฟอร์มของลิเวอร์พูลจะกลับมาดุเด็ดเผ็ดมันได้เหมือนเดิมไหม น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แล้วกลับมาพบกับบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจแบบนี้กันได้เป็นประจำที่ทรูไอดีเช่นเคยครับ.. ไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2020/21 สัปดาห์ที่ 17 เซาธ์แฮมป์ตัน พบ ลิเวอร์พูล ภาพประกอบโดย ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 ช่องดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ และกีฬาชั้นนำทั่วโลก >> คลิกที่นี่ ดูบอลพรีเมียร์ลีกฟรี ทุกสัปดาห์ ผ่านทาง ID Station >> คลิกที่นี่ ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดทุกแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี!