กลับมาอีกครั้งกับบทความดีๆ เกี่ยวกับการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ในช่วงวันหยุดอากาศดีๆ แบบนี้ ภัสจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาบอกเล่าวิธีการที่ตนเองใช้ฝึกภาษาอังกฤษผ่านการฟังเพลง ต้องขอเท้าความก่อนนะคะ ว่ากว่าภัสจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องอย่างทุกวันนี้นั้น ผ่านการฝึกฝนและเรียนเอง (ไม่เคยติวที่ไหนมาก่อน) เป็นเวลาเกือบ 7 ปีแล้วล่ะค่ะ ค่อยๆ สะสมมาเรื่อยๆ ทีละนิด รวมถึงทุกวันนี้ภัสก็ยังรับสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนหลายๆ คนไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ น้องๆ มัธยม นักเรียนเตรียมทหาร ภัสจึงมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถแชร์และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนภาษาได้ไม่มากก็น้อย Step การเรียนภาษาจากการฟังเพลงที่ภัสใช้เองมีทั้งหมด 5 Steps ง่ายๆ จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย 1. เลือกเพลงที่ ‘ชอบ’ และ ‘ใช่’Photo by Malcolm Garret from Pexels เคล็ดลับที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของการทำให้สามารถใช้เวลาอยู่กับการฝึกฝนภาษานั้นๆ ได้ในระยะยเวลานานคือการเรียนภาษาผ่านการทำสิ่งที่เรารักค่ะ และการฟังเพลง ก็ดูเป็นเรื่องที่น่าสนุก และไม่ได้ยากอย่างที่คิดใช่มั้ยล่ะคะ วิธีเลือกเพลงก็คือต้องเลือกจากเพลงที่เราชอบ และอยากเข้าใจความหมาย แนะนำให้หลีกเลี่ยงเพลงแนว Mental หนักๆ หรือ Rap เยอะๆ เพราะการใช้ภาษาและความเร็วในการพูดนั้น อาจอยู่ในระดับที่ยากเกินไปในการเริ่มฝึกช่วงเเรกๆ ค่ะ ภัสขอแนะนำเพลงสบายๆ สำเนียงฟังเข้าใจง่ายของศิลปินอย่าง Lauv, Taylor Swift และ Bruno Mars ค่ะ 2. ฟังเพลงรอบที่ 1 (ไม่ดูเนื้อเพลง)Photo by Stas Knop from Pexels ในการฝึกภาษาอังกฤษผ่านการฟังเพลงจำเป็นต้องฟังเพลงหลักๆ อยู่ประมาณ 2-3 รอบค่ะ นอกเหนือจากนั้นจะเป็นการฟังนอกรอบเพื่อให้ติดหูจนสามารถร้องตามได้เท่านั้นเองค่ะ ใน Step แรก ภัสแนะนำให้ฟังเพลงโดยไม่ดูเนื้อเพลงก่อน เราเพียงแค่นั่งนิ่งๆ (หลับตา) โฟกัสกับทุกๆ ท่อนที่ได้ยิน พยายามฟังให้รู้ว่าเขาพูดว่าอะไร ทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยต้องไม่กดดันตัวเอง ใน Step นี้ นอกจากจะได้ฝึก Listening skill แล้ว ยังเป็นการฟังเพื่อปรับ Accent ในการพูดของตัวเองได้ด้วยนะคะ ภัสมักจะให้ความสำคัญกับการออกเสียงและสำเนียงที่ถูกต้อง ก่อนการทำความเข้าใจความหมายของประโยคค่ะ เพราะถ้าหากเราลองนึกย้อนดีๆ ว่าเด็กทารกคนหนึ่งสามารถเข้าใจภาษาใดๆ ก็ตามที่พ่อแม่พูดได้อย่างไร เราจะพบว่า Step การเรียนภาษาตามธรรมชาติของมนุษย์คือ Listening, Speaking, Reading, and Writing นั่นเอง จริงมั้ยล่ะคะ 3. ฟังเพลงรอบที่ 2 (ดูเนื้อเพลงไปด้วย)Photo by Vlad Bagacian from Pexels หลังจากที่เราพอจะเข้าใจเนื้อเพลงมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย ในรอบต่อไปให้ฟังเพลงและอ่านเนื้อเพลงตามไปด้วยค่ะ ในครั้งนี้จะเป็นการเช็คว่าประโยคที่เราได้ยินไม่ทันเมื่อกี้นั้นคือคำว่าอะไรกันแน่ ได้ทำความเข้าใจเนื้อเพลงให้มากขึ้นและร้องตามเพื่อปรับ Accent ได้เลิศๆ โดยไม่ต้องเสียเงินเพื่อไปฟังเจ้าของภาษาตัวเป็นๆ 4. ทำความเข้าใจความหมาย (Vocabulary and Meaning)Photo by rawpixel.com from Pexels ในขั้นตอนนี้ สิ่งที่ภัสทำคือภัสจะขีดเส้นใต้ทุกๆ คำศัพท์ที่ไม่เข้าใจและค้นหาความหมายค่ะ หลังจากที่รู้คำศัพท์ทุกคำแล้ว ให้ลองอ่านทำความเข้าใจความหมายทีละท่อนดู หากไม่เข้าใจจริงๆ ก็สามารถเปิดคำแปลตามเว็บและทำความเข้าใจว่าทำไมท่อนนี้จึงแปลออกมาได้เช่นนี้ ต้องอาศัยความเข้าใจของแกรมม่า สำนวน หรือ Phrasal Verb คำใดเป็นพิเศษหรือไม่ 5. ฝึกร้องบ่อยๆ จนไม่เป็นจำต้องดูเนื้อเพลงPhoto by Burst from Pexels และแล้วก็เดินทางมาถึง Step สุดท้ายก็แล้วล่ะค่ะ ในขั้นตอนนี้ให้เราหาเวลาฟังเพลงนั้นซ้ำๆ วนไปเรื่อยๆ จนสามาถร้องตามได้เป๊ะๆ โดยไม่ต้องดูเนื้อเพลงค่ะ สิ่งที่สำคัญคือในทุกๆ คำที่ร้องออกมา ให้พยายามนึกถึงความหมายของท่อนนั้นๆ การฝึกเช่นนี้จะทำให้สมองเคยชินกับโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษและการเรียบเรียบคำโดยไม่ต้องนั่งท่องเเกรมม่า อ่านตำราให้ปวดหัวเลยล่ะ! และนี่ก็คือ ‘5 steps เรียนภาษาผ่านการฟังเพลง’ ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะคะ อย่าลืมว่าจริงๆ แล้วการเรียนภาษานั้นต้องใช้เวลาค่ะ ต้องอยู่กับมัน และพาตัวเองก็เข้าไปอยู่ในจุดที่ได้ใช้บ่อยๆ จนเกิดการเรียนรู้และความเคยชิน หากเพื่อนๆ เป็นคนหนึ่งที่อาจไม่ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนเพื่อฝึกภาษา การเรียนรู้ภาษานั้นๆ ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน หรือสิ่งที่เรารัก ก็จะทำให้สามารถใช้เวลาอยู่กับมันได้นาน และไม่ท้อใจจนเลิกไปกลางทางเสียก่อนค่ะ