นักฟุตบอลทุกๆคน ต่างก็อยากที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การค้าแข้งของพวกเขา ทั้งรางวัลความสำเร็จกับสโมสร รางวัลความสำเร็จในทีมชาติของตน และอีกหนึ่งรางวัลที่นักฟุตบอลทุกคนต่างก็อยากจะได้ นั่นก็คือรางวัลความสำเร็จส่วนตัวของพวกเขาเอง แน่นอนครับ เมื่อพูดถึงรางวัลส่วนตัวแล้ว ชื่อของรางวัล "บัลลงดอร์" ก็จะเป็นชื่อรางวัลแรก ๆ ที่แฟนบอลทุก ๆ คนนึกถึง ผู้เล่นระดับโลกยุคอดีตหลาย ๆ คน ต่างก็ได้รางวัลนี้มาครอบครองแล้ว อย่างเช่นชื่อของริคาร์โด้ กาก้า, โรแบร์โต้ บาจโจ้, รุด กุลลิท แต่ในยุคปัจจุบัน เหมือนกับว่ารางวัลนี้กลายเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เล่นเพียง 2 คนอย่างลิโอเนล เมสซี่ และคริสเตียโน่ โรนัลโด มีเพียงแค่ลูก้า โมดริชเพียงคนเดียวที่สามารถแทรกขึ้นมารับรางวัลนี้ได้ในปี 2018 และมีนักฟุตบอลอีกหลาย ๆ คน ก็ยังไม่สามารถคว้ารางวัลนี้มาครองได้ ดังนั้นวันนี้ ผม "นายคิ้ว" จะขอนำเสนอ "5 ยอดนักเตะ ที่ครั้งหนึ่งควรได้บัลลงดอร์" จะมีใครกันบ้าง ไปเริ่มติดตามกันได้เลยครับ 1. เทียร์รี่ย์ อองรี (Thierry Henry) ในปี 2003 เริ่มกันที่คนแรกกันเลยครับ กับทางด้านของ "เทียร์รี่ย์ อองรี" ศูนย์หน้าทีมชาติฝรั่งเศส อองรีเริ่มมีชื่อเสียงจากการที่เขาได้ลงเล่นกับทีมอย่าง "โมนาโก" ในตำแหน่งปีกซ้าย เขาทำผลงานได้โดดเด่น จนกระทั่ง "ยูเวนตุส"strong> ควักเงิน 10.5 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัวเขามา แต่เหมือนการค้าแข้งของเขาจะไปได้ไม่สวยนักกับยูเวนตุส "อาร์เซนอล" จึงคว้าตัวมาในปีต่อมาด้วยค่าตัว 11 ล้านยูโร หลังจากนั้นเขาก็ถูกปรับตำแหน่งเป็นศูนย์หน้า และหลังจากนั้น อองรีระเบิดฟอร์มเทพ ยกระดับตัวเองมาเป็นนักเตะระดับโลก และเป็นหนึ่งในขุมพลในยุค "แชมป์ไร้พ่าย" ของอาร์เซนอลในฤดูกาล 2004/2005 ก่อนจะย้ายไปประสบความสำเร็จอีกครั้งกับ "บาร์เซโลน่า"strong> แล้วแขวนสตั๊ดในปี 2014 ส่วนในทีมชาติ ก็โดดเด่นมาก ๆ พาชาติคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 และฟุตบอลยูฟ่่า ยูโรปี 2000 ฟอร์มเขาโดดเด่นมาก ๆ แต่น่าเสียดายที่อองรี ไม่เคยได้บัลลงดอร์เลย ทั้งในปี 2004 ได้อันดับที่ 4 และในปี 2006 ได้เพียงอันดับที่ 3 และโดยเฉพาะในปี 2003 ที่ปีนั้นอองรีระเบิดฟอร์มสุดยอด ซัด 24 ประตูกับอีก 25 แอสซิสต์ในลีก กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่สามารถทำได้ 20 ประตูและ 20 แอสซิสต์ในฤดูกาลเดียวในห้าลีกชั้นนำ แต่สุดท้ายปีนั้นรางวัลตกเป็นของพาเวล เนดเวด ปีกซ้ายระดับตำนานของยูเวนตุส ที่พายูเวนตุสคว้าสคูเด๊ดโต้ และพายูเวนตุสเข้ารอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก 2. ชาบี้ (Xavi) ในปี 2008-2012 มาสู่ทางด้านของกองกลางลูกหม้อของทัพบาร์เซโลน่าอย่าง "ชาบี้" สุดยอดตำนานของทีม เขาเติบโตมาจากศูนย์ฝึกของบาร์เซโลน่า "ลา มาเซีย" นั่นเอง เริ่มได้ลงสนามในทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 18 ปี หลังจากนั้นเขาก็ทำผลงานดีขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งช่วงพีคของเขาก็เริ่มมาถึง ปี 2006 ต้นสังกัดเขาก็คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก หลังจากนั้นเขาก็เป็นจอมทัพ พาทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปี 2008, ฟุตบอลโลกปี 2010 และฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปี 2012 ในสโมสรก็ดีวันดีคืน เป็นจอมทัพพาบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์มากมาย แต่ด้วยความที่ชาบี้ เล่นอยู่ในสมัยที่มีนักเตะที่มีชื่อว่า "ลิโอเนล เมสซี่" และนักฟุตบอลทีมคู่อริอย่าง "คริสเตียโน่ โรนัลโด" ทำให้ชาบี้ ทำได้เพียงคว้าอันดับที่ 3 ในปี 2009, 2010 และปี 2011 และอันดับที่ 4 ในปี 2008 และปี 2012 3. เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ (Wesley Sneijder) ในปี 2010 "สไนจ์เดอร์"strong> ในปี 2009/2010 สมัยที่เขาเล่นให้กับอินเตอร์ มิลาน ภายใต้การทำทีมของโฆเซ่ มูรินโย่ ฤดูกาลนั้นเป็นฤดูกาลที่สุดยอดของสไนจ์เดอร์เลย สไนจ์เดอร์เป็นผู้เล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ที่เป็นกำลังหลัก พาทีมอย่างอินเตอร์ มิลานคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ เขาได้ทั้งสคูเด๊ดโต้ในลีก ได้แชมป์โคปป้า อิตาเลีย และที่สำคัญที่สุดคือแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ที่ปีนั้นเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคไปได้ 2-0 อีกทั้งในทีมชาติ ยังพาทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เข้ารอบชิงชนะเลิศในฟุตบอลโลกปี 2010 ก่อนจะแพ้ทีมชาติสเปนไป 1-0 ปีนั้นเขาสุดยอดมาก ๆ แต่สุดท้ายแล้วในปีนั้น เขากลับได้เพียงอันดับที่ 4 และเป็นลิโอเนล เมสซี่ คว้ารางวัลไป 4. ฟร้องค์ ริเบรี่ (Franck Ribery) ในปี 2013 ตอนนี้อยู่กับคนที่ 4 กันแล้วนะครับกับทางด้านของ "ฟรองค์ ริเบรี่"strong> ปีกซ้ายสัญชาติฝรั่งเศส ริเบรี่เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ กับทีมบาเยิร์น มิวนิค เขาพาบาเยิร์นฯ คว้าแชมป์บุนเดสลีก้า 9 สมัย และเดเอฟเบ-โพคาล 6 สมัย โดยเฉพาะในปี 2012/2013 ปีนั้นริเบรี่ ระเบิดฟอร์มสุดยอด ด้วยความสามารถในการไปกับบอลที่สุดยอด รวมทั้งความคิดของเขาที่เป็นเลิศ เขาสร้างสรรค์เกมริมเส้นได้สุดยอดมากๆ เขาทำไป 11 ประตูกับอีก 23 แอสซิสต์ และพาทีมบาเยิร์นฯ คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ไปได้ ทั้งแชมป์บุนเดสลีก้า ในชนิดที่บาเยิร์นฯ นั้นไม่เคยหล่นมาจากอันดับหนึ่งเลย พาทีมคว้าแชมป์เดเอฟเบ-โพดาลเหนือสตุ๊ดการ์ต 3-2 และพาทีมต้นสังกัด เอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในนัดชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกไปได้ 2-1 แต่สุดท้ายปีนั้น เขากลับได้เพียงอันดับที่ 3 แล้วกลับกลายเป็น "คริสเตียโน่ โรนัลโด" ที่ได้รางวัลบัลลงดอร์ปี 2013 หลังจากเหตุการณ์นั้น ริเบรี่ก็ได้ถึงกับพูดออกมาเองว่า "ปีนั้นเขาสมควรที่จะเป็นผู้ชนะรางวัลบัลลงดอร์"strong> 5. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (Robert Lewandowski) ในปี 2020 ปิดท้ายกับทางด้านของ "โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้"strong> ศูนย์หน้ายอดดาวยิงของบาเยิร์น มิวนิคและทีมชาติโปแลนด์ ในฤดูกาลนั้น เลวานดอฟสกี้ ยิงประตูอย่างบ้าคลั่ง พาทีมต้นสังกัดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้เป็นครั้งที่สอง ทั้งแชมป์บุนเดสลีก้า ที่ในลีกเขาทำไปทั้งสิ้น 34 ประตู คว้าเดเอฟเบ-โพคาลได้อีก 1 สมัย และคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกได้อีก 1 สมัย โดยในฟุตบอลถ้วยทั้งสองรายการนั้น แบ่งเป็น เดเอฟเบ-โพคาล 5 ประตู และยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก 15 ประตู กลายมาเป็น "ผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกภายใน 1 ฤดูกาล" แต่อย่างไรก็ตาม นักเตะรายนี้มีเหตุผลที่ไม่ได้รางวัลที่แปลกกว่าใครเพื่อน เนื่องจากในฤดูกาลนั้น อย่างที่พวกเราทราบกันดีว่าเชื้อ "โควิด 19" เข้ามาปั่นป่วนในโลกนี้อย่างหนักมาก ๆ รวมถึงในวงการฟุตบอลด้วย ทำให้ทางด้านผู้จัดรางวัลนี้ ตัดสินใจที่จะยกเลิกการมอบรางวัลบัลลงดอร์ในปี 2020 ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับ "5 นักเตะที่ครั้งหนึ่งควรได้บัลลงดอร์" สำหรับผมนั้น ผมคิดว่า "โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้"strong> น่าสงสารที่สุดในบรรดานักฟุตบอลทุกคนที่พลาดบัลลงดอร์เลยล่ะครับ ท่านผู้อ่านคิดเช่นไรกันบ้างครับ อาจจะมีนักฟุตบอลบางคนที่ท่านคิดไว้แต่ไม่มีในบทความนี้ ไว้มีโอกาสหน้า ผมจะกลับมาเขียนให้ท่านได้อ่านเพิ่มเติมแน่นอนครับ สำหรับตอนนี้ "นายคิ้ว" ขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่กับบทความหน้าครับ เรียบเรียงข้อมูลโดย นายคิ้ว 2.11.2563 ขอบคุณรูปภาพจาก sport.trueid.net รูปปก / รูปที่ 1 / รูปที่ 2 / รูปที่ 3 / รูปที่ 4 / รูปที่ 5