พ่อแม่ ผู้ปกครองหรือน้องๆคนไหนที่กำลังสนใจอยากเข้าศึกษาต่อในคณะเภสัชศาสตร์ บทความนี้จะตีแผ่ข้อเท็จจริงจากประสบการณ์โดยตรงของผู้เขียนบทความเอง1. คณะเภสัชศาสตร์เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง?คณะเภสัชศาสตร์เรียนทั้งหมด 6 ปี ซึ่งจะเรียนในคณะทั้งหมด 5 ปีและฝึกงาน 1 ปี โดยจะศึกษาเกี่ยวกับ “ยา” อาจแบ่งแยกสาขาย่อยเป็น 2 สาขา คือ สาขาเทคโนโลยีเภสัชกรรมและบริบาลเภสัชกรรม ซึ่งทั้ง 2 สาขาจะเรียนต่างกันโดยที่สาขาเทคโนโลยีเภสัชกรรมจะศึกษาตั้งแต่แหล่งของยา การผลิตยาด้วยเทคโนโลยีต่างๆ การควบคุมและประกันคุณภาพของยา รวมทั้งการผลิตยาจากสมุนไพร แต่สำหรับสาขาบริบาลเภสัชกรรมจะศึกษาในด้านการนำผลิตภัณฑ์มาใช้บำบัด บรรเทา รักษาและป้องกันโรค โดยจะเน้นการนำไปใช้กับมนุษย์มากกว่าสัตว์ 2. จะเรียนคณะนี้ต้องใช้พื้นฐานอะไรบ้าง?ในการเรียนต้องอาศัยพื้นฐานของหลายๆวิชาประกอบกันโดยวิชาเรียนส่วนใหญ่ในชั้นปีที่ 1 จะเป็นเนื้อหาเกี่ยวข้องกับพื้นฐานและการประยุกต์ของวิชาวิทยาศาสตร์ได้แก่ วิชาเคมี, ชีววิทยาและฟิสิกส์ นอกจากนี้ยังมีการสอนเน้นเนื้อหาเรื่องแคลคูลัสและภาษาอังกฤษ สำหรับชั้นปีที่ 2-6 จะเรียนรู้เนื้อหาเจาะลึกขึ้นกับว่าน้องๆเลือกศึกษาในสาขาใด ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการนำพื้นฐานที่เรียนมาประยุกต์ใช้กับวิชาชีพเภสัชกรรม 3. ค่าเทอมแพงหรือไม่?สำหรับคณะนี้หากน้องๆสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐค่าเทอมเฉลี่ยประมาณ 20,000-30,000 บาท แต่สำหรับมหาวิทยาลัยเอกชนค่าเทอมส่วนใหญ่ค่อนข้างสูงขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย นอกจากค่าเทอมแล้วนอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆเช่น อุปกรณ์การศึกษา, ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง และค่าเอกสารเพิ่มเติม รวมๆแล้วก็ค่อนข้างสูง ดังนั้นก่อนเข้าศึกษาทุกคนควรวางแผนทางการเงินให้ดี 4. สามารถเข้าศึกษาเพื่อรอซิ่วได้หรือไม่?สำหรับน้องๆที่ต้องการศึกษาที่คณะนี้ระหว่างรอซิ่วไปคณะอื่น ก่อนอื่นต้องกล่าวว่าเมื่อน้องๆสอบติดคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยใดก็ตามจะมีการทำสัญญากับทางคณะโดยหากน้องๆต้องการจะซิ่วไปคณะอื่นต้องมีการจ่ายเงินให้กับทางคณะปีละประมาณแสนกว่าบาท ดังนั้นบทความนี้จึงอยากให้น้องๆได้รู้ข้อเท็จจริงนี้ก่อนจะตกลงทำสัญญากับทางคณะ ซึ่งเชื่อได้ว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน 5. จบแล้วสามารถทำงานอะไรได้บ้าง?สายงานด้านนี้ถือว่าหลากหลายกว่าที่คิด หลายๆคนคงมองเห็นภาพเภสัชกรจ่ายยาในโรงพยาบาล หรือ เภสัชกรที่ขายยาในร้านขายยา แต่นอกจากนั้นยังมีสายงานอื่นๆที่ยังต้องการเภสัชกรเจ้าไปร่วมทำงานด้วย เช่น เภสัชกรประจำโรงงานดูแลเรื่องการคิดค้นพัฒนายา ผลิตยา และควบคุมคุณภาพยา หรือ เภสัชกรที่ทำงานในบริษัทยาทั้งในและต่างประเทศเพื่อดูแลเรื่องการขึ้นทะเบียนยา รวมถึงงานที่หลายๆคนใฝ่ฝันคือผู้แทนยา ซึ่งหลายๆสายงานดังกล่าวหากพิจารณารายได้แล้วถือว่าสูงพอสมควร ดังนั้นถ้าไม่เลือกงานก็จะไม่ตกงานและไม่ยากจนแน่นอน สุดท้ายนี้ผู้เขียนบทความหวังว่าข้อมูลที่ท่านได้รับจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยและหากมีข้อสงสัยใดๆเพิ่มเติมสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ เครดิตรูปภาพทั้งหมดจาก https://pixabay.com/thภาพหน้าปก/ภาพที่1/ภาพที่2/ภาพที่3