ไลฟ์แฮ็ก
5 วิธี เปลี่ยนตัวเองให้ productive สุดๆ!
ความขี้เกียจ ต่อให้เราไม่อยากมี มันก็มักจะเป็นแพ็กเกจขายคู่มาพร้อมๆ กับการเกิดเป็นมนุษย์เนี่ยแหละค่ะ หากให้เลือกระหว่างการอ่านหนังสือ 1 หน้า กับการอ่านหนังสือ 1 เล่ม โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อเสนอใดๆ ร้อยทั้งร้อยสมองของเราจะสั่งการให้เราเลือกข้อแรกอย่างไม่มีลังเลเลยใช่มั้ยล่ะคะ เพราะฉะนั้นแล้วความขี้เกียจจึงถือเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่ในเมื่อความจริงแล้วเราทุกคนย่อมมีอะไรในชีวิตให้จัดการอยู่มากมายไม่จบไม่สิ้น ผู้คนที่ประสบความสำเร็จจึงถูกเรียกว่าเป็นบุคคลต้นแบบของการฝืนธรรมชาติ และจัดการกับความขี้กียจในตัวได้อย่างราบคาบ ทำอย่างไรล่ะ ถึงจะกำจัดความขี้เกียจ และสามารถบริหารจัดการทั้งงานและเรื่องส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ภัสมี ‘5 วิธี เปลี่ยนตัวเองให้ productive สุดๆ’ ไม่ยาก สามารถทำตามได้ทุกเพศ ทุกวัย จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยยย
Advertisement
Advertisement
1. Always set a goal (ตั้งเป้าหมายให้ชีวิตเสมอ)
Photo by rawpixel.com from Pexels
สิ่งหนึ่งที่ลึกๆ แล้วเราทุกคนต่างคิดเหมือนกัน ก็คือ ’ความอยาก’ ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่แยกคนประสบความสำเร็จออกจากคนที่ ‘ยัง’ ไม่ประสบความเร็จได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ ‘การตั้งเป้าหมายให้ชีวิต’ ถ้าหากคุณไม่เคยให้เวลากับตัวเอง ไม่เคยถามตัวเองว่าเป้าหมายในชีวิตคืออะไร ก็ย่อมไม่แปลกที่จะรู้สึกว่าชีวิตช่างน่าเบื่อ ไม่มีอะไรให้ทำ ไม่มีอะไรน่าสนใจ ในหนึ่งวันส่วนใหญ่มักหมดเวลาไปกับการนอน เล่นโทรศัพท์ และออกไปเที่ยวเพื่อเพิ่มสีสันให้ชีวิต
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากหลุดออกจากวงจรชีวิตแบบนี้ ลองหยิบกระดาษขึ้นมา 1 แผ่น ใช้เวลาอยู่กับตัวเองและถามตัวเองในคำถามดังต่อไปนี้ค่ะ…
“ในอนาคตอนอยากใช้ชีวิตอย่างไร”
Advertisement
Advertisement
“เห็นตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร อยากให้มีสิ่งใด หรือความสำเร็จใดเกิดขึ้นบ้าง”
“ทุกวันนี้สังเกตุตัวเองหรือไม่ว่ากำลังชอบ หรือให้ความสนใจกับสิ่งใด กิจกรรมใด หรืออาชีพลักษณะใดเป็นพิเศษ”
เมื่อเราเริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้นแล้ว สิ่งต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือการสับเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายเล็กๆ ในระยะเวลาสั้นๆ ถามตัวเองว่า ‘หากต้องการไปถึงเป้าหมายใหญ่ มีสิ่งใดที่ต้องทำ หรือต้องเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จบ้าง เพื่อที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายสูงสุดได้ ใส่วันและเวลาที่จะเริ่มทำ รวมถึงวันที่ที่เราจะต้องทำให้สำเร็จในแต่ละเป้าหมายย่อยๆ ด้วยนะคะ
2. Become morning person (ตื่นแต่เช้าทุกวัน)
Photo by Mikey Dabro from Pexels
ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักจะให้ความสำคัญกับการตื่นแต่เช้าเพื่อเริ่มวันใหม่ก่อนคนอื่น และทำอะไรได้มากกว่าคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่จริงแล้วคนเรามีเวลา 24 ชม. ในแต่ละวันเท่าๆ กัน ส่วนถ้าถามว่าแล้วจะให้ตื่นขึ้นมาทำอะไร ภัสขอแนะนำเป็นการ ‘อ่านหนังสือ’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังสือการพัฒนาตนเองหรือหนังสือสร้างแรงบันดาลใจค่ะ หลังจากที่อ่านหนังสือเหล่านี้แล้ว เราจะรู้สึกได้ทันทีว่าอยากลุกไปทำนู่นทำนี่ อยากทำให้ทั้งวันของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ
Advertisement
Advertisement
3.ฟัง podcast
Photo by rawpixel.com from Pexels
ทุกวันนี้การหาความรู้ให้ตัวเองไม่จำเป็นต้องลงทุนนั่งจมกับกองหนังสือทั้งวันทั้งคืนเหมือนเมื่อก่อนแล้วละค่ะ การเลือกฟัง podcast ระหว่างขับรถไปทำงาน ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ทำให้เรารู้จักบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการเติมไฟให้ตัวเองทำตามเป้าหมายอยู่ตลอดด้วยค่ะ
Podcast ที่ภัสแนะนำคือของ The Standard ชุด Super productive podcast ค่ะ การันตีได้เลยว่า podcast ชุดนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงาน การใช้ชีวิต และจุดประกาย passion ในตัวคุณอยู่เสมอ
4.Meditation (นั่งสมาธิ)
Photo by Sam Kolder from Pexels
ภัสเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ถึงสรรพคุณ ความดีงามของการนั่งสมาธิที่จะช่วยให้เรานิ่งขึ้น โฟกัสกับการทำงานได้มากขึ้น ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น แต่กลับไม่ใช่ทุกคนที่นำเอาไปปรับใช้ในชีวิตใช่มั้ยละคะ
ภัสเองก็เป็นคนหนึ่งที่เมื่อก่อนไม่เคยนั่งสมาธิเลย แต่พอเข้าช่วงปิดเทอม ได้มีเวลาขบคิด อยู่กับตัวเองมากขึ้น ก็เริ่มหันมานั่งสมาธิเพราะหวังว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ผลจากการนั่งสมาธิทุกวันของภัสคือรู้สึกสงบมากขึ้นแม้ในยามที่กดดัน ตื่นเต้น หรือเป็นกังวลว่าจะทำสิ่งๆ หนึ่งได้ดีหรือไม่
ภัสขอแนะนำให้ทุกคนเริ่มจากการนั่งสมาธิในตอนเช้าหรือก่อนนอนสัก 2-3 นาทีก่อนในตอนเริ่มต้น และค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อร่างกายเริ่มชิน การนั่งสมาธิจะช่วยให้เราตระหนักอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่ และต้องทำอะไรต่อไป เพื่อไม่ให้หลุดจากเป้าหมายที่ตั้งไว้
5.Exercise ออกกำลังกาย
Photo by Dominika Roseclay from Pexels
มีคนเคยบอกว่าการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มเวลา prime time หรือเวลาที่สมองสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในหนึ่งวัน พอรู้แบบนั้น ภัสจึงเริ่มแบกร่างที่ไม่ได้ออกกำลังกายมาปีกว่ากลับไปเข้าระบบอีกครั้ง สิ่งหนึ่งที่ภัสรู้สึกได้ทันทีหลังจากออกกำลังกายคือรู้สึกสมองกลับมาเฟรชอีกครั้ง และรู้สึกใจสงบอย่างบอกไม่ถูกค่ะ ทำให้ภัสสามารถอ่านหนังสือและเพิ่มงานอดิเรกคือการเขียนบทความในช่วงเย็นของทุกวันได้ แม้จะมีทั้งการฝึกงานหลัก งานสอนหนังสือ และโปรเจคเล็กๆ เพื่อสานฝันตัวเองที่ต้องจัดการตลอดทั้งสัปดาห์ ตารางชีวิตแน่นสุดๆ แต่ก็ทำได้อย่างไม่มีบ่นเลยละค่ะ แถมรู้สึกสนุกด้วยนะคะ
เห็นมั้ยล่ะคะว่า 5 วิธี ที่ภัสนำมาเสนอในวันนี้ไม่มีอะไรยากจนทำไม่ได้เลย แต่เราเลือกที่จะไม่ทำเพราะความขี้เกียจที่ยังไง้ยังไงก็กำจัดออกไปไม่ได้สักที นี่เป็นโอกาสดีแล้วละคะ ที่เราจะได้เริ่มปิดโทรศัพท์ (หลังจากอ่านบทความนี้เสร็จ) และดีดตัวเองออกจากเตียงเพื่อเริ่มร่างแผนการให้ชีวิตเราดำเนินไปอย่างมีเป้าหมาย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่าลืมนะคะ ว่าไม่มีวันไหนที่คุณจะพร้อมที่สุดเท่าวันนี้แล้วละค่ะ หากไม่เริ่มวันนี้ ก็จะไม่มีวันไหนเลยที่คุณจะเริ่มทำมันจริงๆ เชื่อภัสนะคะ การมีเป้าหมายในชีวิตจะทำให้เรามองโลกใบนี้ที่สุดแสนจะน่าเบื่อต่างไปจากเดิมในพริบตา เราจะอยู่อย่างมีความสุข และภูมิใจที่ได้ทำให้ในหนึ่งวันของเรามีคุณค่า เราจะอยู่อย่างมีความหวังว่าพรุ่งนี้จะต้องดีขึ้นเสมอค่ะ
ความคิดเห็น